6 พ.ย. 2020 เวลา 00:00 • ข่าว
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทรัมป์ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง?
1
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมาได้มีการสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับทางผู้สื่อข่าวชื่อดังจากช่อง Fox News อย่าง คริส วอลเลซ เขาถามกับทางโดนัลด์ ทรัมป์ว่า ถ้าไม่พูดถึง การเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ผมถามคุณหน่อย คุณเป็นผู้แพ้ที่ดีไหม? (Are you a good loser?) โดนัลด์ ทรัมป์ ยักไหล่ทีนึงก่อนที่จะตอบกลับไปทางคริสว่า ผมไม่ใช่ผู้แพ้ที่ดี ผมไม่ชอบความพ่ายแพ้ และผมก็แพ้ไม่บ่อยด้วย ก่อนที่คริสจะถามกลับว่า แต่คุณเป็นคนมีน้ำใจในการพ่ายแพ้ไหม โดนัลด์ ทรัมป์ ก้มหน้าทีนึง ก่อนจะยักไหล่แล้วตอบกลับว่า คุณไม่รู้หรอกจนกระทั่งคุณได้เห็นมันเอง มันแล้วแต่กรณี ผมคิดว่าการโหวตโดยส่งจดหมายจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ ผมคิดว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก่อนที่คริสจะแทรกถามขึ้นมาเลยว่า คุณกำลังจะบอกว่าคุณมีโอกาสที่จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ใช่ไหม ทรัมป์พูดขึ้นมาเลยว่า ไม่ ผมต้องรอดูมันก่อน
2
การสัมภาษณ์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับ คริส วอลเลซ
ดังนั้นหลายๆคนทราบอยู่แล้วว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีสิทธิ์ที่ทรัมป์เองจะไม่ยอมรับผลเลือกตั้งแต่โดยดี ซึ่งมีนักวิชาการ ร่วมไปถึงนักยุทธศาสตร์การเมืองอย่าง เดวิด แอ็กเซลรอด (David Axelrod) ที่เคยเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า มาก่อนให้สัมภาษณ์กับนักข่าว CNN เมื่อเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า มันมีทางเลือกแค่ 2 ทางสำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ คือหนึ่งเขาชนะ กับสองคือเขาถูกขโมยการชนะออกไป มันไม่เคยมีทางเลือกที่สามนั้นคือเขาแพ้สำหรับเขา การเป็นผู้แพ้คือสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้สำหรับประธานาธิบดีคนนี้ ตั้งแต่มีการเลือกตั้งสหรัฐตั้งแต่ปี 1788 ตั้งแต่ตอนที่ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐ จอร์จ วอร์ชิงตัน ได้เป็นประธานาธิบดีครั้งแรก จนการเลือกตั้งในปี 2020 นี้ระหว่างวุฒิสมาชิก โจ ไบเดน ของฝั่งพรรคเดโมแครต และ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของฝั่งรีพับลิกัน เคยมีเหตุการณ์การไม่ยอมรับผลเลือกตั้งเพียงแค่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ นั่นก็คือระหว่างนาย อัล กอร์ ของฝั่งเดโมแครต และ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ที่เครื่องนับบัตรคะแนนเจาะบัตรไม่เข้า จึงทำให้ต้องนับใหม่อีกครั้งนึง จนขึ้นไปถึงศาลสูง แต่สุดท้ายอัล กอร์ยอมคดีและพูดอย่างสุภาพบุรุษว่าไม่ต้องนับใหม่ ทำให้จอร์จ ดับเบิ้ล บุช ได้ขึ้นไปเป็นประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐอเมริกา
9
ตอนสมัยจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช กับอัล กอร์
คราวนี้ถ้ารอบนี้โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น แวน โจนส์ (Van Jones) นักข่าวของ CNN มาเล่าให้กับทาง TED ฟังว่า นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ปกป้องประชาธิปไตยของประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ได้อยู่ในรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด มันไม่ได้อยู่ในกฏหมายด้วยซ้ำ แต่มันเป็นขนบธรรมเนียมที่ทำกันมาตลอดที่เป็นการทำแบบสมัครใจด้วยซ้ำ ที่ทำให้ไม่มีการจราจล ไม่มีการประท้วงหลังจากการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา สิ่งนี้คือ สุนทรพจน์ยอมรับความพ่ายแพ้ของฝ่ายที่แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสุนทรพจน์ที่ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีคนไหนก็ไม่อยากพูด แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้ความมั่นคงของประเทศยังคงอยู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่นักข่าวและที่ปรึกษาเข้ามาบอกกับผู้สมัครว่า ยังไงนายก็ไม่ได้คะแนนเพียงพอกับการเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้คือว่า ชะตากรรมของประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในสุนทรพจน์ของผู้สมัครเข้าชิงประธานาธิบดีคนนั้น เพื่อที่เขาจะยอมขึ้นมาพูดต่อหน้าครอบครัว ต่อหน้าผู้สนับสนุน และต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อพูดว่า ผมแพ้การเลือกตั้งนี้แต่โดยดี ขอบคุณผู้สนับสนุน และครอบครัว อีกฝ่ายนึงชนะแล้ว เราควรไปร่วมดีใจกับเขา เพื่อผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวและทำให้ประเทศชาติเดินต่อไป และพูดจบว่า “God Bless America”
6
แวน โจนส์ พูดให้กับ TED เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา
นี่คือขนบธรรมเนียมที่สำคัญมากกับประเทศ เพราะว่าเขายังมีฐานเสียงอยู่ข้างหลังเขาเป็นล้าน มีนักยุทธศาสตร์อยู่เบื้องหลังอยู่ ดังนั้นพวกเขาสามารถไปพกอาวุธและเดินไปต่อต้านการเลือกตั้งได้ทันที แต่เพราะสุนทรพจน์นั้นทำให้ทุกอย่างสงบ และบอกว่ามันจบลงแล้วสำหรับผู้สนับสนุนของเขาและไปดำเนินชีวิตกันต่อได้เลย ถึงแม้ว่าผู้สนับสนุนของฝ่ายที่แพ้อาจจะเสียใจแต่ก็ยังเคารพในรัฐบาลของประเทศตนเอง และยิ่งมากไปกว่านั้นสุนทรพจน์อันนี้ยังทำให้งานสำคัญหลังจากการเลือกตั้งดำเนินต่อไปได้ ทั้งการยอมรับจากสภา และ พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เพราะหลังจากสุนทรพจน์นั้นทุกอย่างเหมือนกับเป็นเรื่องอัตโนมัติ เพราะมันแค่ต้องใช้ตราปั้มในพิธีการต่างๆเพื่อให้การแต่งตั้งประธานาธิบดีคนถัดไปเป็นไปได้อย่างลุล่วง เพราะจริงๆแล้วผู้แพ้ไม่จำเป็นที่จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้ มันแค่เป็นพี่ธีกรรมเฉยๆ
2
ตอนที่ฮิลารี คลินตัน ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อโดนัลด์ ทรัมป์ ตอนปี 2016
แล้วถ้าทรัมป์ไม่ยอมพูดสุนทรพจน์ความพ่ายแพ้ละ จะเกิดอะไรขึ้น สิ่งถัดไปหลังจากนี้อาจจะฟังดูค่อนข้างน่าตกใจที่จะเกิดขึ้นในประเทศอย่างอเมริกา ลองนึกถึงสภาพแบบนี้ครับ สมมุติการเลือกตั้งเหมือนการแข่งขันฟุตบอลที่มีเวลาทั้งหมด 90 นาที ผู้ชนะคือฝ่ายที่ยิงประตูได้มากกว่าผู้แพ้ แต่สมมุติว่าเมื่อจบ 90 นาทีแล้ว สกอร์ 2-1 ฝ่ายผู้แพ้ไม่ยอม ขอต่อเวลาอีก 30 นาที สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ 90 นาทีแรกจะอยู่ดีๆไม่มีความหมายอีกต่อไป แล้วอีก 30 นาทีจะมีความหมายทันที เพราะนั่นคือวิธีการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา เพราะรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาบ่งบอกไว้ 2 แบบ แบบแรกคือ 90 นาทีที่ทุกคนให้ความสนใจ นั่นก็คือประชาชนทุกคนสามารถมาลงคะแนนและให้ความสนใจ และอีก 30 นาที ที่แค่คนกลุ่มเล็กๆจะได้โหวต และคนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจ
9
ในหน้าข่าวของเว็บไซต์ The Washington Post
ในการเลือกตั้งที่มีคะแนนสูสีขนาดนี้ ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมที่จะพ่ายแพ้ การเลือกตั้งแบบที่สอง หรืออีก 30 นาทีที่ผมพูดถึง จะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก คือแทนที่ทรัมป์จะยอมพ่ายแพ้ เขาสามารถที่จะต่อต้านการยอมสละเก้าอี้ หรือยังอยู่ในอำนาจได้ต่อไป ทั้งในศาลสูง หรือแม้แต่ ที่ทำการรัฐ Electoral College หรือแม้กระทั่งในสภา เขาสามารถที่จะฟ้องศาลเพื่อให้มีการหยุดนับคะแนนของผลโหวตเป็นล้านๆได้ พวกเขาสามารถพูดว่าผลโหวตโดยจดหมายไม่สามารถเอามานับเป็นคะแนนได้ ควรโยนทิ้งออกไป หลังจากนั้นพวกเขาสามารถร้องกับทางรัฐต่างๆไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งโดยสามารถให้เห็นผลว่า มีอิทธิพลหรืออำนาจมืดมาจากต่างประเทศ หรือฝ่ายรีพับลิกันสามารถส่งผู้แทนของแต่ละรัฐ เพื่อไปบอกกับทางสภา เราคือฝ่ายชนะในรัฐนั้นๆไม่ใช่ทางเดโมแครต ซึ่งจะเกิดความชุลมุนและความสับสนไปทั่วทั้งในสภา และใน Electoral College และต้องมีการสอบสวนโดยสภาผู้แทนราษฎร เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1800 เป็นต้นมา
3
ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อเรื่องการเลือกตั้งนี้ถึงข้างในสภาและบรรดา ส.ส. พวกเขาไม่ต้องสนใจกับคะแนนเสียงเป็นล้านที่ประชาชนโหวตให้ หรือ Electoral College แต้มที่ได้กันมาแต่อย่างใดเลย มันเหมือนกับการเลือกตั้งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเลือกตั้งที่จะมีในสภาของผู้แทนราษฎรนั้น ตัว ส.ส. ไม่ได้เป็นคนเลือกนะครับ แต่เป็นรัฐแทน (ว่ารัฐนั้นใครชนะกันแน่) คราวนี้ในการเลือกตั้งปีนี้ จำนวนคนส่วนใหญ่ในสหรัฐอยู่ในรัฐใหญ่ซึ่งชนะโดยรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน แต่มันมีจำนวนน้อยกว่ารัฐที่เลือกให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้ว่าฝ่ายรีพับลิกันจะเอาคนของตนเองอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีไปเลย โดยไม่สน Popular Vote หรือ Electoral College
3
วิธีการออกเสียงของบรรดา ส.ว.
คราวนี้มันจะมีบางคนบอกว่า วิธีการนี้เป็นวิธีการทำรัฐประหารที่ถูกกฏทั้งในรัฐธรรมนูญและในกฏหมาย แต่มันจะผิดกับความคิดในเรื่องของประชาชนควรเป็นเสียงส่วนใหญ่ในอเมริกา ซึ่งมันอาจจะเลยไปถึงมกราคมปีหน้าเลยก็ได้ สิ่งที่คุณแวน โจนส์ได้แนะนำประชาชนของอเมริกาเพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพของตนเองคือ หนึ่ง ควรรับข้อมูลข่าวสารเอาไว้ สอง คุณต้องออกสื่อ ต้องพูดใน Social Media ต้องขยายความให้คนรู้ว่าเสรีภาพของเรากำลังสั่นคลอน สิ่งที่สามที่เขาแนะนำคือ ต้องออกมาสนับสนุน จะเป็นการเดินประท้วงอย่างสันติก็ได้ หรือ จะเป็นการให้เงินสนับสนุนก็ได้ สิ่งสุดท้ายที่แวน โจนส์ฝากไว้คือ ในประวัติศาสตร์ในบรรดาการปกครองประเทศทั้งหมด ประชาธิปไตย คือสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่เปราะบางและสามารถล้มเหลวได้ ในช่วงเวลาวิกฤติของประเทศ ประชาชนมีส่วนว่าประเทศนี้จะเป็นแบบเดิมหรือจะเปลี่ยนไป
2
แวน โจนส์
เมื่อผมฟังคุณ แวน โจนส์ พูดจบ ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศที่มีอำนาจและเดินหมากให้ตัวเองมีอำนาจต่อมาเรื่อยๆเป็นเวลามากกว่า 70 ปีแล้ว ทั้งการทำ Bretton Woods System การประชุม Plaza Accord การทำ Nixon Shock หรือการเอา Gold Standard ออกจากเงินดอลลาร์ รวมไปถึงเรื่องใหม่ๆเพื่อให้ตัวเองยังมีอำนาจอยู่อย่าง QE หรือการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเป็นล้านๆบาท สิ่งเหล่านี้ทำให้สหรัฐยังเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริง จีนจะกลายมาเป็นมหาอำนาจประเทศถัดไปอย่างแน่นอน ทองคำจะทะยานขึ้นสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเรื่อยๆ แม้กระทั่งตอนนี้ที่ผมเขียนบทความอยู่เงินดอลลาร์อ่อนไป 20 สตางค์เมื่อเทียบกับเงินบาทแล้ว ต้องรอดูอย่างใจจดใจจ่อถัดไปในอีก 1-2 สัปดาห์ เรื่องราวนี้จะจบกันอย่างดี หรือ จะมีหายนะที่รอเราอยู่ หรือ การล้มสลายของมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกจะเกิดขึ้น
4
อาจจะเป็นการล้มสลายของมหาอำนาจของโลก
ปล. ไม่ได้เขียนนานมากครับ ต้องขออภัยจริง งานยุ่งและเยอะมาก แต่ติดตามผมได้ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจครับ ผมจะออกบทความทุกๆวันศุกร์แรกของเดิอน หรือ วันศุกร์ที่สี่ของเดือน ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่ และหวังว่าทุกคนจะผ่านเรื่องนี้กันไปได้
3
ขอบคุณภาพจาก The Washington Post, CNN, EPA, LegBranch, TED, The New York Times, และ Vox ครับ
1
โฆษณา