31 ต.ค. 2020 เวลา 22:40 • ปรัชญา
“ถ้าไม่ทุ่มเทให้กับการเจริญสติจะไปไม่รอดจะไปไม่ถึงฝั่ง”
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ญาติโยมที่มาอยู่วัดเคยไปดูพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไหม จะมีหุ่นขี้ผึ้งของแม่ชีหนึ่งคนกับอุบาสิกาหนึ่งคน แม่ชีก็ชื่อแม่ชีแก้ว อุบาสิกาก็ชื่อ ก. เขาสวนหลวง ทั้ง ๒ ท่านนี้ก็มีคนเชื่อว่าท่านได้เป็นพระอรหันต์ ท่านได้บรรลุถึงพระนิพพานเพราะการปฏิบัติของท่านนี้เป็นการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คำสั่งคำสอนของท่านก็เป็นคำสั่งคำสอนที่ตรงกับคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกประการ ไม่มีการขัดต่อคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย ไม่ทราบว่ากระดูกของท่านเป็นพระธาตุหรือเปล่า ได้ยินว่าของแม่ชีแก้วเป็นนะ เพราะเขาสร้างพระเจดีย์ไว้บรรจุ แม่ชีแก้วนี้เป็นชาวนครพนม อยู่ที่นครพนมเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ตอนที่เป็นสาวนี้หลวงปู่มั่นเคยไปธุดงค์ที่หมู่บ้านของเธอ เธอเลยได้ยินได้ฟังธรรมของหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นสอนให้พุทโธพุทโธ เธอก็ลองไปฝึกพุทโธพุทโธดู พอนั่งครั้งแรก ๕ นาทีจิตของท่านก็รวมเข้าสู่ความสงบ แล้วจิตของท่านเป็นจิตแบบผาดโผน คือไม่อยู่นิ่งๆ เป็นเหมือนพวกลิง พอสงบในอัปปนาแล้วก็ออกไปทางอุปจาร ไปรู้เรื่องของพวกดวงวิญญาณต่างๆ ติดต่อกับคนตายได้ หลวงปู่มั่นตอนต้นก็บอกว่าอย่าเพิ่งไปปฏิบัติไปในทางนั้น ให้ทำจิตให้สงบอย่างเดียวก่อน
 
ก่อนที่หลวงปู่มั่นจากหมู่บ้านไป ตอนนั้นเธอยังเป็นสาวอยู่อายุสิบกว่าขวบมั้ง หลวงปู่บอกตอนนี้เธออย่าเพิ่งทำ จิตของเธอนี้ต้องมีคนคอยกำกับคอยดูแลคอยสั่งสอน ถ้าปฏิบัติไปเองเดี๋ยวจะหลงทางได้ ต่อมาพอเธอโตขึ้นเธอก็เลยบวชเป็นชี แล้วก็ศึกษากับหลวงปู่มั่นจนหลวงปู่มั่นเสียชีวิตไป หลังจากนั้นก็ไปศึกษากับหลวงตามหาบัวต่อ จนในที่สุดก็ได้บรรลุธรรมขั้นสูง นี่เป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่ต้องการที่จะไปนิพพาน อย่าไปคิดถึงการเป็นภิกษุณี การเป็นภิกษุณีนี้ไม่ได้ไปนิพพานนะ ถ้าเป็นภิกษุณีหรือเป็นภิกษุไปนิพพาน ป่านนี้ภิกษุทุกรูปในประเทศไทยก็ไปนิพพานกันหมดแล้ว อันนี้เป็นเพียงแต่องค์ประกอบ เป็นส่วนที่จะส่งเสริมให้ไปนิพพาน เป็นเครื่องมือแต่ไม่เป็นเครื่องมือชนิดเดียว ไม่ได้เป็นภิกษุณีเป็นอุบาสิกาก็ได้ ถือศีล ๘ ถือศีล ๑๐ ก็ได้เหมือนกัน ถ้าถือศีล ๑๐ ก็จะเคร่งกว่าถือศีล ๘ เพราะศีล ๘ ยังจับต้องเงินทองได้ ถ้าถือศีล ๑๐ ก็จะไม่จับต้องเงินทอง จะไม่ใช้เงินใช้ทอง ถ้าต้องการอะไรก็บอกลูกศิษย์ที่เขาปวารณาตัวหรือเขาฝากเงินไว้ให้กับผู้ที่ไว้ใจได้ พอขาดเหลืออะไรก็บอกผู้ที่เขาเก็บเงินเก็บทองให้ ให้ไปจัดหาซื้อมาให้
 
ศีลนี้เป็นบันไดขั้นที่ ๑ ที่จะพาให้ไปสู่บันไดขั้นที่ ๒ ในการที่จะก้าวขึ้นสู่พระนิพพาน คือเมื่อรักษาศีลได้แล้วก็จะมีเวลามาเจริญสตินั่นเอง ถ้ายังรักษาศีลไม่ได้เดี๋ยวก็อดไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ไม่ได้ อดไปดูหนังดูละครไม่ได้ อดไปฟังเพลงไปกินเลี้ยงไปงานวันเกิดงานอะไรต่างๆ ไม่ได้ งานแต่งงานเดี๋ยวเพื่อนแต่งงาน เดี๋ยวไม่ไปก็จะถูกเขาว่าแต่ความจริงเขาว่าไม่เท่าไหร่หรอก แต่ตัวมันอยากจะไปอยู่แล้วก็เลยอ้างว่ากลัวเขาว่า แต่ความจริงถ้ามันไม่อยากไปจริงๆ ต่อให้ช้างมาฉุดก็ไม่ไป แต่ความอยากมันมีอยู่แล้วมันก็เลยหาช่องว่าง หาช่องโหว่บอกเดี๋ยวไม่ไปเขาจะว่าเรา เป็นเพื่อนกันเพื่อนแต่งงานแล้วไม่ไป อันนี้ถ้าถือศีล ๘ ก็บอกเขาได้ ถือศีล ๑๐ ก็บอกเขาได้ว่า “ไปไม่ได้นะ เดี๋ยวนี้เป็นแม่ชี ถือศีล ๘ ถือศีล ๑๐ แล้ว แต่ก็อวยพรให้ขอให้มีความสุข” อะไรก็ทำได้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปงานเลี้ยงของเขา การแสดงความชื่นชมยินดีนี้สามารถทำได้ด้วยการบอกกล่าวก็ได้ ไม่ต้องไปด้วยตัวเองก็ได้ แต่ถ้าใจยังมีกิเลสมีความอยาก อยากกินอยากเที่ยวอยากดื่มอยากอะไรอยู่ พอมีงานอะไรขึ้นมานี้มือไม้สั่นแล้วใจสั่น ต้องเตรียมหาเสื้อผ้ากันแล้วจะใส่ชุดหนงชุดไหนดี แต่ถ้าถือศีล ๘ มันก็ขจัดปัญหาเหล่านี้ไปทันที ไปไม่ได้แล้วไม่ต้องกังวล ไม่ต้องไปเตรียมชุดให้เสียเวลา เพราะเรามีชุดขาวชุดเดียว เราโกนศีรษะแล้วยิ่งถ้าเป็นชีก็โกนศีรษะก็ไม่ต้องไป เราไปหาความสุขของเราดีกว่า เราไปฝึกสตินั่งสมาธิดีกว่า ไปฟังเทศน์ฟังธรรมเพื่อให้เกิดปัญญาดีกว่า นี่คือศีลเป็นบันไดขั้นที่ ๑ ที่จะทำให้เรานี้มีเวลามาปฏิบัติธรรม
 
ธรรมขั้นแรกที่เราต้องปฏิบัติก็คือสติ เราต้องหมั่นเจริญสติคอยควบคุมความคิด หยุดความคิดให้ได้ เพราะถ้าเราคิดแล้วใจจะไม่สงบ ใจไม่สงบแล้วจะไม่มีความสุข จะมีความทุกข์แล้วอาจจะทนอยู่ทนรักษาศีลต่อไปไม่ได้ อย่างญาติโยมมาถือศีล ๘ นี่ ตอนเย็นๆนี้ใจมันไม่ค่อยสงบแล้วมัวแต่คิดถึงอาหารเย็นอยู่เรื่อย ถ้ามีสติก็คอยห้ามมันได้เพราะเขาถึงต้องต้อนญาติโยมให้เข้าโบสถ์กันตอนเย็น จะได้ไม่มานั่งฟุ้งซ่านคิดถึงอาหารต่างๆ พอเข้าโบสถ์ก็ให้ไปสวดมนต์กัน สวดมนต์เสร็จก็ให้นั่งสมาธิ นี้คือวิธีเจริญสติไม่ให้ปล่อยใจให้ไปคิดถึงรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ถ้าไม่ได้ไปเข้าโบสถ์นี้ ไปนั่งจับกลุ่มคุยกันเดี๋ยวก็คุยเรื่องขนมนมเนย คุยเรื่องอาหารขึ้นมา พอคุยแล้วทีนี้ก็น้ำลายไหล ไม่ได้กินก็เศร้า นี่คือเพราะไม่มีสติ พอมีศีลแล้วต้องไปอยู่ที่เงียบๆ ต้องไปอยู่ที่ห่างไกลจากรูปเสียงกลิ่นรส อย่าไปอยู่ใกล้ที่ที่มีรูปเสียงกลิ่นรส เพราะถ้าได้สัมผัสกับรูปเสียงกลิ่นรสแล้วความอยากมันจะโผล่ขึ้นมา เช่นถ้าถือศีล ๘ อยู่ที่บ้านนี้ พอตอนเย็นๆคนที่เขาไม่ถือศีล ๘ เขาทำกับข้าวกันเขากินข้าวกันนี้ เราได้กลิ่นได้อะไรนี้มันก็จะหิวขึ้นมาทันที แล้วยิ่งถ้าเขาเป็นห่วงเราเขามาชวนเรา บอกมากินสิ เดี๋ยวเราก็จะทนไม่ไหว ตบะแตกศีลขาด ผู้ที่ถือศีล ๘ จริงๆ จึงต้องไปอยู่ที่ห่างไกลจากรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ อยู่บ้านมันอยู่ใกล้เกินไป ต้องไปอยู่วัดเพราะวัดนี้จะคอยกำจัดรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ไม่ให้เข้าไปในวัด
 
วัดที่เคร่งๆ นี่เขาไม่ให้มีอะไรเข้าไปเลยแม้แต่มือถือเขาก็ไม่ให้เอาเข้าไป เพราะมือถือนี่มันก็มีรูปมีเสียง เดี๋ยวเปิดขึ้นมาเดี๋ยวก็เห็นรูปได้ยินเสียงขึ้นมาก็เกิดความอยากขึ้นมาอีก บางวัดนี้เขาห้ามมือถือห้ามทีวีห้ามอะไรต่างๆ เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรมารบกวนใจในการเจริญสตินั่นเอง เพื่อที่จะได้หยุดความคิดทำใจให้สงบ เพราะว่าถ้าทำใจให้สงบได้แล้วจะมีความสุขที่ดีกว่าได้กินอาหารได้ดูได้ฟังอะไรต่างๆ ดังนั้นต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจเวลาให้กับการฝึกสติให้ได้สำหรับผู้ที่ต้องการที่จะไปทางนี้ ถ้าไม่ฝึกสติไม่ทุ่มเทให้กับการเจริญสติจะไปไม่รอดจะไปไม่ถึงฝั่ง เพราะสตินี้เป็นเหมือนเครื่องมือหรือเป็นเหมือนเรือ ถ้ามีเรือก็พายไปได้เดี๋ยวก็ถึงจุดหมายปลายทาง ถ้าไม่มีเรือลอยคออยู่ในน้ำเดี๋ยวก็จมน้ำตาย นี่ต้องหมั่นฝึกสติอยู่เรื่อยๆ พอไปปลีกวิเวกไปอยู่ที่ห่างไกลจากรูปเสียงกลิ่นรสแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องมาคอยหยุดความคิด อย่าปล่อยให้ใจคิด เพราะใจก็จะไปคิดถึงรูปเสียงกลิ่นรสเป็นส่วนใหญ่ เคยคิดอยู่กับรูปเสียงกลิ่นรสมาตลอดตั้งแต่เกิด พออยู่ดีๆ จะบอกมันไม่ให้คิดนี้มันไม่ยอมหรอก วิธีที่จะทำให้มันไม่คิดต้องใช้สติ ใช้การเจริญสติ คือบังคับให้มันอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง บังคับใจให้อยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง เช่นให้อยู่กับพุทโธพุทโธ หรือให้อยู่กับบทสวดมนต์ หรือให้อยู่กับการฟังเทศน์ฟังธรรม อย่าปล่อยให้จิตใจมันไม่มีอะไรมาคอยควบคุม เพราะถ้าไม่มีอะไรควบคุมเดี๋ยวมันก็จะคิดหารูปเสียงกลิ่นรสทันที พอคิดถึงรูปเสียงกลิ่นรสความอยากก็จะโผล่ขึ้นมา พอความอยากโผล่ขึ้นมาความหงุดหงิดรำคาญใจก็โผล่ขึ้นมา จนจะทำให้ทนอยู่ในวัดต่อไปไม่ได้ ก็จะขอลากลับบ้าน แต่ถ้าฝึกสติได้คอยควบคุมความคิดได้ใจไม่ไปคิดถึงรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ใจอยู่กับอารมณ์ของธรรม ไม่ว่าจะเป็นการบริกรรมพุทโธพุทโธหรือเป็นการสวดมนต์บทสวดมนต์หรือเป็นการฟังเทศน์ฟังธรรม หรือเป็นการอ่านหนังสือธรรมะ อารมณ์เหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดความหิวเกิดความอยาก จะไม่ทำให้เกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ จะทำให้ใจเย็นใจสบายใจเบา แล้วจะเป็นเครื่องมือสำหรับการนั่งสมาธิต่อไป
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัด ชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
โฆษณา