4 พ.ย. 2020 เวลา 14:51 • นิยาย เรื่องสั้น
The Adventures of จ.Jump ตอน แวมไพร์ในพงไพร
กล่าวสวัสดีในเดือนพฤศจิกายนกับผมนายจั๊มพ์ครับ หลังจากไปพิสูจน์ตำนานในซอยลาดพร้าวที่ตรอกห้ามหันหลังกลับมาแล้ว คราวนี้ก็ไปต่อกันอีกหนึ่งตำนานความน่ากลัว เมื่อสาวที่ผมไม่รู้จักมักจี่ชวนไปเข้าป่าเพื่อทำความคุ้นเคยสร้างความกระชับมิตรสนิทสนม แต่ระหว่างนั้นกลับมีสัญญาณไม่ดีที่แสดงให้เห็นว่าสาวเจ้ากำลังต้องมนต์จากอสูรร้ายอยู่ และเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านอย่าลืมปิดไฟแล้วติดตามกันได้ กับตอนที่ชื่อว่า แวมไพร์ในพงไพร
การได้เห็นสาวสวยจากต่างแดนเล่นน้ำอยู่กลางป่าคนเดียวมันชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มอย่างบอกไม่ถูก
ถึงใจจะอยากลงไปเล่นน้ำด้วยแต่ผมก็ต้องฝืนห้ามตัวเองไว้เพราะไม่มีกางเกงสำรองให้เปลี่ยนเนื่องจากกำลังซักอยู่ในตู้หยอดเหรียญให้บริการ
ขอเท้าความก่อนว่าที่ผมได้บังเอิญมาอยู่กับสาวน้อยกลางป่าเหตุมาจากที่เธอคนนี้ไม่มีเงินพอสำหรับการใช้บริการตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ
ด้วยความที่อยากดูหล่อในสายตาสาวเจ้าผมเลยเดินไปแบบเท่ ๆ หยอดเหรียญใส่โดยไม่ต้องพูดให้มากความ
เพราะเหตุนั้นแทนที่เราสองคนจะนั่งรอให้ผ้าหมุนไปเป็นชั่วโมง เธอจึงชวนผมไปธุดงค์ป่าแทนในยามตะวันเกือบจะลับขอบฟ้า
พอมาถึงจุดหมายที่ต้องการโชคดีที่มีน้ำตกเล็ก ๆ ไหลผ่านจึงทำให้ผมได้เห็นนารีเผยโฉมเปียกน้ำทั้งตัว
ต่อให้บรรยากาศจะเหมือนในหนังไม่ผิดเพี้ยนแต่ถ้าลงไปเล่นน้ำตอนนี้ผมต้องเดินกลับแบบกางเกงเปียกน้ำหยดติ๋ง ๆ หรืออีกวิธีคือถอดหมดก็กลัวสาวเห็นแล้วตกใจเผ่นหนี
สรุปผมก็ได้แต่มองโดยไม่มีโอกาสได้สัมผัสผิวน้ำ ซึ่งในช่วงที่สาวเจ้าเลิกเล่นเปลี่ยนมาแต่งตัวแทนได้มีบางสิ่งเคลื่อนไหวบินเข้าไปใกล้ที่คอเธอ
จากระยะที่เห็นยังมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ถึงเห็นเจ้าตัวที่เกาะอยู่ไม่ปล่อยคือค้างคาวที่มีปีกใหญ่กว่าปกติและมีสีตาที่แดงพร่าดุจอสูรร้ายในหนังสยองขวัญ
และไม่รู้ทำไมทั้งที่หญิงสาวเห็นค้างคาวเกาะที่คอ เธอถึงไม่พยายามสะบัดหน้าหนีหรือมีท่าทีตกใจ เธอแค่ปล่อยค้างคาวคาไว้อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งแต่งตัวเสร็จ
ความที่ทุกอย่างดูแปลกประหลาดไม่ปกติผมจึงค่อย ๆ ย่องหนีไปเงียบ ๆโดยไม่ได้บอกกล่าวเธอ แต่ไฉนเลยมีหรือทุกเหตุการณ์จะง่ายเหมือนสิ่งที่คิดในหัว
ขณะพาตัวเองเดินกลับไปร้านซักรีดเจ้าค้างคาวตัวยักษ์ก็บินโฉบตัดหน้าเสมือนบ่งบอกอย่าได้คิดจะหนีไปไหน ผมที่ตะลึงตกใจเลยเผลอก้าวพลาดกลิ้งตกเนินลงไปนอนกองสุมใบไม้ที่ร่วงโรยจากการเปลี่ยนผันตามฤดูกาล
ครั้นอาการบาดเจ็บจะไม่มากเหมือนที่คิดแต่จังหวะที่ร่วงไถลหัวอาจไปกระแทกโดนบางอย่างจึงส่งผลให้ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีส้มเป็นมืดครึ้มเมื่อผมได้สติกลับคืน
ในการปีนกลับขึ้นเส้นทางเดิมผมต้องใช้ความพยายามนิดหนึ่งเพราะถึงเนินจะไม่ชันนักแต่ความที่มืดสนิทเลยทำให้มองไม่เห็นว่าต้องคว้าอะไรเกาะดี
เมื่อปีนออกมาพ้นผมก็รีบมองหาเส้นทางที่ส่องสว่างซึ่งหมายความว่าถ้าที่ใดมีแสงที่นั้นย่อมคือตัวเมืองที่เดินจากมา
หลังจากเดินไปด้วยมองหาไปด้วยในที่สุดผมก็เห็นทางออกอยู่ไม่ไกล
ทว่าจังหวะที่รีบวิ่งพุ่งไปเต็มสปีดสาวที่ถูกทิ้งไว้กลับโผล่มาจากไหนไม่รู้มายืนขวางดักหน้าผมไว้
จากสภาพที่เห็นเธอเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ตอนแรกอย่างสวยมาตอนนี้กลับซีดเซียวเหมือนคนผอมกะหร่องที่ถูกดูดเลือดหมดไปจากตัว นอกจากนี้ที่คอยังดูคล้ายกับมีรอยถูกกัดด้วยฝีมือของแวมไพร์อีก
ผมลองใจดีสู้เสือหรือในกรณีนี้ควรเรียกสู้กับสมุนแวมไพร์ดีโดยถามเธอว่าจะกลับพร้อมกันไหม ถึงในใจจะแอบคิดไอ้เรานี้กล้าเนอะถามหล่อนทั้งที่แอบหนีกลับมาก่อนแท้ ๆ แต่ในสถานการณ์เฉพาะหน้าจะให้แถเนียน ๆ มันก็คิดไม่ทันด้วยนี้ซิ
ในตอนที่รอคำตอบเปล่งออกมาแทนที่เธอจะพูดให้ชัดเจนว่าจะไปหรือไม่ไปกลับแยกเขี้ยวน้ำลายไหลชูมือหงิกงอเข้าใส่แล้วก้าวกระโดดมาทางคนที่ตั้งคำถาม
ตอนแรกผมคิดอาจเพราะถามผิดประเด็นหรือถามแทงใจไม่รู้เธอถึงดูบ้าเลือดขึ้นมา ทว่าตอนที่กระโดดใกล้เข้ามาถึงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นไม่ใช่ฝีมือเธอหากเป็นฝีมือของแวมไพร์ที่สะกดจิตอยู่ข้างหูเจ้าหล่อนต่างหาก
ไม่ผิดแน่เจ้าค้างคาวที่ทำผมกลิ้งตกเนินกับเจ้าค้างคาวที่เกาะข้างหูเธอต้องเป็นตัวเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้จะทำยังไงถึงจะช่วยเธอได้ละ
เท่าที่ผมคิดออกตอนนี้มีแค่เพียงทำให้เธอสลบไปก่อนแล้วค่อยกำจัดเจ้าแวมไพร์ทีหลัง หากแต่ตอนจะทำให้หญิงสาวสลบดันสู้แรงไม่ได้ขึ้นมา
สุดท้ายผมเลยโดนจับกดตามด้วยถูกกัดฝังเข้าตรงซอกคอ พร้อมกับฉากที่ดวงจันทร์ฉายแสงให้เห็นฝูงค้างคาวกว่าร้อยตัวบินวนอยู่ข้างกาย
***เฉลยปม***
หลังทุกอย่างกระจ่างและฝูงค้างคาวบินหายไปหมดแล้ว ผมถึงรู้ว่ารอยที่ถูกเธอกัดเข้าที่คอจริง ๆ แค่ฟันกับน้ำลายโดนเท่านั้น หาได้มีแผลเหมือนที่มโนไปตอกแรกไม่
ซึ่งที่เธอพุ่งเข้ามาใส่เพราะต้องการขอความช่วยเหลือจากผมให้รีบพาไปโรงพยาบาล
เพราะตอนที่เธอแต่งตัวเสร็จแล้วเดินหาผมที่แอบหนีไป เธอพึ่งสังเกตเห็นว่ากำลังโดนสัตว์ร้ายดูดเลือดอยู่
โดยเจ้าตัวที่กำลังเอร็ดอร่อยกับเลือดเธอตั้งแต่ตอนนั้นหาใช่ค้างคาวแวมไพร์อย่างที่ผมคิด หากเป็นทากตัวเป้ง ๆ ที่เกาะตามหลังและส่วนอื่นบนร่างกาย
ดังนั้นที่ผมเห็นเธอตัวซีดกว่าก่อนหน้าเป็นเพราะเจ้าเหล่าทากสูบโลหิตออกไปนี้เอง
และที่เธอเห็นค้างคาวมาเกาะแล้วไม่ปัดออกไปเนื่องจากคอนแทคเลนส์ที่ใส่ดันหลุดหายตอนเล่นน้ำเลยทำให้เข้าใจว่าเป็นเศษใบไม้ที่ร่วงมาใส่ผมแทน
นอกจากนี้ที่คอของเธอก็ไม่ใช่รอยกัดเป็นแค่ไฝขนาดใหญ่ 2 อันที่ดูผ่าน ๆ เหมือนรอยเขี้ยวของแวมไพร์
เมื่อปมปริศนาถูกไขกระจ่างก็ไม่มีค้างคาวตัวไหนจะทำให้ผมกลัวได้อีก ยกเว้นแต่ทากตัวเป็น ๆ ที่ทำให้ขวัญผวาตอนที่พาเธอไปถึงโรงพยาบาลแล้วเห็นหมอพยายามใช้คีมดึงพวกมันจนร่างขาดเป็นเสี่ยง ๆ เพราะไม่ยอมปล่อยเหยื่อให้หลุดลอยไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา