24 ต.ค. 2020 เวลา 13:30
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่22,
(24/10/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
คืนวันเสาร์นี้ ขอส่งจันทร์เจ้าขา ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลินก่อนนอนกันนะครับ 😇❤️💙💚🎶🎵
สุขสันต์วันเสาร์นะครับ
บทที่ 4 ขจรมาลา
ตอนที่ 22 รัตนติงสาอภินวปุรีสรีคุรุรัฎฐพระนครเชียงใหม่ (5)
#ณ.บริเวณประตูทางออกจากโลกวิญญาณฝั่งป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
ท่านท้าวเวสสุวรรณ และเหล่านายนิรยบาล ได้พากันมาส่งคุณหนูฆฤณ และคณะของคุณหลวงหนุ่ม ..ยังบริเวณประตูวิญญาณฝั่งป่าช้าเก่าเวียงกุมกาม..
จากนั้นท่านท้าวเวสสุวรรณจึงได้ระบายลมหายใจยาวเป็นกลุ่มควันสีเขียว ออกมากลุ่มหนึ่ง..
“คุณหลวงขอรับ กระผมจำได้ว่า ท่านท้าวฯได้กระทำลักษณะเดียวกันนี้ กับผีนางบัวตอง.. แล้วพอสูดควันนี้ฟืดเดียว ก็จะจำอะไรไม่ได้ และต่อมาร่างก็จะสลายไปเกิดใหม่เลยนะขอรับ..มันดูท่าจะไม่ค่อยดีนะขอรับ ”
สมิงไพรหนุ่ม ป้องปากกระซิบพูดกับคุณหลวง..
พลางกระชับปืนในมือเตรียมพร้อมไว้..
ขณะเดียวกันท่านท้าวเวสสุวรรณก็ได้ชายตามองมาที่สมิงไพรหนุ่ม และกระแอม ดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า..
“เจ้าสมิงไพรหนุ่ม ช่างสังเกต ระแวดระวัง ราวกับเสือหนุ่ม ที่เพิ่งพลัดออกจากป่า มาเห็นโลกกว้างเสียจริงๆ..
มรกตอัคนิพ่าห์ (ควันสีมรกต) ที่เจ้าเห็นนี้.. มิได้ใช้เพื่อลบล้างความจำ.. หรือนำกายเนื้อเจ้าไปสู่ภพภูมิใหม่ไม่..
แต่จะใช้เพื่อ นำพาเจ้าออกจากประตูวิญญาณ ไปสู่ในเวลาเดิมที่เจ้าจากมา..
ด้วยว่าเวลาระหว่างโลกมนุษย์ โลกวิญญาณ โลกสวรรค์ และโลกบาดาล นั้นเดินช้าเร็วแตกต่างกันนัก..
ถ้ามนุษย์ผู้ใดหลุดเข้าสู่ประตูโลกวิญญาณ หรือ โลกสวรรค์ โดยมิได้มีอัคคีมรกต หรือ มรกตอัคนีพ่าห์ ใกล้ตัว แลล้อมรอบอยู่ แล้วนั้น..
เมื่อมนุษย์ผู้นั้นได้หวนคืนกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
เวลาในโลกนั้นเดินเร็วกว่า.. เวลาในสวรรค์ หรือ นรกมากนัก..
ผลก็คือ มนุษย์ผู้นั้น ก็จะกลายร่างชราแก่หง่อม หรือไม่โลกของเขาก็จะเคลื่อนไปสู่อีกยุคสมัยหนึ่ง..”
คุณหนูฆฤณ พยักหน้าคิดตาม และกล่าวขึ้นว่า..
“อ้อ.. เป็นเช่นนี้เองนะเจ้าคะ.. ช่างคล้ายคลึงกับตำนานของเด็กน้อยที่ชื่อ
อุราชิม่า ทาโร่ เลยเจ้าค่ะ..
อุราชิม่า ทาโร่:2442
ท่านพ่อเจ้าคะ..หนูฆฤณ และเพื่อนๆ ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านพ่อ ..
และขอกราบลาท่านพ่อ และพี่ๆ นิรยบาลทุกๆตน ก่อนแล้ว นะเจ้าคะ..”
ท่านท้าวเวสสุวรรณพยักหน้ายิ้มให้คุณหนูฆฤณ.. แล้วจึงค่อยๆโบกมือให้ มรกตอัคนิพ่าห์ ลอยไปล้อมรอบคณะของคุณหลวงหนุ่ม
จากนั้นจึงหันมาพูดกับ คุณหนู
ฆฤณว่า..
“พ่อขอมอบพระคาถาหนึ่ง ให้ลูกฆฤณ ไว้ ก่อนจะจากลากันในครั้งนี้ ..
ก่อนจะใช้พระคาถานี้ ขอให้ลูกฆฤณ หักกิ่งไม้จากต้นไม้ใหญ่ แล้วเป่ามนต์พระคาถานี้ ว่า..
พา มา นา อุ กะ สะ นะ ตุ
พร้อมกับนึกถึงพ่อ..ไม้นี้จะเปลี่ยนเป็น คชกุศ อันทรงอานุภาพ..
โดยเมื่อลูก กลับคืนยังโลกแล้ว.. ขอจงให้ควาญช้างปลดกูบที่นั่งลงเสีย.. แล้วลูกใช้คชกุศ ตีที่ช้างแต่ละตัว..
ช้างเหล่านั้น ก็จะเข้าป่าหายไป..”
คุณหมอชอว์ กับผู้กองหนุ่ม ถอนหายใจฟืดใหญ่ ขัดจังหวะ แล้วยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว พร้อมกับอุทาน ว่า..
“เดี๋ยวๆๆๆ นะขอรับ..
ปลดกูบ.. ตีช้าง ..แล้วปล่อยให้เข้าป่าหายไป..หรือ ขอรับ ”
ท่านท้าวเวสสุวรรณชายตามองตามเสียงร้องทัก
แล้วเขม่นตาจ้องอีกครั้ง..
เหมือนผู้ใหญ่ใช้สายตาดุปรามคณะเด็กแก่น อย่างไรอย่างนั้น ..
จากนั้นจึงพูดต่อว่า..
“แล้วช้างพังเหล่านั้น.. จะกลับคืนมาใหม่..พร้อมนำช้างพลาย อันมีลักษณะดี งามสง่า สมเกียรติ มาให้ใช้งานแทน..และจะมีช้างหนึ่งที่เป็นช้างเผือกงาม ..
ช้างเผือกนั้นให้ใช้เป็นกูบนั่งของ คุณหนูดีองค์แม่ ลูกฆฤณ และคุณหลวงหนุ่ม นะลูกเอ๋ย..
ด้วยว่า ผู้ที่จัดเตรียมช้างพังให้ลูกฆฤณ และคณะคุณหลวงหนุ่มนั้น ก็เพราะอยากจะให้เกิดความอับอาย..
เมื่อเข้าสู่นครเชียงใหม่..
ดังนั้น เมื่อเจ้าเข้าถึงเวียงเจ้านครเชียงใหม่แล้ว..จงมอบช้างทั้งหมดนี้ให้ เจ้าอุบลวรรณา ต่อตามที่เห็นสมควรเถิด..”
คุณหนูฆฤณ และคณะต่างยกมือขึ้นประนมกราบขอบพระคุณ ในเจตนาและบรรดาสารพัดสิ่ง ที่ท่านท้าวเวสสุวรรณมอบให้ ในครั้งนี้..
แล้วจึงค่อยๆ ค้อมตัวเดินผ่านประตูโลกวิญญาณเข้าสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง..
..
..
คุณหมอชอว์ จดบันทึกรายละเอียดในขณะเดินผ่านประตูวิญญาณขากลับไว้อย่างน่าสนใจ ว่า..
“เข้าใจแล้วขอรับ..ควันไฟอนุภาคสีเขียวนี้ เป็นสสารธาตุ ที่ปรากฏได้ทั้งสามโลก และ สามารถแปรเปลี่ยน..พลังงานรอบๆ ให้มาเป็นไฟสีเขียวที่เป็นดั่งเกราะคลุมให้ผ่าน ประตูมิติ ..และเวลา..
..มิน่า เวลาเจอที่เราเจอผี.. จึงรู้สึกว่าอากาศโดยรอบจะเย็นยะเยือกลงกว่าปกติ ทางราชสำนักสยาม ..
น่าจะตั้งกระทรวงเวทย์มนต์ และวิทยาศาสตร์ ศึกษาขยายผลในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เสียนี่กระไรขอรับ..”
..
..
..
#ระหว่างทางไปยังวัดสังข์กระจาย
“ตึง ตึงตึง..ขณะนี้ ทางการได้ล้อมพวกเจ้าไว้หมดแล้ว ..
ขอให้แม่มดจ่าย และพ่อไกรสร ยอมมอบตัวเสียแต่โดยดี..พร้อมทั้งปล่อยตัวประกันคุณหนูน้อยซ์ เพื่อให้
โทษหนัก จักกลายเป็นเบาเถิด..”
คุณพีระ รีบเขียนร่างประกาศเตรียมให้ท่านเจ้าคุณสันติ ใช้พูดอยู่บนหลังม้า..
ในขณะที่หน่วยมหาดเล็กไล่กา และท่านเจ้าคุณกำลังเร่งเดินทางไปวัดสังข์กะจาย..เพื่อตามหาคุณหนูน้อยซ์..
คุณผาด ที่นั่งอยู่บนม้าอีกตัวหนึ่ง ก็ชะโงกหน้าอ่านเนื้อความนั้น..แล้ววิจารณ์ว่า..
“เขียนบทร่างให้ท่านเจ้าคุณพูดเช่นนี้ เกรงว่า ..
พวกโจรซ่องสุม จะยิงสวนมา ก่อนจะพูดจบนะขอรับ..
ฮ่ะฮ่ะ ฮ่ะ..”
คุณภัทร (บัค) จึงหันไปพูดกับคุณพีระว่า..
“อย่าไปสนใจ คำพูดพี่ผาดเลยขอรับ พี่พีระ..
พี่ผาดท่านเพิ่งกลับจากการติดตาม จมื่นไวยวรนาถ ไปปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้ายที่สุพรรณมา..และเจออะไรที่ไม่ดีมาน่ะขอรับ..
เห็นพี่ผาดยังต้องใช้ไม้ค้ำเดินอยู่ ใช่มั้ยขอรับ..”
“พี่ผาดท่านต่อสู้กับโจร แล้วโดนยิงสวนโดนขาบาดเจ็บ มารึ พ่อภัทร..” คุณพีระ เอ่ยถาม..
คุณภัทรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบตอบว่า
“มิใช่ขอรับ..
ขาท่านบวมจากการเตะน่ะขอรับ..
“อ้อ..พี่ผาดท่านเตะโจร.. “
คุณพีระพยักหน้าอย่างเข้าใจ..
คุณภัทร (บัค) หันมองซ้าย มองขวา แล้วส่ายหน้าตอบว่า .. “มิใช่ขอรับ..”
“อ้อออ งั้นโจรมันเตะขาพี่ผาด นี่เอง..”
“มิใช่ขอรับ..”
“เอ้า พ่อภัทร ..พี่ผาดมิได้เตะโจร.. และโจรก็มิได้เตะพี่ผาด.. แล้วใครเตะพี่ผาดกันเล่าพ่อ..”
คุณภัทรพูดเสียงทุ้มต่ำตอบว่า..
“สาวในตลาดน่ะขอรับ..
พี่ผาดท่านทานขนมปลา
กริมไข่เต่าไปเสียสองหม้อ
แล้วลืมหยิบอัฐไปน่ะขอรับ
พอท่านพูดว่า ลืมเอาอัฐมา เท่านั้น.. ยังไม่ทันพูดจบ..
แม่ค้าก็ตอบสวนกลับมาว่า
*กรูว่าแล้ว* แล้วก็ถกผ้านุ่งเตะเปรี้ยงเข้าที่ขา จนเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะขอรับ..”
คุณพีระ พยักหน้าตามอย่างเข้าใจ พลางลูบแขนตัวเอง
แล้วพูดว่า ..
“พี่เข้าใจดีเลย..พ่อภัทร
อย่าคิดแหย่ สาวสยาม เลยพ่อคุณ..”
ทันทีที่คุณพีระพูดจบ ..
คณะของเจ้าคุณสันติ ก็มาถึงยังบริเวณหน้าวัดสังข์กระจายพอดี..
..
..
#ณ.ฝั่งโลกมนุษย์บริเวณป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
“ฮัดเช่ย..” ผู้กองหนุ่มจามเสียงดังและทำจมูกฟุดฟิด
จนคุณหนูฆฤณ อมยิ้มเอ่ยถาม..
ผู้กองหนุ่ม โค้งศีรษะแล้วตอบว่า..
“กระผมคงสูดควันไฟสีเขียว..ไฟสีเขียวมากไปสักนิด.. จนเกิดอาการระคายสีเขียวน่ะขอรับ..”
“Oh It’s kind of Green Allergies,isn’t it?” หมอชอว์ กล่าวตอบอย่างอารมณ์ดีพร้อมเสียงหัวเราะ..แล้วยื่นลำโพงบ้ามวนนึงให้ผู้กอง ..
“Let’s sing the Rhymes with green weeds together.. กันขอรับ ฮ่ะฮ่ะ ฮ่ะ”
..
..
#ณ. ลานฝึกหัดบินของเหล่าเมขลา บนยอดคีรีการเวก
“ยามเหล่าครุฑ กระทำการอุกอาจใดๆ ในห้วงน้ำมหาสีทันดร .. เหล่าเทวดา และนางเมขลา ก็มิเคยนำพา..
มาคราวนี้ หาเหตุว่ามีผู้บุกรุกมาจากโลกมนุษย์ แล้วจะเข้าค้นมหาคีรีการเวก..
จากที่เห็นอยู่..ที่แท้ คืออยากจะกินเนื้อมนุษย์จนตัวสั่น น้ำลายไหล..
ปล่อยให้อวิชชา และวาตโมหะพัดกิเลสเข้าในใจ จนผิดเพี้ยน ไม่ยึดหลักธรรม หรือกฏใดๆกันอีกแล้ว..
ถ้าพวกครุฑยังดึงดันจะเข้ามาค้นให้ได้.. ข้าเทพอชิรา และเหล่าปักษาวายุภักษ์ ทั้งหลาย จักถือว่า นี่คือการเข้าปล้นของพวกครุฑ .. และพร้อมที่จะเปิดมหาสงคราม กับเหล่าครุฑ ในทันที..
ขอจงตรองให้ถี่ถ้วนเถิด..”
เทพอชิราพูดเสร็จ ก็ชัก
ดาบวงจันทราให้สัญญาณ ตั้งขบวนทัพของเหล่าเทพในเขตมหาคีรีการเวก ..
และสายตาเด็ดเดี่ยวของ
เทพอชิราก็จับจ้องยังกองทัพครุฑ..และเทพผู้ปกครองครุฑองค์นั้น อย่างไม่เกรงกลัวใดๆ..
“ช้าก่อน เจ้าค่ะ..
เทพอชิรา” เสียงหวานใส ดังกังวานของคุณหนูพา เอ่ยเรียก อยู่ด้านหลัง..
..
..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 22
..
..
#เกร็ดเพิ่มเติม
#คชกุศ
คชกุศขอช้างถือเป็นเครื่องรางมงคล 1 ใน 8 สิ่งมงคลของศาสนาพราหมณ์ ด้วยว่า..
ในตำราพระเวทเก่าแก่ได้กล่าวไว้ว่า คชกุศนั้นใช้ในการควบคุมตัวกิเลสให้อยู่ในที่ตั้ง เป็นศาสตราวุธประจำตัว พระพิฆเณศวรที่สามารถทำลายอุปสรรค ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างให้พ้นทาง..
สมัยครั้งแต่ก่อนนั้นภายในป่าหิมพานต์ ได้มีช้างมีฤทธิ์เดชมาก ชื่อเอกทันต์ ได้ สร้างความเกะกะละลานให้กับเหล่ามนษุย์เทวดา..
พระอิศวรจึงมีรับสั่งให้พระนารายณ์ลงไปกำราบพระนารายณ์ตามหา ช้างเอกทันต์จนพบ จึงให้บ่วงบาศคล้องช้างเอกทันต์เอาไว้ แต่เกิดปัญหาเพราะบริเวณที่จับช้างเอกทันต์เป็นทุ่งกว้างไม่สามารถหาต้นไม้ผูกช้างได้ ..จึงปักตรีศูรลงไปในดินและเสกให้ตรีศูลกลายเป็นต้นมะตูมยักษ์แล้วผูกช้างเอกทันต์กับต้นมะตูมใหญ่นั้น จนคลายความพยศ ..
แล้วได้หักกิ่งต้นมะตูมเสกเป็น คชกุศ บังคับนำช้างเอกทันต์เข้าพบพระอิศวร ต่อมาได้ทรงมอบคชกุศอัน นั้นให้กับพระพิฆเณศวรให้เป็นอาวธุ ประจำกาย..
#อุราชิม่าทาโร่
ตำนานของอุราชิมาทาโร่ ผู้ช่วยเต่าน้อยจากการถูกรังแก ..เต่าน้อยจึงตอบแทนด้วยการพาไปพบเจ้าหญิงโอโตะที่โลกบาดาล ซึ่งอุราชิมาทาโร่ก็อยู่กับเจ้าหญิงอย่างมีความสุขถึง7วัน
ก่อนจากลาจากขึ้นมาบนโลกมนุษย์ทางเจ้าหญิงก็ได้มอบหีบลึกลับให้ และบอกเพียงว่า "ให้ใช้ชีวิตบนโลกให้เต็มที่ก่อนนะถึงค่อยเปิดหีบดู" ซึ่งไม่นานหลังจากอุราชิม่าทาโร่กลับขึ้นฝั่ง เขาก็อยากรู้ว่าในหีบนั้นเป็นอะไร เขาจึงเปิดหีบนั้นดู โดยหลังจากเปิดหีบเขาก็ได้แก่ขึ้นอย่างรวดเร็วและตายลงข้างหีบนั้น เพราะแท้จริงแล้วหีบนั้นก็คือที่เก็บห้วงเวลาที่ต่างกันของโลกมนุษย์และโลกบาดาลเอาไว้ ..ภาพประกอบ:อุราชิมาทาโร่ภาพนี้ เขียนไว้ในช่วงปี พ.ศ.2442
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
24/10/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา