31 ต.ค. 2020 เวลา 12:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
LYKAN : ไฮเปอร์คาร์แห่งตะวันออกกลางที่โด่งดังจากการกระโดดข้ามตึกใน FAST & FURIOUS 7 | MAIN STAND
การที่ FAST & FURIOUS 9 และภาคต่อ ๆ ไป มีข่าวลือออกมาอย่างต่อเนื่องว่ามันอาจไปไกลถึงขั้นออกนอกอวกาศ ... ในแวบแรกที่เห็นข่าวนี้อาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องตลกที่ดูยากจะเป็นไปได้จริง
แต่ถ้าลองย้อนกลับไปสำรวจสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับแฟรนไชส์ภาพยนตร์ เร็ว แรง ทะลุนรก และวิเคราะห์พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็จะเกิดความรู้สึกว่าข่าวลือดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ Fast & Furious มักจะทำอะไรที่ไม่มีใครคาดคิดอยู่เสมอ
ความตื่นเต้นเร้าใจที่ทำเอานั่งไม่ติดเก้าอี้ คือสิ่งที่แฟรนไชส์ภาพยนตร์นี้นำมาเสิร์ฟผู้ชมตลอด 8 ภาคที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นฉากไล่ล่ากลางกรุงโตเกียวใน The Fast and the Furious: Tokyo Drift, ฉากรถถังและการกระโดดเกาะรถใน Fast & Furious 6, ฉากเรือดำน้ำใน Fast & Furious 8 และแน่นอนฉากที่เป็น "พระเอก" ของบทความนี้ อย่างฉากควบไฮเปอร์คาร์ทะลุกระจกกระโดดข้ามตึกใน Fast & Furious 7
ฉากดังกล่าวน่าจดจำถึงขั้นที่ว่าทำให้ Lykan HyperSport รถไฮเปอร์คาร์คันดังกล่าวกลายเป็น "ดาวเด่น" ประจำภาพยนตร์ไม่แพ้บรรดานักแสดงนำเลยแม้แต่น้อย และในบทความนี้เราจะพานักอ่านทุกคนไปรู้จักกับรถคนดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น
Lykan ไฮเปอร์คาร์แห่งตะวันออกกลาง มีความเป็นมาอย่างไร มันยอดเยี่ยมแค่ไหน และที่สำคัญคือมันสามารถกระโดดข้ามตึกได้จริง ๆ หรือไม่ ติดตามได้ที่ Main Stand
ไฮเปอร์คาร์จากดินแดนแห่งทะเลทราย
ไม่ว่าจะเป็น หมู่เกาะต้นปาล์ม (Palm Islands) หรือ เบิร์จ คาลิฟา ตึกที่สูงที่สุดในโลก ณ มหานครดูไบ ล้วนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวย ของประเทศเศรษฐีทะเลทราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดังนั้นการที่ประเทศแห่งนี้จะมี "ค่ายรถซูเปอร์คาร์" เพื่อจะวัดรอยเท้ากับฝั่งประเทศโลกตะวันตกก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
ด้วยแนวคิดนี้จึงทำให้ W Motors บริษัทผู้ผลิตรถรุ่น Lykan HyperSport ถือกำเนิดขึ้นในปี 2012 โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัทเงินทุนประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับประเทศเลบานอน ก่อนที่พวกเขาจะดึงทีมวิศวกรมือดีผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในการผลิตรถไฮเปอร์คาร์จากประเทศอิตาลีมาเป็นฟันเฟืองหลักของบริษัท
Photo : www.autofutures.tv
"เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สุดยอดเทคโนโลยีเครื่องจักรล้ำสมัย พร้อมสัมผัสแห่งมนุษยธรรม" ราล์ฟ เดมบาส ผู้ก่อตั้ง และ CEO แห่ง W Motors กล่าวถึงปณิธานของบริษัท
