“เชลซี” ดุดีจนไม่อยากเบรก
4-1
3-0
3-0
4-0
ชนะรวด 4 เกม ยิง 14 เสียลูกเดียว ในทุกถ้วยทุกรายการแข่งขันที่ลงเล่น
11 เกมเข้าไปแล้วที่ เชลซี ไม่แพ้ใครถือเป็นช่วงฟอร์มที่ดีที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ พฤศจิกายน 2018 ณ ตอนนั้นกดยาวไปถึง 18 เกม
ในเกมทิ้งทวนก่อนฟีฟ่าเดย์กับ เชฟฟิลด์ยูไนเต็ด
เกมที่พลาดเสียประตูตั้งแต่ 10 นาทีแรก
เกมที่แสดงให้เห็นถึงความใจเย็นไม่ตื่นตกใจในการกลับมา
เกมที่ปล่อยของมากมายทั้งการเข้าทำที่หลากหลายคน สลับที่มากมายตำแหน่ง ลูกนิ่ง สมดุลในเกมยอดเยี่ยม
เกมที่ยืนยันอีกครั้งว่าการเติมตัวของฤดูกาลไม่เสียเปล่าและสามารถลุ้นๆยาวๆกับทีมใหญ่มากมายแม้นายใหญ่อย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังตีกรรเชียงว่าพวกเขาไม่ใกล้ แมนฯซิ หรือ ลิเวอร์พูลนัก
แม้ผลงานตอนนี้ ทีมไม่แพ้ใคร 8 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ส่วนในลีกก็เก็บได้ 15 คะแนนจากการลงเล่น 8 นัด ซึ่งทำให้บางคนมองว่าพวกเขาเข้าใกล้กับ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ได้มากขึ้น รวมถึงถูกยกให้เป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ด้วย
แลมพาร์ด บอกว่า เชลซี ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง เพราะช่องว่างในเรื่องความคงเส้นคงวาระหว่างทีมกับ 2 ทีมที่เป็นทีมที่เก่งที่สุดในโลกและในยุคปัจจุบันของ พรีเมียร์ลีก มันถือว่าใหญ่เกินไป ดังนั้นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าตอนนี้ เชลซี อยู่ในจุดไหน และยอมรับเรื่องนั้นโดยดี
ฮาคิม ซีเย็ก กับอีกเกมที่แผลงฤทธิ์ให้เห็นว่าเขาคือเพลย์เมกเกอร์ซ้ายระดับโลก ทั้งไปกับบอล โยนครอส เตะลูกนิ่ง 2 แอสซิสต์ 2 เกมติดๆกัน ทำเอาแฟนๆใจพอง ภาพกระชากจากริมเส้นขวาตัดในสังหารสร้างโอกาสด้วยซ้าย แม้ลีลาจะไม่คล้ายไม่ละม้ายเรื่องความเร็ว แต่อดไม่ได้ที่แฟน สิงห์บลู จะคิดย้อนถึง อาร์เยน ร็อบเบน (ด้วยท่าทางผมว่าเขาคล้าย อังเกล ดิ มาเรีย มากกว่า)
ยุคกระเต๊าะหนุ่ม ดัฟฟ์ ซ้ายกับนายตัวร้าย ร็อบเบ็นขวา
ทั้งเกมเขาสร้างโอกาสให้เพื่อนได้จบได้ 6 ครั้งเปลี่ยนเป็น 2 ประตู พรีเมียร์ลีกในปีนี้ที่เล่นมาไม่มีใครทำได้มากกว่าเจ้าตัวอีกแล้ว
สถิติของ ซิเย็ค ในเกมพบ เชฟฯ ยูไนเต็ด
ลงเล่น 90 นาที
สัมผัสบอล 82
ครอส 5
ยิง 5
แอสซิสต์ 2
สร้างโอกาส 6
สร้างโอกาสสำคัญ 3
ได้ฟาวล์ 4
ยิ่งประสานงานกับ เบน ชีเวลล์ ที่เติมแล้วเติมอีก มาหมดทั้งยิงไกล เปิด หรือแม้แต่สอดทำประตูมันถูกใจเหลือเกิน
เรื่องดีที่สุดที่ได้เห็นจากเกมนี้คือความสบายใจที่ลูกฟรีคิก ไม่ว่าจะยิงโดยตรงหรือโยนเข้าใส่เพื่อทำประตูตามแผนกลยุทธมากมายกลับมาอันตรายอีกครั้งหลังเงียบหายมานาน
โดยเฉพาะปลายฤดูกาลก่อนน้อยมากในความทรงจำที่ฟรีคิกจะเปลี่ยนเป็นความได้เปรียบสำเร็จที่ประตู
เรื่องลูกนิ่งกับความสำเร็จถือเป็นของคู่กันหรือไม่ คงตอบได้ไม่เต็มปากหากแต่ย้อนกลับไปดูทีมที่ประสบความสำเร็จจนเป็นแชมป์ ประตูจาก เซตเพลย์ (ตามตำราจดสถิติคือลูกเตะมุม ลูกฟรีคิก แต่จุดโทษไม่นับนะเธอ) ถือเป็นปัจจัยสำคัญไม่น้อย
ฤดูกาล 2019-20 ที่เพิ่งผ่านพ้น ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์และ แมนฯซิตี้ รองแชมป์ เข้าป้ายในฐานะทีมเจ้าพ่อลูกนิ่งได้ประตูจาก เซตเพลย์ 17 ลูกเท่ากัน
2018-19 แชมป์ลูกนิ่งตกเป็นของ ลิเวอร์พูล 20 ประตู ตามด้วย ท็อตแนม เอฟเวอร์ตัน ทีมละ 16 ฤดูกาลนั้น ลิเวอร์พูลเข้าป้ายรองแชมป์
2017-18 แชมป์ลูกนิ่งได้แก่ บอร์นมัธ 16 ประตู ตามมาด้วย ซิตี้ แชมป์ ในปีนั้น อาร์เซนอล ทีมละ 15 ประตูเท่ากัน
2016-17 แชมป์ลูกนิ่ง คือ เชลซี ซึ่งได้แชมป์ในปีนั้น ได้ประตูจากเซตเพลย์มากถึง 22 ประตู (ทั้งฤดูกาลยิงทุกรูปแบบได้มา 85 ประตู)
ดังนั้นการทำประตูจากเซตเพลย์ถือเป็นองค์ประกอบ เป็นอาวุธสำคัญเพื่อจะพาไปสู่ความสำเร็จตามเป้าที่ตั้งไว้ไม่ว่าจะเป็นแชมป์หรือรอดตกชั้น
ย้อนดูในปีนี้ เชลซี ได้ประตูจากลูกนิ่งไปแล้ว 6 ประตู เป็นฟรีคิก 1 และ เตะมุม 5 แน่นอนว่ามันมากที่สุดของพรีเมียร์ลีก เทียบกับปีที่ผ่านมาพวกเขาทำได้เพียง 11 ลูกเท่านั้น ถือเป็นพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ยิ่งภาพที่ ติอาโก้ ซิลา ทำประตูได้ ส่งให้เขากลายเป็นผู้เล่นเชลซีที่อาวุโสมากที่สุดในลำดับที่ 6 อายุเบาๆ 36 ปี 46 วัน ทั้งนี้หากมองหาตัดวงเฉพาะเพียงผู้เล่นอาวุโสที่สุดตอนทำประตูแรกในสีเสื้อเชลซี ติอาโก้ รั้งอันดับที่ 2 เป็นรองแค่ เกล็น ฮอดเดิล ทำไว้เมื่ออายุได้ 36 ปี 150 วันเท่านั้น
ที่สำคัญ ติอาโก้ เป็นผู้เล่นคนที่ 14 ในฤดูกาลนี้แล้วที่ทำประตูให้ทีมได้ มันน่าชื่นใจนะกับการได้เห็นตัวเลขที่หลากหลายซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันถึงวิธีการเข้าทำ การสร้างสรรค์ที่ยากจะจับทางได้ เพราะอย่างน้อยก็ออกได้หลายหน้าไม่ได้คาดดาง่ายดายเหมือนหลายปีที่ผ่านมา
มันยากแล้วที่จะหาฟอร์มการเล่นแบบไหนที่ดีกว่านี้ในการเล่นก่อนเบรกทีมชาติ
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าหมดเบรกกลับมาสภาพทีมจะพร้อมเบอร์ไหน มีใครเจ็บ เปื่อย ป่วย หรือร้ายกว่านั้นติด โควิด กลับาหรือไม่ค่อยลุ้นกันต่ออีกคันรบ
ตอนนี้ของพักใจไปนั่งฟินก่อนละครับ
ว่าแล้วไม่เบรกได้ไหมฟอร์มกำลังมา
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
