9 พ.ย. 2020 เวลา 15:56 • ท่องเที่ยว
🌸คิดถึงญี่ปุ่น Ep. 3🌸 “เผชิญ ซูเปอร์ไต้ฝุ่น ฮากิบิส”
ทริปล่าสุดที่ไปญี่ปุ่น 10-14 ตุลาคม 2019
พี่เขียนเข้าไปอยู่ใจกลางพายุไต้ฝุ่น ฮากิบิส พอดีโดยไม่ได้คาดหมายมาก่อนค่ะ😧
มารู้ก่อนเดินทางไม่นานว่า พายุจะเข้าวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2019 โชคดีที่เดินทางไปถึงตั้งแต่ 10 ตุลาคม ได้เที่ยวนอกเมืองแบบท้องฟ้าแจ่มใส 1วันเต็ม (อ่านที่ลิ้งค์นี้ค่ะhttps://www.blockdit.com/articles/5fa2331396b3ab24dbc0b348)
11 ตุลาคม 1 วันก่อนพายุเข้า เดินทางเข้าเมืองโตเกียว ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เทาทึมมัวซัว พาใจห่อเหี่ยวมากเลยค่ะ
ท้องฟ้าสีม่วงอมชมพู เย็นวันก่อนพายุเข้าภาพจาก https://vaaju.com/thailandeng/open-the-pink-sky-image-beauty-first-typhoon-hagisis-landslide-japan-clip/
แต่ก็มีผู้เก็บภาพท้องฟ้าสีม่วงประหลาด ปกคลุมเหนือเมือง Wakayamaไว้ได้ ดังภาพข้างบนนี้ค่ะ มีการหักเหของแสงอาทิตย์ ผ่านละอองน้ำเล็กๆที่ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศ ช่วงก่อนพายุจะพัดเข้า จึงเกิดเป็นสีม่วงหนึ่งใน 7 สีของรุ้ง สวยไปอีกแบบ😄
🌟การไปเที่ยว ก็เหมือนกับการดำเนินชีวิต
หลายครั้งสถานการณ์ทำให้เราไม่มีทางเลือกมากนัก🌟
เมื่อชีวิตจริงไม่เหมือนแผนการที่วาดไว้ เราจึงต้องปรับตัว ปรับวิถีใหม่ เพื่อให้ไปต่อได้
เย็นวันก่อนพายุเข้า คณะของเราจึงต้องแวะเข้าไปซื้อหาอาหาร และน้ำดื่มไว้ สำหรับวันรุ่งขึ้นซึ่ง จะต้องอยู่ในโรงแรมทั้งวัน ออกไปเที่ยวไหนไม่ได้ เพราะ รถไฟหยุดวิ่ง ร้านอาหารปิดหมด
นักท่องเที่ยวคนอื่นๆก็คงคิดเหมือนกับเราค่ะ เมื่อเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ จึงได้พบกับชั้นที่ว่างเปล่าแบบนี้ 😯
ชั้นวางอาหาร ขนมปัง ถูกกวาดไปเกือบเกลี้ยงแล้ว
อาหารแห้งพวกบะหมี่ยังพอเหลืออยู่ ก็เลยซื้อไปเป็นเสบียงได้ ยังมีกล้วยหอม โชคดีเรายังมีลูกพลับที่ซื้อไว้จากหมู่บ้าน Oshino Hakkai อีก 4ลูก
เตรียมเสบียงไว้
กลับโรงแรมคืนนั้นก็นั่งฟังข่าวจากทีวี ฝนตกหนักที่นอกโตเกียว จนไหลบ่าท่วมบางพื้นที่
ฮากิบิส ซูเปอรฺ์ไต้ฝุ่นลูกที่ 3 ของปี 2019 เป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี ด้วยความเร็วลม 195 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง และ เส้นผ่าศูนย์กลางของพายุ 1529 กิโลเมตร
ยิ่งฟังมาก ดูข่าวมากยิ่งกังวล!
รายงานข่าวจากหน้าจอทีวี
ข่าวจากสำนักอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น บอกว่า
“พายุไต้ฝุ่นจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่ภูมิภาคโตไค หรือคันโต ในวันเสาร์ที่12 ตุลาคม 2019 “
คาดการณ์ว่าพายุฮากิบิสอาจจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมในพื้นที่เขตมหานครโตเกียวสูงถึง 750 มิลลิเมตร (เกือบ 30 นิ้ว)
ANAและเจแปนแอร์ไลน์ 2 สายการบินญี่ปุ่น ประกาศยกเลิกทำการบินทั้งใน และต่างประเทศรวม 955 เที่ยวบิน จนถึงวันอาทิตย์ที่ 13 ต.ค.
“ไต้ฝุ่นฮากิบิสอาจสร้างความเสียหายได้เทียบเท่ากับพายุไต้ฝุ่นที่เกิดขึ้นในปี 1958 ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตราว 1,200 คนในภูมิภาคคันโต และเกาะอีซุ นอกจากนี้ พายุไต้ฝุ่นฮากิบิสสามารถก่อให้เกิดคลื่นซัดชายฝั่ง (Strom surge) ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนที่อาศัยอยู่แนวชายฝั่งของเกาะฮอนชู และอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน”
บ้านเรือนนอกเมือง เตรียมรับพายุ
พอข่าวทำนายโอกาสเกิดน้ำท่วมเผยแพร่ไป ทำให้เพื่อนฝูงที่เมืองไทยเป็นห่วง ทักมาว่า
“เป็นอย่างไรบ้าง ขอให้ปลอดภัยนะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง พักโรงแรมชั้นที่ 9 ไม่ออกไปไหน”😊
โรงแรมย่านกินซ่าใจกลางโตเกียว น่าจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุดแล้วล่ะค่ะ มีโรงแรมสูงๆล้อมรอบ ลมจะแรงแค่ไหนก็คงจะไม่สะเทือน น้ำก็ท่วมไม่ถึง
เช้าวันที่ 12 ตุลาคม ตื่นขึ้นมาก็เปิดม่านดูข้างนอกก่อนเลย ฟ้ามืดมัว แต่ฝนยังไม่ตก เขาทำนายว่า พายุฝนจะมาตั้งแต่บ่ายๆถึงค่ำ
นั่งๆนอนๆในโรงแรมถึงสายๆ สัก 10 โมงฝนก็เริ่มตกปรอยๆลงมาก่อน ยังไม่หนักมาก
“อยากออกไปเดินดูรอบๆสักหน่อย เผื่อซื้อน้ำเปล่าเพิ่ม “ มีข้ออ้างออกไปข้างนอกโรงแรม
ถนนย่านกินซ่า วันพายุฮากิบิสเข้าถล่มโตเกียว
กางร่มเดินออกไปท่ามกลางฝนพรำ
ถนนว่างแทบไม่มีรถวิ่ง
ทางเดินเท้าเปียกน้ำฝนสะท้อนภาพตึกสูง
ย่านช้อปปิ้งที่ปกติจะคลาคล่ำด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของในวันหยุด กลับปราศจากชีวิตชีวา
เดินหาร้านLawson ที่หัวมุมถนน แวะซื้อของเพิ่มนิดหน่อย ก็กลับไปนอนพักที่โรงแรม
ตกเย็นฝนตกหนักขึ้น แบบจั้กๆๆตลอดเวลา ลมก็แรง แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียงดังมากเท่าไร เพราะกระจกหน้าต่างเป็นแบบ 2 ชั้น
มองออกไปข้างนอกมืดแล้ว พายุหวีดหวิวทั้งคืน ถ้าเป็นที่กรุงเทพ ฝนตกแบบนี้น้ำท่วมถึงเข่าแน่นอน แต่นี่เป็นที่โตเกียว น้ำจะท่วมไหมหนอ?
นอนหลับๆตื่นๆตลอดคืน
ตื่นเช้า รีบเปิดม่านดู....ฝนหายไปหมดแล้ว ท้องฟ้ากลับเป็นสีฟ้าเหมือนเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
ฟ้าหลังพายุฝนสีฟ้าสดใสจริงๆค่ะ
สระน้ำใหญ่ในสวน Ueno สวนสาธารณะกลางกรุงโตเกียว น้ำใสนิ่งรับแสงแดดจ้าอันอบอุ่น
คนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยว ออกเดินกันขวักไขว่ตามปกติของเช้าวันอาทิตย์
สวน Ueno
นั่งรถไฟออกไปนอกเมือง ลงที่สถานี Kichijoji เดินผ่านถนนคนเดินที่มีร้านขายของจุกจิก และร้านอาหาร
ถนนหนทางแห้งผาก คนโตเกียวกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังจากพายุใหญ่เพิ่งพัดผ่านไปเมื่อคืนนี้!
ความมีชีวิตชีวาบนถนนคนเดิน 1วันหลังพายุเข้า
ถนนคนเดิน ที่มุ่งไปสู่สวน Inokashira
มีสวนสัตว์ภายในสวน Inokashira
จบด้วยการกินขนมปัง และบะหมี่ราเมน ให้สมกับที่อดมาหนึ่งวันค่ะ😀
ต้องชมเชยรัฐบาลญี่ปุ่นที่สามารถรับมือกับพายุที่รุนแรงได้อย่างดีเยี่ยม น้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน
หายวับไปกับตาภายในเช้าวันรุ่งขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์จริงๆค่ะ
นี่คือคำตอบว่าน้ำหายไปไหน .....อุโมงค์ระบายน้ำราคา 70,000 ล้านบาท ความยาว 6.3 กิโลเมตร ได้ทำหน้าทีระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมราคานี่เองค่ะ!
ระบบอุโมงค์ยักษ์ ใต้กรุงโตเกียว เพื่อระบายน้ำ ภาพจาก https://www.billionmindset.com/tokyo-flood-tunnel/
ในปี 1990 รัฐบาลญี่ปุ่นมีความเห็นว่าจะต้องทำโครงข่ายการระบายน้ำอย่างจริงจังให้แก่เมืองโตเกียว
และเนื่องจากตอนนั้นประชากรก็หนาแน่นมาก ไม่สามารถสร้างทางน้ำขึ้นบนผิวดินได้ คำตอบก็เลยกลายเป็น “อุโมงค์ยักษ์ใต้ดิน”
แม้จะเป็นโครงการที่มีมูลค่ามหาศาล ต้องทุ่มงบประมาณตอนนั้นกว่า 70,000 ล้านบาท
แต่ด้วยความจำเป็นที่ “ต้องทำ” เพราะถ้ายิ่งไม่ทำ ในอนาคตเมื่อเมืองแออัดขึ้น เจอกับภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น ก็จะยิ่งกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขยากขึ้นไปอีก
หลังจากเขียนแผนงานเสร็จ ในที่สุดอุโมงค์ระบายน้ำขนาดยักษ์ ก็ได้ฤกษ์ก่อสร้างขึ้นในปี 1993 และ ใช้งานได้เป็นอย่างดี พิสูจน์แล้วว่าคุ้มค่าจริงๆ
เมื่อไรกรุงเทพของเราจะมีอย่างนี้บ้างหนอ?

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา