1 พ.ย. 2020 เวลา 08:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Green Mile ปาฏิหาริย์แดนประหาร (1999)
IMDb คะแนน : 8.6 / 10
“หลายอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ น่าแปลกที่พระเจ้ายอมให้เกิด"
กำกับ : Frank Darabont
เขียนบท ภาพยนต์ : Frank Darabont
นักแสดงนำ : Tom Hanks แสดงเป็น ผู้คุม พอล เอดจ์ คอมบ์
Michael Clarke Duncan แสดงเป็น จอห์น ค็อฟฟี่
Doug Hutchison แสดงเป็น ผู้คุม เพอร์ซี่ เวตมอร์
David Morse แสดงเป็น ผู้คุม บรูตัส โฮเวล
หมวดหมู่ : แฟนตาซี ดราม่า
The Green Mile หนังที่สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกัน ของ สตีเฟ่น คิง เจ้าพ่อนิยายสยองขวัญสั่นประสาท เพียงแต่สำหรับเรื่องนี้ The Green Mile อาจไม่หลอนเท่าเรื่องอื่น ๆ ของเขา แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายความลึกลับ ความรุนแรง และการนำเสนอความจริงที่น่ารังเกียจของผู้คน และสังคม ในแบบของ สตีเฟ่น คิง อยู่ดี
ภาพยนตร์อเมริกันเรื่องนี้ฉายเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1999 ในสหรัฐอเมริกา และประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งรายได้และคำวิจารณ์ จนมีชื่อเข้าชิงรางวัลหลายสถาบัน ทั้งลูกโลกทองคำ และรางวัลออสการ์ โดยเฉพาะรางวัลอออสการ์ มีชื่อเข้าชิงถึง 4 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม (Michael Clarke Duncan ที่แสดงเป็น จอห์น คอฟฟี่) บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และบันทึกเสียงยอดเยี่ยม
หนังดำเนินเรื่องในปี ค.ศ 1935 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจของอเมริกาตกต่ำครั้งใหญ่ ผู้คนตกงาน พอล เอดจ์ คอมบ์ เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในสถานกักกันนักโทษประหาร แดน E เขาและผู้คุมคนอื่น มีหน้าที่ดูแลนักโทษเหล่านี้ และเมื่อถึงกำหนดของนักโทษรายใด ผู้คุมก็จะพานักโทษ เดินตามทางเดินสีเขียวที่เรียกกันว่า Green Mile ไปยังห้องประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า
การประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า นักโทษจะถูกโกนผมด้านบนออก เพื่อวางฟองน้ำที่ชุ่มน้ำ เป็นตัวเหนี่ยวนำกระแสไฟ พุ่งเข้าสมองเหมือนถูกยิงด้วยกระสุนปืน ทั้งนี้เพื่อให้นักโทษได้รับความทรมานน้อยที่สุด
พอล และ ผู้คุมคนอื่น ๆ จะพยายามทำให้นักโทษได้พักสงบจิตใจในแดน E เพราะนักโทษส่วนใหญ่จะสำนึกผิด และหวาดกลัวต่อความตายที่ตนกำลังจะได้รับ ยกเว้นผู้คุม เพอร์ซี่ เวตมอร์ ที่ได้เข้ามาทำงานด้วยเส้นสายการเป็นหลานชายของภรรยาผู้ว่าการรัฐ เพอร์ซี่เป็นคนที่มีจิตใจหยาบช้า และดูถูกคน เขามักพูดจาเหยียดหยามและมีเรื่องกับนักโทษ ทำให้พอลต้องคอยปรามอยู่บ่อย ๆ
วันหนึ่ง มีนักโทษใหม่ถูกส่งเข้ามา ชื่อ จอห์น คอฟฟี่ เขาถูกตัดสินประหารชีวิตในคดี ฆ่าและข่มขืนเด็กผู้หญิง 2 คน ด้วยรูปร่างอันใหญ่โตน่ากลัว และเป็นคนผิวดำ รวมทั้งภาพที่คนพบเขานั่งร้องไห้อยู่กับศพของเด็ก ทำให้เขาถูก “พิพากษา” ปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว โดยแทบไม่มีการสืบสวนใด ๆ
แม้ในตอนแรก ลึก ๆ แล้วพอลจะรู้สึกรังเกียจฆาตกรฆ่าข่มขืน แต่เมื่อเวลาผ่านไป พอลกลับพบว่าา จอห์น คอฟฟี่ แตกต่างจากนักโทษประหารคนอื่น เขามีจิตใจที่บริสุทธิ์เหมือนเด็ก นอนร้องไห้อยู่บ่อย ๆ และกลัวความมืด จอห์นมีสัมผัสพิเศษ รู้อดีต และรู้อนาคต รู้ว่าคน ๆ นี้เป็นคนดีหรือคนเลว และเขายังสามารถรักษาความเจ็บป่วยได้
ความอ่อนโยนและจิตใจที่ดีของจอห์น ทำให้พอลและผู้คุมคนอื่น เริ่มสงสัยว่าเขาจะเป็นฆาตกรโหดเหี้ยมอย่างที่ถูกกล่าวหาจริงหรือ ?
จอห์น ได้ช่วยเหลือคนรอบข้างด้วยพรสวรรค์พิเศษ ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีแต่นักโทษและผู้คุมเท่านั้นที่ได้เห็นปาฏิหาริย์ที่จอห์นทำครั้งแล้วครั้งเล่า จนวันหนึ่งจอห์นก็ได้เปิดเผยให้พอลรู้ว่า ฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าข่มขืนเด็กผู้หญิง 2 คน นั้นเป็นใคร
2
แม้จะรู้แล้วว่าจอห์น เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่พอลก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ และเมื่อถึงกำหนดประหารชีวิต พอลก็ต้องทำตามหน้าที่ ด้วยความทรมานใจ
ในวันประหาร ผู้คนที่เข้ามาดูการประหารในห้อง ส่งเสียงก่นด่าและสาปแช่งจอห์น ค็อฟฟี่ ด้วยความโกรธแค้น ในขณะที่ผู้คุมทุกคนต่างหลั่งน้ำตาให้กับเขา
“ผมขอโทษ ในสิ่งที่ผมเป็น” คือคำพูดสุดท้ายของ จอห์น คอฟฟี่
"คำพูด / ฉาก ที่ประทับใจ (Touch)"
#SpectateTouch
The Green Mile
“เขาฆ่าเด็กหญิงพี่น้อง 2 คนนั้น ด้วยความรักที่พวกแกมีให้กัน มันเป็นแบบนั้นทุกวัน มันเป็นแบบนั้นทั่วโลก”
จอห์น คอฟฟี่ พูดถึงความโหดร้ายของฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าข่มขืนเด็กหญิง
The Green Mile
เมื่อผู้คุม เพอร์ซี่ เวตมอร์ ผู้มีจิตใจหยาบช้า ทำกิริยาและพูดจาดูหมิ่นศพของ อาร์เลน บิตเตอร์บัก นักโทษที่ถูกประหารด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า ผู้คุมบรูตัสเห็นเข้าจึงกระชากเพอร์ซี่ออกมาและกล่าวว่า...
“เขาได้ชดใช้สิ่งที่ทำแล้ว เขากลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง อย่าบังอาจแตะต้องเขา”
The Green Mile
“ผมอยากให้มันจบสักที... ผมเหนื่อยกับการที่ผู้คนทำชั่วใส่กัน เหนื่อยกับความเจ็บปวดที่ต้องรับรู้ทุกเมื่อเชื่อวัน เหมือนมีเศษแก้วแตกอยู่ในหัวตลอดเวลา”
จอห์น คอฟฟี่ ปฏิเสธความช่วยเหลือของพอล ที่จะแอบปล่อยเขาออกไปเพื่อไม่ต้องรับโทษประหารชีวิต
"มุมมองของ Spectate"
#Spectateทัศน์
หนังเรื่องนี้แสดงถึงสังคมอเมริกันในยุคก่อน ที่เหยียดสีผิวกันอย่างรุนแรง (แม้ในปัจจุบันก็ยังมีข่าวให้เห็น) การแบ่งชนชั้น และการดูถูกความเป็นมนุษย์ด้วยกันเอง
หนังตั้งใจสร้างตัวเอกที่มีจิตใจดั่งนักบุญ ภายใต้รูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัว เหมือนอยากจะส่งสารมาถึงผู้ชมว่า...
มันถูกแล้วหรือ? ที่จะตัดสินใครจากรูปลักษณ์ภายนอก เชื้อชาติ คำพูด หรือแม้แต่สิ่งที่ตามองเห็นเท่านั้น
"สิ่งที่ #Spectate ได้เรียนรู้"
จริง ๆ แล้ว มนุษย์ทุกคนเป็นนักโทษประหารกันทั้งหมด สุดท้ายแล้วก็ถูกพิพากษาให้ไปสู่ความตาย
เราต่างกำลังเดินไปบน Green Mile ของตัวเอง ทุกก้าวของชีวิตที่ดำเนินในแต่ละวัน ทุกความคิด ทุกการกระทำ จึงควรตั้งอยู่บน “มรณานุสติ” ค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่า... ทางเดินนี้... จะสิ้นสุดเมื่อไร?
1
#สาระจี๊ดจี๊ด
สตีเฟ่น คิง กล่าวว่าเขาจินตนาการถึง ทอม แฮงค์ ในบทบาทผู้คุม พอล เอดจ์ คอมบ์ นั่นทำให้ทอมได้รับบทนี้ไป
เดิมที ทอม ควรได้รับบท พอล เอดจ์ คอมบ์ ในวัยชราเช่นกัน แต่พยายามแต่งหน้าอย่างไร ก็ไม่ได้ทำให้เขาดูน่าเชื่อถือพอที่จะเป็นชายสูงอายุได้ จึงให้ Dabbs Greer รับบทนี้แทน
#สาระจี๊ดจี๊ด
The Green Mile มีจุดเด่นอยู่ที่การแสดงของ ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน นักแสดงผิวดำร่างใหญ่ ที่ ในเรื่องนี้เขาต้องเพิ่มน้ำหนักตัวขึ้นไปถึง 360 ปอนด์ (163 กิโลกรัม) เพื่อรับบทเป็น จอห์น คอฟฟี่ นักโทษร่างยักษ์ที่สูง 7 ฟุต 2 นิ้ว น้ำหนัก 400 ปอนด์ ซึ่งเขาเล่นบทนี้ได้อย่างดีมาก จนมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงประกอบชาย ในปี ค.ศ. 2000
* ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน เสียชีวิตในปี ค.ศ 2012 ในวัย 54 ปี ด้วยอาการหัวใจวาย # RIP
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
พิสูจน์อักษรโดย วาลีพ
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา