28 ต.ค. 2020 เวลา 21:59 • ปรัชญา
“การทำทานของพระท่านทำหลังจากที่ท่านเสร็จภารกิจของท่านแล้ว”
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
สำหรับผู้ที่เป็นนักบวชนี้ พระพุทธเจ้าก็ทรงสอน “ศีล สมาธิ ปัญญา” เท่านั้น ไม่ได้สอนให้ทำทานเพราะว่าทำทานผ่านไปแล้วนั่นเอง นักบวชทุกคนนี้จะต้องทำทานก่อนถึงจะบวชได้ จะต้องสละทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง สละครอบครัวสละสามีสละภรรยา สละลาภยศสรรเสริญต่างๆ ไปให้หมดถึงจะไปเป็นขอทาน คอยบิณฑบาตขอทานเลี้ยงชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยการขอทานบิณฑบาต โปรดสัตว์ แต่ไม่มีหน้าที่ไปหาเงินมาทำบุญทำทาน อันนี้ไม่ใช่หน้าที่ของพระภิกษุ ถ้ามาบวชแล้วมามีตั้งเป้าว่าจะมาหาเงินหาทองเพื่อไปสร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียน สร้างโบสถ์ สร้างเจดีย์ อันนี้ผิดหน้าที่ผิดเป้าหมายของการเป็นนักบวช การเป็นนักบวชนี้ต้องการมาปฏิบัติธรรม มาปฏิบัติมรรค มาเดินตามทางที่จะนำไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ ก็คือมาปฏิบัติ “ศีล สมาธิ ปัญญา” นั่นเอง แต่ถ้าหลังจากปฏิบัติจนถึงเป้าหมายแล้ว ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ทีนี้มีศรัทธาญาติโยมอยากจะร่วมทำบุญถวายเงินทองต่างๆ ก็สามารถที่จะเอาเงินทองที่ได้จากศรัทธาญาติโยมนี้ไปทำทานต่อได้ แต่มันมาเองไม่ได้ไปหามัน เงินทองต้องให้มันมาเอง มาด้วยอำนาจของธรรมที่ท่านได้บรรลุถึง พอเรารู้ว่าพระรูปนี้เป็นพระอรหันต์นี้ก็อยากจะไปทำบุญกับท่าน พอไปทำบุญกับท่านๆ ก็ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร เงินดับความทุกข์ไม่ได้ แล้วท่านก็ไม่ต้องใช้เงินมาดับความทุกข์ ท่านก็เลยเอาไปทำประโยชน์แก่โลกต่อไป เรียกว่า “สงเคราะห์โลก”
 
ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ท่านก็จะสงเคราะห์โลกตามอัธยาศัยของท่าน ไม่เหมือนกันทุกองค์ บางองค์ท่านก็สงเคราะห์โลกด้วยการสร้างโรงพยาบาล บางองค์ก็สร้างโรงเรียน บางองค์ก็สงเคราะห์ผู้ยากไร้ แล้วแต่กรณีของแต่ละองค์ แล้วแต่เหตุการณ์หรือบุคคลที่ไปเกี่ยวข้องกับท่าน บางทีท่านก็ไปเกี่ยวข้องกับผู้ที่ยากไร้ก็ไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ พอไปเกี่ยวข้องกับหมอก็ไปช่วยโรงพยาบาล พอไปเกี่ยวข้องกับครูอาจารย์ก็ไปช่วยโรงเรียน อันนี้เป็นไปตามอัธยาศัย อันนี้ไม่ได้ถือเป็นงานของพระ อันนี้เป็นงานแถม งานที่เมื่อเรียนจบแล้วสำเร็จแล้วไม่รู้จะทำอะไรอยู่เฉยๆ งานที่ตามมาหลังจากบรรลุก็คืองานสั่งสอน อันนี้เป็นงานของพระอรหันต์ทั้งหลาย ของผู้บรรลุทั้งหลาย มีหน้าที่เอาธรรมะที่ได้เรียนรู้นี้มาสั่งสอนให้แก่ผู้อื่น แต่เมื่อสั่งสอนแล้ว ผู้ที่มาฟังเทศน์ฟังธรรมก็เกิดศรัทธาก็อยากจะปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ปฏิบัติก็คือให้ทำทานนี่เอง ศรัทธาญาติโยมยังมีหน้าที่ทำทานอยู่ พอได้ฟังเทศน์ฟังธรรมก็เกิดศรัทธาอยากจะปฏิบัติ “ทาน ศีล ภาวนา” ขึ้นมาก็เลยบริจาคเงินทองให้กับพระที่แสดงธรรมให้ฟัง พระท่านรับมาท่านก็พอมีมากๆ ท่านก็เอาไปทำประโยชน์ให้กับ เบื้องต้นก็ทำประโยชน์ให้กับศาสนาก่อน เพราะศาสนานี้เป็นองค์กรที่สำคัญที่สุดในบรรดาองค์กรต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ เพราะถ้าไม่มีศาสนาจะไม่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์หลงเหลืออยู่ในโลกนี้นั่นเอง
 
ดังนั้น สิ่งแรกที่ท่านจะมุ่งไปก็คือการทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาก่อน เช่น วัดวาอารามต่างๆ ขาดแคลนอะไร ขาดแคลนที่อยู่อาศัยก็ไปสร้างกุฏิที่อยู่อาศัย ขาดแคลนเครื่องใช้ไม้สอยนี่ก็ไปหามาให้ ขาดแคลนอาหารบิณฑบาตก็ส่งอาหารไป วัดปฏิบัติบางวัดนี่ท่านอยู่ไกลจากความเจริญ อาหารการกินนี้ไม่ค่อยสมบูรณ์ ครูบาอาจารย์เวลาท่านไปเยี่ยมท่านมักจะขนอาหารแห้งคาวหวานต่างๆ ไปให้ เพื่อที่จะได้เสริมอาหารที่ได้จากบิณฑบาตจากชาวบ้านผู้ที่ยากจน ชาวบ้านที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารนี้ไม่ค่อยมั่งมี ไม่ค่อยมีอาหารใส่บาตรเหมือนกับชาวบ้านที่อยู่ตามบ้านตามเมือง ครูบาอาจารย์ท่านรู้ว่าสำนักไหนวัดไหนเป็นสำนักที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านก็จะคอยส่งเสบียงไปให้ คอยส่งอาหารคาวหวานของที่เก็บไว้ได้นานไป แล้วเวลาบิณฑบาตอาหารไม่พอเพียงก็อาศัยเสบียงที่ส่งไปให้ นี่คือหน้าที่อันแรกของพระที่หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว ทำหน้าที่คือเผยแผ่สั่งสอนธรรมะ แล้วมีศรัทธาญาติโยมอยากจะถวายเงินทองต่างๆ ให้ ท่านก็จะใช้เงินทองไปในการทำประโยชน์ ขั้นต้นก็มุ่งไปที่พระศาสนาก่อน พระศาสนาขาดแคลนอะไรก็ทำนุบำรุงไปตามพอสมควรต่อเหตุต่อผล
 
เมื่อพระศาสนาพอเพียงแล้วไม่เดือดร้อนแล้ว สามารถผลิตอริยบุคคลได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ขั้นต่อไปถ้ายังมีเหลืออยู่ก็ไปสงเคราะห์โลกต่อไปแล้วแต่โอกาสแล้วแต่เหตุการณ์ สมัยที่หลวงตาสงเคราะห์โลกยุคแรกๆ ท่านสงเคราะห์ชาวบ้านก่อน ชาวบ้านที่ท่านไปบิณฑบาตด้วย เขาขาดน้ำท่านก็ทำที่เก็บน้ำให้ ขาดอาคารเรียนก็สร้างอาคารเรียนให้ ต่อมาท่านก็ไปรู้จักกับหมอ หมอก็ขาดแคลนเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ขาดแคลนรถพยาบาล ขาดแคลนอาคารรักษาผู้ป่วย ท่านมีเงินทองที่ได้จากการทำบุญทำทานของศรัทธาญาติโยม ท่านก็นำเอาไปทำประโยชน์ต่อไป สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล ซื้ออุปกรณ์แพทย์ต่างๆ เพื่อสงเคราะห์โลกให้โลกอยู่กันอย่างผาสุก แล้วต่อมาก็มีปัญหาทางชาติ ประเทศไปเป็นหนี้เขา ต้องมีเงินไปจ่ายต้องมีเงินไปเสริม ท่านก็เลยมาช่วยชาติด้วยการบริจาคเงินและทองคำเข้าสู่คลังหลวง ให้คลังหลวงมีเงินสำรองเพื่อที่จะได้มีเครดิตในการที่จะใช้หนี้ที่ติดอยู่ได้ ถ้าไม่มีทองสำรองไว้เขาจะไม่เชื่อเครดิตเดี๋ยวเขาจะมายึดประเทศไป เขาจะมายึดทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในประเทศไป แต่ถ้าเรายังมีทองคำเก็บไว้ในคลังหลวงอยู่ แสดงว่าเรายังไม่เจ๊งไม่สิ้นเนื้อประดาตัว เขาก็เลยใจเย็นๆ รอเก็บหนี้จากเราไปได้โดยที่ไม่ต้องมายึดทรัพย์ นี่คือทำไมจึงมีการทำ “ผ้าป่าช่วยชาติ” กัน ช่วยเพื่อให้ประเทศเราอยู่รอด ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของเจ้าหนี้คือประเทศที่ร่ำรวยกว่าเรานั่นเอง
 
นี่คือเรื่องการทำทานของพระ ท่านทำหลังจากที่ท่านเสร็จภารกิจของท่านแล้ว ท่านไม่มาทำตอนที่ท่านยังต้องทำภารกิจของท่านอยู่ ตอนที่ท่านทำภารกิจ ถ้าไปศึกษาดูประวัติของแต่ละองค์นี้ไม่มีใครมาทำทานเลย มีแต่เข้าป่าเข้าเขา มีแต่ไปฆ่ากิเลสฆ่าตัณหาด้วยการปฏิบัติ “ศีล สมาธิ ปัญญา” ด้วยการปฏิบัติธุดงควัตรข้อต่างๆ จนในที่สุดกิเลสตัณหาที่พาให้ไปเวียนว่ายตายเกิดนี้ถูกทำลายหมดสิ้นไปจากใจแล้ว ใจไม่มีการที่จะไปเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป หลังจากนั้นท่านก็มีเวลาว่าง ก็เอาเวลาว่างนี้มาเผยแผ่ธรรมะให้แก่ผู้ที่สนใจต่อไป แล้วพอผู้มาฟังธรรมได้ยินได้ฟังว่า ถ้าอยากจะไปสู่การหลุดพ้นก็ต้องทำทาน รักษาศีล ภาวนา ก็เลยมีการทำทานกับผู้ที่แสดงธรรม ทำกับวัด ทำกับพระสงฆ์ตามมา อันนี้ต้องให้มันมาของมันเอง อย่าไปหาเงินเพื่อที่จะมาทำประโยชน์สงเคราะห์โลก อันนี้จะผิดหน้าที่จะหลงทาง เพราะว่าจะทำให้ผู้ที่จะต้องการหลุดพ้นจะไม่มีวันหลุดพ้น ถ้าตนเองยังไม่หลุดพ้นแล้วมัวแต่มาหาเงินทองมาทำผ้าป่าเพื่อที่จะมาสร้างโรงพยาบาล ซื้ออุปกรณ์แพทย์ หรือสงเคราะห์โลกด้วยวิธีการต่างๆ ทำไปถึงแม้จะได้มามากมายก่ายกองแต่จะไม่สามารถทำให้ผู้ทำนี้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้เลย จะเสียเวลาเสียโอกาสอันมีค่า เพราะถ้าตายจากโลกนี้ไปแล้ว ครั้งหน้ากลับมาเกิดใหม่อาจจะไม่มีพระพุทธศาสนาหลงเหลืออยู่ในโลกนี้แล้วก็ได้
ศาสนาของเรานี้มีอายุขัยนะเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ภายใต้กฎอนิจจัง จะต้องมีวันเสื่อมมีวันหมดไป ตามคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าก็คือประมาณ ๕๐๐๐ ปี หลังจาก ๕๐๐๐ ปีไปแล้ว จะไม่มีใครรู้จักพระพุทธศาสนา จะไม่มีใครเอาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเผยแผ่สั่งสอนอีกต่อไป ดังนั้น ตอนนี้เรามีพระธรรมคำสอน มีผู้นำทางเรารีบใช้ผู้นำทางนี้พาเราไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์กันดีกว่า อย่ามัวมาแต่หาเงินหาทอง มาเรี่ยไรแจกซองเพื่อไปสร้างโบสถ์ สร้างเจดีย์ สร้างเมรุ สร้างอะไรต่างๆ อันนี้อย่าทำ การทำทานนี้ให้ทำในส่วนที่เรามี ญาติโยมมีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ เอาเงินที่เหลือกินเหลือใช้นี้ไปทำทานเพื่อจะได้ทำให้ใจไม่ต้องมาติดกับเงินทองนั่นเอง เพราะผู้ที่จะไปบวชได้นี้จะต้องยินดีสละเงินทองให้หมด ถ้ายังมีความยินดีที่จะมีเงินทอง ยังอยากจะใช้เงินทองอยู่จะไม่มีวันที่จะไปบวชได้ จึงต้องสอนญาติโยมให้หัดรู้จักปล่อยวางเรื่องเงินทองก่อน อย่าไปยึดติดเงินทองมากเกินความจำเป็น มีได้มีไว้สำหรับเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ แต่อย่ามีไว้สำหรับเลี้ยงกิเลสตัณหา เพราะเลี้ยงกิเลสตัณหาก็เท่ากับการเลี้ยงภพเลี้ยงชาติให้มันมีมากขึ้นไปนั่นเอง เงินทองนี้มีหน้าที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่ไม่มีหน้าที่เลี้ยงกิเลสตัณหา เงินทองที่เหลือนี้จากการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนี้ต้องเอาไปทำทานให้หมด จะได้ไม่มีเงินมาเลี้ยงกิเลสตัณหา แล้วกิเลสตัณหาก็จะได้น้อยลง ภพชาติก็จะได้น้อยลงนั่นเอง
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัด ชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
โฆษณา