W Motors กลายเป็นค่ายรถยนต์ซูเปอร์คาร์ค่ายแรกในประวัติศาสตร์แห่งดินแดนตะวันออกกลาง ดังนั้นพวกเขาจึงมีความกระหายอย่างมากที่จะแสดงถึงศักยภาพของประเทศที่ใคร ๆ มองว่าเป็นดินแดนแห่งทะเลทรายอันแห้งแล้ง แค่โชคดีที่มีบ่อน้ำมัน ว่าสามารถทำให้ทั่วทั้งโลกยอมรับในเรื่องการผลิตรถยนต์ได้เช่นกัน
Lykan HyperSport คือผลงานชิ้นโบว์แดงที่ฝ่ายผู้ผลิตหมายมั่นว่าจะส่ง W Motors ไปถึงเป้าหมายดังกล่าวให้ได้ โดยทุกกระบวนการไม่ว่าจะออกแบบหรือผลิตเกิดขึ้นในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนคำว่า Lykan ที่เป็นชื่อรุ่นก็นำมาจากชื่อของหมาป่าที่ดุร้ายและยิ่งใหญ่ที่สุดในตำนานปกรณัม เช่นเดียวกับรถคันนี้ที่มีความเร็ว แรง ดุดัน ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์หรูหราโฉบเฉี่ยว
Photo : jalopnik.com
หมาป่าแห่งทะเลทรายคันนี้มาพร้อมน้ำหนักที่เบาเพียง 1,380 กิโลกรัม เครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาโดย RUF เป็นเครื่อง 6 สูบนอน (ซึ่ง RUF พัฒนาต่อจากเครื่องยนต์ของ Porsche อีกที) ขนาด 3.7 ลิตร เทอร์โบคู่ 770 แรงม้า แรงบิด 960 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 2.8 วินาทีเท่านั้น และ 9.4 วินาทีถ้าจะไปถึงความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 385 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ไม่มีการทดสอบสาธารณะ ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ผลิตเผยออกมา)
แรงขนาดนี้ ระบบเบรกก็ต้องดีตาม Lykan มาพร้อมกับจานเบรกเซรามิก เจาะรูเซาะร่องระบายอากาศ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 380 มม. มีคาลิปเปอร์อลูมิเนียมหกลูกสูบทั้งล้อหน้าและล้อหลัง พร้อมด้วยระบบช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สันสตรัทที่ล้อหน้า และมัลติลิงค์ที่ล้อหลัง
Photo : jadorendr.de
นอกจากนั้น W Motors ยังได้ประดับเพชร 420 เม็ดรวมน้ำหนัก 15 กะรัตไว้ที่กรอบไฟหน้าเสริมความหรูหรา จึงทำให้สรุปแล้ว Lykan HyperSport มีราคาสูงถึง 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 110 ล้านบาท ถือเป็นรถไฮเปอร์คาร์ที่มีราคาสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลกในช่วงเวลาดังกล่าว
Lykan HyperSport เปิดตัวครั้งแรกในงาน Qatar Motor Show เดือนกุมภาพันธ์ 2013 ก่อนที่ทุกคนจะต้องตกใจกันเป็นคำรบที่ 2 เมื่อทราบว่ารถรุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 7 คันในโลก โดยคันหนึ่งได้ถูกซื้อไปโดยสำนักงานตำรวจดูไบแล้ว จึงทำให้เหลือในท้องตลาดเพียงแค่ 6 คันเท่านั้น ซึ่งหลังจากเปิดจอง Lykan HyperSport ก็โดนเหล่ามหาเศรษฐีที่ไม่เปิดเผยชื่อจับจองจนหมดภายในเวลาอันสั้น
Photo : jalopnik.com
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Lykan HyperSport คือไฮเปอร์คาร์ที่มีความน่าสนใจทั้งในเรื่องประวัติความเป็นมา ความหรูหรา และสมรรถนะที่ดุดันรวดเร็วปานหมาป่า แต่ถ้าถามว่ามันคือรถที่สร้างความตกตะลึงจนทั่วโลกต้องพร้อมใจหันมามองจับตามองหรือไม่
คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น แต่กุญแจสำคัญที่ทำให้ทั่วโลกรู้จัก Lykan HyperSport ไฮเปอร์คาร์จากดินแดนแห่งทะเลทรายคันนี้ ก็เพราะมันไปปรากฏใน Fast & Furious 7 ภาพยนตร์ระดับพันล้าน จากแฟรนไชส์ระดับหมื่นล้านต่างหาก
รถกระโดดข้ามตึก
Fast & Furious ถือเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่มีการนำรถยนต์เข้ามาเป็นส่วนประกอบของเรื่องราวมากที่สุด เรียกได้ว่าตลอดระยะเวลาทั้ง 8 ภาคที่ผ่านมา มีรถยนต์นับสิบยี่ห้อหลายร้อยคันผ่านตาผู้ชมทั่วโลก แต่คันที่มีมูลค่าสูงที่สุดก็คือ Lykan HyperSport จาก W Motors ที่ปรากฏอยู่ใน Fast & Furious 7 นี่แหละ
Photo : www.carandbike.com
แน่นอนว่าการที่ Lykan HyperSport ได้เข้ามาอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เพราะเป็นโฆษณาแฝงที่ทางค่ายผู้ผลิตจ่ายเงินให้กับฝ่ายผู้สร้างหนัง (ไม่ระบุจำนวน) เพื่อเป็นการโปรโมตให้ทั่วโลกได้รับรู้การมีอยู่ของหมาป่าทะเลทรายคันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ดูยัดเยียด ตรงกันข้ามมันกลับเข้ากับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี
มีตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง Fast & Furious 7 ที่เหตุการณ์ดำเนินอยู่ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากบรรดาตัวละครเอกจำเป็นต้องมาทำภารกิจสำคัญบางอย่างที่นี่ และหลังจากนั้นไม่นาน Lykan HyperSport ก็ได้ปรากฏตัวบนแผ่นฟิล์ม
มันเป็นฉากที่ตัวละคร โดมินิก ทอเร็ตโต้ (แสดงโดย วิน ดีเซล) และ ไบรอัน โอคอนเนอร์ (แสดงโดย พอล วอล์คเกอร์ ผู้ล่วงลับ) ต้องแฝงตัวเข้าไปในปาร์ตี้สุดหรูบนอาคาร Etihad Towers เพื่อจะหาชิปของโปรแกรมที่ชื่อว่า God’s Eye (ตาเทพ) โดยกลางงานปาร์ตี้ดังกล่าว มีรถ Lykan HyperSport ซึ่งเจ้าชายแห่งอาบูดาบีเป็นเจ้าของจอดอยู่ในห้องที่ติดกับงานปาร์ตี้
ยิ่งไปกว่านั้น Lykan HyperSport ก็ทวีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องขึ้นไปอีก เมื่อปรากฎว่าชิปดังกล่าวได้ซ่อนอยู่ในรถคันนี้นี่แหละ ทว่าในขณะที่ ดอม กับ ไบรอัน กำลังมุ่งมั่นกับการทำภารกิจ การมาถึงของตัวละคร เด็คการ์ด ชอว์ (แสดงโดย เจสัน สเตแธม) วายร้ายประจำภาคก็ทำให้ทั้งคู่ถึงคราวเข้าตาจน และในวินาทีนั้นเองฉากในตำนานก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ดอม เป็นคนขับ ส่วน ไบรอัน นั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่ได้ควบรถ Lykan HyperSport ทะลุกระจกของตึก Etihad Towers ทะยานไปยังตึกสูงอีกตึกที่อยู่ติดกัน ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะ ดอม ไม่สามารถควบคุมให้รถหยุดได้เนื่องจากมีปัญหาเรื่องเบรก จึงทำให้พวกเขาพุ่งทะลุกระจกออกไปอีกครั้ง สู่ตึกที่ 3 ก่อนจะชนเข้ากับตุ๊กตาดินเผาจำลอง แต่รถก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ดอม กับ ไบรอัน จึงตัดสินใจเปิดประตูกระโดดออกจากรถ ปล่อยให้ Lykan HyperSport ร่วงหล่นสู่พื้นผิวโลก โชคดีที่ไบรอันสามารถดึงเอาชิปตาเทพออกมาได้ก่อน
เรียกได้ว่าเป็นฉากที่ทั้งระห่ำ ตื่นตาตื่นใจ และเต็มไปด้วยลูกบ้า เชื่อว่าถ้าใครเคยชมคงไม่มีวันลืมฉากนี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามท่ามกลางความอลังการเหล่านี้ มีความจริงหนึ่งประการที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
"Lykan HyperSport ที่ปรากฏในหนังคือแบบจำลองที่สร้างขึ้นมาใหม่โดยทำให้ภายนอกเหมือนของจริงทุกอย่าง แต่โครงสร้างภายใน รวมถึงเครื่องยนต์ถูกลดสเป็กให้ต่ำลง ใช้วัสดุที่มีราคาถูกลง รถรุ่นนี้มีราคาสูงกว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พวกเราไม่สามารถทุ่มงบประมาณที่มากขนาดนั้นได้ในฉากนี้เพียงฉากเดียว"
"ถึงการถ่ายทำจะมี CG เข้ามาช่วย แต่ก็อย่างที่ทุกคนได้เห็นว่ามีการทำลายรถคันนี้จริง ๆ ดังนั้นรถคันนี้จึงไม่ใช่หนึ่งในเจ็ดคันที่มีการผลิตออกมา" เดนนิส แมคคาธี่ย์ สตันท์แมนที่สวมบทบาทแทน วิน ดีเซล ในบทของดอม และได้ร่วมแสดงในฉากนี้ด้วย กล่าวกับ The Verge
นอกจากใน Fast & Furious 7 ฉบับภาพยนตร์แล้ว ในการแสดงโชว์ British Fast & Furious Live Show ปี 2018 ก็ได้มีการสร้าง Lykan HyperSport คันจำลองขึ้นมาเพื่อใช้สอยในลักษณะนี้เช่นกัน
ถึงตรงนี้ทุกคนน่าจะรับรู้เรื่องราวของรถไฮเปอร์คาร์สิงห์ทะเลทรายคันนี้กันไปพอสมควรแล้ว แต่ยังมีอีกคำถามที่เชื่อว่าทุกคนคงคาใจและอยากรู้ที่สุด ... ว่าในโลกแห่งความเป็นจริง Lykan HyperSport สามารถกระโดดข้ามตึกอย่างที่ ดอม ทำใน Fast & Furious 7 ได้หรือไม่?
ว่ากันตามหลักฟิสิกส์
ตลอด 8 ภาคของแฟรนไชส์ Fast & Furious นั้นเต็มไปด้วยฉากเวอร์วังอลังการมากมาย ซึ่งฉากรถกระโดดข้ามตึกถูกจัดให้อยู่ใน "ท็อปลิสต์" ของบรรดาฉากเหล่านั้น แต่ถึงมันจะดูเหนือจริงแค่ไหน ลี เลิฟริจด์ ศาสตราจารย์ภาควิชาฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัย Pierce College กลับให้ความเห็นที่น่าสนใจเอาไว้ว่า
"นี่อาจจะเป็นหนึ่งในฉากแอคชั่นที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าอาจทำได้จริงในแฟรนไชส์นี้"
Photo : www.jumeirah.com
ก่อนอื่นเรามาสำรวจจุดเกิดเหตุกันก่อนดีกว่าว่ามีสภาพเป็นอย่างไร โดย Etihad Towers ที่ ดอม และ ไบรอัน เข้าไปทำภารกิจนั้นเป็นตึกสูงระฟ้า 5 ตึกวางเรียงต่อกัน ระยะห่างระหว่างตึกอยู่ที่ประมาณ 140-170 ฟุต (43-51 เมตร) โดยตึกที่มีรถ Lykan HyperSport จอดอยู่คือตึก Etihad Towers 2 ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุด ด้วยความสูง 1,002 ฟุต (ราว 305 เมตร)
หลังจากนั้น ดอม กับ ไบรอัน ก็ได้ควบรถพุ่งทะยานทะลุกระจกเข้าสู่ตึก Etihad Towers 3 โดยเส้นทางการพุ่งกดต่ำลงประมาณ 35 องศา ก่อนที่ตัวรถจะเข้าสู่ Etihad Towers 3 ในชั้นที่ต่ำลงมา 4 ชั้น
"การคำนวนครั้งนี้ไม่มีปัจจัยเรื่องแรงต้านลมเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเราไม่อาจรู้ได้จริง ๆ ว่าแรงต้านลมคือเท่าไร แต่ถึงอย่างไรสำหรับวัตถุที่มีน้ำหนักมากกว่า 3,000 ปอนด์ (1.3 ตัน) แรงต้านลมก็แทบจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ อยู่แล้ว" เลิฟริจด์ กล่าว
Photo : www.timeout.com
หลังจากที่รถเข้าสู่ Etihad Towers 3 แล้ว ดอม ก็ยังไม่สามารถควบคุมให้มันหยุดได้เนื่องจากปัญหาเรื่องเบรก จึงทำให้ Lykan HyperSport ต้องพุ่งทะยานอีกครั้ง เข้าสู่ตึก Etihad Towers 4
"การที่รถจะพุ่งทะยานผ่านช่องว่างของตึกประมาณ 150 ฟุต (46 เมตร) สิ่งสำคัญที่สุดคือความเร็วของรถในเวลานั้นที่ต้องมากกว่า 70 ไมล์/ชั่วโมง (ราว 113 กิโลเมตร/ชั่วโมง) หรือถ้าปลอดภัยที่สุดก็ต้องมากกว่า 100 ไมล์/ชั่วโมง (ราว 161 กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง)"
"ผู้ผลิตบอกว่า Lykan HyperSport สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในระยะเวลา 3 วินาที ดังนั้นถ้าคำนวนจากสูตรนี้หมายความ ดอม และ ไบรอัน จำเป็นต้องใช้พื้นที่ยาวกว่า 275 ฟุต (ราว 84 เมตร) เพื่อไปให้ถึงความเร็ว 113 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วขั้นต่ำ"
"ไม่มีข้อมูลปรากฎว่าชั้นดังกล่าวของตึก Etihad Towers 2 มีความยาวเท่าไร แต่จากการคาดคะเนด้วยสายตา คิดว่าอาจจะพอดีกับ 84 เมตร แบบฉิวเฉียด นอกจากนั้นยังมีแรงระเบิดจากที่ ชอว์ ยิงออกมา ซึ่งน่าจะช่วยส่งให้แรงกระโดดเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย"
สรุปสิ่งที่ ศาสตราจารย์ ลี เลิฟริจด์ กล่าวคือ การกระโดดจากตึกแรกสู่ตึกที่สองเหมือนอย่างในหนังนั้นมีโอกาสที่จะทำได้จริง ๆ แต่ทว่าก็มีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้
"ปัญหาที่สำคัญยิ่งกว่าการกระโดด คือแรงกระแทกกับพื้นเมื่อรถกระทบกับพื้นของตึกที่ 2 แรงดังกล่าวมีมากกว่าหลายพันปอนด์ ซึ่งยากที่รถคันใดในโลกจะมีโช้คอัพที่สามารถรับแรงดังกล่าวได้ ต่อให้เป็น Lykan HyperSport ก็ตาม"
"ไม่ต้องพูดถึงผู้โดยสารที่อยู่ในรถ ถ้าเป็นมนุษย์ปกติพวกเขามีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ดังนั้นเลิกคิดเรื่องที่จะควบคุมรถพุ่งเข้าสู่ตึกที่ 3 ไปได้เลย"
Photo : The Fast Saga
ดังนั้นผลลัพธ์จากการคำนวนของผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์จึงให้ความเห็นว่าฉากดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่สภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นหลังกระโดดจาก Etihad Towers 2 ไป Etihad Towers 3 จะไม่เป็นเหมือนในภาพยนตร์แน่นอน
อย่างไรก็ตามเท่านี้ก็เพียงพอแล้วในการที่ W Motors จะพิสูจน์ว่าพวกคือ "ของจริง" ในโลกแห่งยานยนต์ ...
เพราะนอกจากจะเป็นบริษัทผู้ผลิตซูเปอร์คาร์แห่งแรกในตะวันออกกลาง ได้ปรากฎอยู่ในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ระดับโลกแล้ว รถของพวกเขายังสามารถกระโดดข้ามตึกระฟ้าได้อีกต่างหาก
บทความโดย เพรียวพันธ์ แสนลาวัณย์
แหล่งอ้างอิง:
โฆษณา