8 พ.ย. 2020 เวลา 13:27 • ข่าว
ส.ศิวรักษ์กับการยุพระภิกษุสามเณรให้ร่วมชุมนุมทางการเมือง:
มีคนส่งคลิปของท่านอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์นี้มาให้ดูตั้งแต่เมื่อวานครับ ผมขอแนะนำพระภิกษุสามเณรว่าอย่าเชื่อคำแนะนำของอาจารย์ส.ศิวรักษ์ในเรื่องการยุให้พระภิกษุสามเณรไปร่วมชุมนุมทางการเมืองและการส่งเสริมให้บวชภิกษุณี
1
โพสต์ที่แล้ว ผมบอกว่าผมบอกว่าพระภิกษุที่ไปร่วมชุมนุมผิดพระวินัยหลายข้อ ในขณะเดียวกัน ก็ผิดกฎหมายหรือข้อบังคับของคณะสงฆ์สมัยใหม่ด้วย ขอสรุปดังนี้ครับ
2
๑.สถานที่ชุมนุมทางการเมืองเป็นอโคจรสำหรับพระสงฆ์ เข้ากับสิ่งที่ไม่ควรสำหรับพระสงฆ์สามเณรในหลักมหาปเทศ ๔ ใครเข้าร่วม อย่างน้อยต้องอาบัติทุกกฎทุกครั้งที่เข้าร่วม
4
๒.การเมืองเป็นเรื่องของตัณหา ที่พรรคการต่างๆ พยายามทุกวิถีทางเพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามให้ตนเข้าไปมีอำนาจจัดตั้งรัฐบาลแทน
การที่พระสงฆ์เข้าไปร่วมประท้วงก็แสดงว่ากลายเป็นเครื่องมือของนักการเมืองไป ต้องอาบัติสังฆาทิเสสข้อที่ ๑๓ ข้อหาประทุษร้ายสกุล
3
เพราะการไปร่วมประท้วงเพื่อให้คฤหัสถ์ที่ตนชอบได้เป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลเท่ากับประจบคฤหัสถ์ ยอมตนให้เขาใช้สอยซึ่งผิดตามหลักพระวินัย
๓.ขณะที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง พระสงฆ์ก็พูดคำหยาบ ชูป้ายแสดงอาการกิริยาหยาบคายที่ชาวโลกติเตียน เข้าข่ายพูดวจีทุจริต ต้องอาบัติทุพภาษิตทุกครั้งที่พูด ทุกครั้งที่ชูป้าย เพราะการชูป้ายก็เท่ากับสื่อสารให้คนเข้าใจในสิ่งที่ตนเองคิด
๔.ถ้าพระภิกษุสามเณรเหล่านั้นไม่เคยรู้พระวินัยมาก่อน มีคนตักเตือนให้นึกถึงพระวินัยแล้วสารภาพผิด กลับตัวกลับใจ ยังปลงอาบัติขึ้น แต่ถ้าท่านยังดักดานต่อไปอีก ต้องอาบัติสังฆาทิเสสข้อที่ ๑๒ ภิกษุว่ายากสอนยาก ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง มีโทษคือต้องถูกกักบริเวณให้อยู่เพื่อสำนึกผิดในสิ่งที่ตนเองได้ทำตามเงื่อนไขของอาบัติสังฆาทิเสส
1
๕.คณะสงฆ์โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราช ได้ออกประกาศ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๖ ห้ามพระภิกษุสามเณร ไม่ให้เกี่ยวข้องในเรื่องราชการของฝ่ายบ้านเมือง
๖.สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรได้ทรงออกคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.๒๕๓๘
ข้อ ๕ และข้อ ๖ นี้สอดคล้องกับที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไวในวัสสูปนายิกขันธกะว่า อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชานํ อนุวตฺเตตุํ 'ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เธออนุวรรตตามกฎระเบียบข้อบังคับของบ้านเมือง' ซึ่งหมายความว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่งรัฐบาลและมติคณะรัฐมนตรีที่ปกครองบ้านเมืองนั่นเอง
1
พระภิกษุสามเณรต้องอาศัยการอุปถัมภ์ของรัฐบาลทุกรัฐบาล จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบของบ้านเมืองรวมทั้งคำสั่งของคณะรัฐมนตรีที่บริหารบ้านเมือง ไม่ใช่ไปสังกัดพรรคการเมือง หาไม่เมื่อพรรคฝ่ายตรงข้ามได้เป็นใหญ่ อาจทำร้ายพระพุทธศาสนาได้
หลายๆ อาบัติรวมกัน ทำให้ชาวโลกติเตียนมาก พระสงฆ์ฝ่ายปกครองก็ต้องพิจารณาดูว่าสำนีกผิดหรือปล่าว ถ้ายังจะดันทุกรังทำผิดต่อไป ก็สามารถจับสึกตามพรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ​แก้ไขเพิ่มเติม​ พ.ศ.๒๕๓๕​ มาตรา ๒๗ ข้อ (๒) ได้เลย กล่าวคือ:-
'มาตรา ๒๗ เมื่อพระภิกษุใดต้องด้วยกรณีข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึกแต่ไม่ยอมรับนิคหกรรมนั้น
(๒) ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ
(๓) ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง
(๔) ไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม
พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศตามวรรคสอง ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยนั้น'
ส่วนเรื่องราวการภิกษุณีนั้น ชาวพุทธที่สนใจพระพุทธศาสนาหน่อยก็จะรู้ว่าคณะสงฆ์เถรวาทบาลีในประเทศไทยบวชไม่ได้ตามหลักพระวินัยที่คณะสงฆ์ไทยและลังกายึดถืออยู่ เพราะภิกษุณีฝ่ายเถรวาทบาลีนั้นสิ้นวงศ์ไปแล้ว
ภิกษุณีในลังกาที่มีอยู่ตอนนี้ก็เพราะพระลังกากลุ่มหนึ่งไปเอาภิกษุณีมหายานซึ่งมหายานรับมาจากวงศ์นิกายธรรมคุปตะมาบวชร่วมกับพระเถรวาทของลังกา เป็นการบวชให้ของคณะสงฆ์กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งในขณะที่คณะสงฆ์หลักไม่ได้ยอมรับแต่อย่างใด เพราะเมื่อว่าโดยพระวินัยเป็นนานาสังวาสกัน บวชกันไม่ได้
แต่กระแสส่งเสริมภิกษุณีในขณะนี้ได้รับการสนับสนุนจาก NGOs กลุ่มสิทธิสตรีหรือสิทธิมนุษยชนจากต่างชาติซึ่งไม่ได้ยึดหลักพระวินัยที่พระสงฆ์ไทยและลังกาถืออยู่ ผมได้เขียนอธิบายรายละเอียดไว้แล้วในธรรมจักษุ ปีที่ ๘๗ ฉบับที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๕ ตั้งแต่หน้า ๔๙ เป็นต้นไป
อาจารย์สุลักษณ์นั้นท่านเป็นนักกิจกรรมสังคม (Social activist) ไม่ใช่นักวิชาการทางพระพุทธศาสนา เมื่อท่านยุให้คนวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์จนถึงให้นิสิตนักศึกษาพากันออกไปประท้วงอยู่ตอนนี้ จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะยุให้พระภิกษุสามเณรออกไปร่วมด้วย แต่พระภิกษุสามเณรต้องตระหนักว่าตนมีเพศต่างจากฆราวาส ซึ่งเป็นอุดมเพศ ต้องอยู่ในกรอบของหลักพระธรรมวินัย ประกาศ คำสั่งและระเบียบของคณะสงฆ์ หาไม่จะพากันถูกดำเนินคดีได้
@ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
1
โฆษณา