17 พ.ย. 2020 เวลา 23:45 • ความคิดเห็น
38 ข้อคิดดีๆ จากท้อฟฟี่ แบรดชอว์
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทาง LINE MAN Wongnai ได้รับเกียรติจากคุณท้อฟฟี่ แบรดชอว์มาบรรยายในหัวข้อ เรื่องเล็ก น้อยนิด มหาศาล
8
จัด WeShare มาหลายสิบครั้ง ครั้งนี่น่าจะเป็น WeShare ที่มีความ personal มากที่สุด
นี่คือข้อคิดบางส่วนที่ได้จากคุณท้อฟครับ
2
1. ตอนจบปริญญาตรีใหม่ๆ เคยไปสัมภาษณ์งานกับกิจการโรงแรมแห่งหนึ่ง ต้องนั่งรอ 6 ชั่วโมง พอสัมภาษณ์เสร็จแล้วก็บอกตัวเองว่าไม่อยากทำงานที่นี่ เพราะตลอด 6 ชั่วโมงที่นั่งรอ ไม่มีแม้กระทั่งน้ำซักแก้วหนึ่งมาให้ดื่มทั้งๆ ที่บริษัทอยู่ในธุรกิจบริการ เราอยากอยู่ในองค์กรที่ใส่ใจเรื่องเล็กๆ เพราะเราเองก็อยากเป็นคนแบบนั้น
14
2. หลังจากเรียนจบโท ตัดสินใปสมัครงาน Ogilvy ได้สัมภาษณ์กับ "พี่อิ๋ว" ที่เป็น MD ประทับใจมาก เพราะพี่อิ๋วเล่าให้ฟังด้วยว่าที่นี่เขาทำงานกันยังไง ตอนนั้นคิดในใจว่าต่อให้ไม่ได้งานที่นี่ ก็จะขอกลับมาสมัครใหม่ เพราะรู้เลยว่าที่นี่คือ "โอลิมปิก"
2
3. ผมแนะนำตัวเองกับพี่อิ๋วว่า "ผมเป็นนักทำให้คนตกหลุมรักภายใน 7 วินาที" เพราะมีงานวิจัยที่บอกว่า 7 วินาทีแรกที่เราเจอกันนั้นจะสร้างภาพประทับอยู่ในใจว่าเราเป็นคนแบบไหน พี่อิ๋วจึงถามต่อว่า "งั้นท้อฟทำให้พี่ตกหลุมรักภายใน 7 วินาทีหน่อยสิ"
6
4. (สำหรับพี่อิ๋ว ผมขอสองนาทีนะครับ) ในปี 1995 มีหนังชื่อ Evita ซึ่งกำลัง cast ตัวนักแสดงนำ มีทั้ง Meryl Streep, Michelle Pfifer และนักแสดงหญิงขั้นเทพอีกหลายคน แต่คนที่ได้บท Evita ไปกลับเป็น Madonna ซึ่งเป็น bad girl ในวงการ และเคยได้รางวัลนักแสดงยอดแย่มาแล้ว (Golden Raspberry Awards)
2
5. สิ่งที่มาดอนน่าทำ คือเขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเองหา Alan Parker ที่เป็นผู้กำกับ แล้วขอร้องว่าเลือกฉันเถอะ แล้วฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ปาร์คเกอร์สัมผัสอะไรบางอย่างได้ จึงเลือกมาดอนน่า และสุดท้ายเธอก็คว้ารางวัล Golden Globe นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม
1
6. ผมรู้ว่าพี่อิ๋วมีช้อยส์ที่ดีกว่าผม ประสบการณ์มากกว่า เก่งกว่า ผมเพิ่งจบโทมา ไม่เคยทำ agency มาก่อน แต่ผมมี passion และความตั้งใจ ผมจะพิสูจน์ตัวเองว่าพี่เลือกคนไม่ผิด
2
7. สุดท้ายผมก็ได้งานที่ Ogilvy จริงๆ เมื่อได้เข้ามาทำงาน จึงถามพี่อิ๋วว่าทำไมถึงเลือกท้อฟ พี่อิ๋วตอบว่า พี่เลือกท้อฟตั้งแต่ 7 วิแรก
1
8. 7 seconds = lifetime เราต้องทำให้ 7 วินาทีนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา มันคือการต่อโปรที่เคยเป็นแค่ 7 วินาที ให้ยาวขึ้นเรื่อยๆ ลองคิดว่าถ้าเราใช้ทั้งชีวิตสร้าง 7 วินาทีแห่งความประทับใจอยู่ตลอด ทิศทางชีวิตเราจะเป็นอย่างไร
2
9. สมัยทำงานอยู่บริษัทเก่า การทำ content ยังเป็นเรื่องใหม่ ผมเลยเดินไปขอหัวหน้าว่าอยากทำ content หัวหน้าก็อนุญาตว่าพอขึ้นปีใหม่จะให้ทำ ผมก็เฝ้ารอวันที่จะได้ทำงานใหม่ แถมมกราคมยังเป็นเดือนเกิดของผมด้วย เมื่อเดือนมกราคมมาถึง หัวหน้าก็ประกาศในที่ประชุมว่าจากนี้ไปท้อฟฟี่จะไม่ทำ AE แล้วนะ เพราะท้อฟฟี่ทำงานไม่ได้ แล้วเขาก็หัวเราะ แล้วทั้งห้องก็หัวเราะตามอย่างเสียไม่ได้ ตอนนั้นผมรู้สึกโดดเดี่ยวมาก
2
10. Moment ที่แย่ที่สุดคือตอนโดนเชิญออกไปเป่าเค้กแล้วร้อง Happy Birthday to You เดินออกมาจากห้องประชุมแล้วรู้สึกไม่อยากมาทำงานอีกเลย ยังดีที่เพื่อนๆ พี่มาให้กำลังใจ
11. ผมมีสองทางเลือก เชื่อว่าทำไม่ได้จริงๆ หรือออกมาลุยเอง ผมเลือกอย่างหลัง เลยเป็นจุดกำเนิดของเพจ ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
12. มนุษย์ทำงานทุกคนน่าจะมีช่วงเวลาของการเกลียดวันจันทร์ และเราเองก็รู้ดีว่าเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าในองค์กรนั้นมันเป็นยังไง อยากจะช่วยเปลี่ยนความรู้สึก I hate my job ให้กลายเป็น I love my job เพราะถ้าที่ทำงานแย่ เราจะส่งต่อพลังลบให้กับคนที่บ้านด้วย แต่ถ้างานมีความสุข เราจะส่งต่อพลังงานดีๆ ให้กับเพื่อนและคนรอบตัว จึงเป็นที่มาของคอลัมน์ Game On, Bitch ใน The Standard
4
13. มีคนทัก ส่งคำถามและฟีดแบ็คมามากมาย ครั้งหนึ่งที่ประทับใจคือมีคนเขียนมาบอกว่า "ผมอยากเป็นหัวหน้าที่ดี ที่ผ่านมาผมทำให้ลูกน้องไม่มีความสุขในที่ทำงาน ผมใช้ความโกรธในที่ทำงาน" ไม่นึกว่าข้อเขียนของเราจะมีผลงอกงามออกมาขนาดนี้ และที่ไม่คาดฝันยิ่งกว่าคือมันกลับมาเยียวยาตัวเราด้วย เพราะคนที่เราให้คำปรึกษาเขาตอบกลับมาว่า "ผมจะไปขอโทษลูกน้อง"
6
14. เคยได้คุยกับคนทำงาน Call Center ที่ SCB อยากรู้ว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องเป็นหนังหน้าไฟทุกวัน เขาตอบว่า "พี่ครับ วันนึงผมรับสายประมาณ 70-90 สาย เดือนหนึ่งถ้าผมคิดว่ามีคนด่าผม 2,000 ครั้ง ผมจะไม่อยากมาทำงานเลย แต่พอคิดว่าจะมีอาชีพไหนที่จะมีโอกาสได้ช่วยคนเดือนละ 2,000 คน ความรู้สึกผมก็เปลี่ยนไปเลย"
12
15. ฮารุโกะ มิทสึ เป็นคนญี่ปุ่นที่ไปเติบโตเมืองจีนเลยพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ เมื่อกลับมาอยู่ญี่ปุ่น เลยเลือกทำงานที่ไม่ต้องพูดญี่ปุ่นมากนัก นั่นก็คือการเป็นพนักงานทำความสะอาดที่สนามบิน Haneda วันหนึ่งหัวหน้าส่งฮารุโกะไปประกวดทำความสะอาดระดับประเทศ ปรากฎว่าเธอได้ที่ 2 ฮารุโกะเสียใจมาก หัวหน้าเลยบอกว่า “ที่เธอแพ้เพราะเธอตั้งใจเกินไป พอตั้งใจมากเกิน เธอจะหลงลืมสิ่งหนึ่ง นั่นคือการสนใจลูกค้า ลืมที่จะมีรอยยิ้มให้คนที่ผ่านไปผ่านมา” พอปีต่อมาเธอเข้าประกวดอีกครั้ง และคราวนี้เธอได้ที่หนึ่ง
4
16. ก่อนทำความสะอาดคุณฮารุโกะจะจินตนาการว่ามีเด็กเล็กๆ เล่นอยู่ที่พื้นห้องน้ำ ถ้าเด็กคนนั้นเอามือโดนพื้นแล้วมาโดนปากจะทำยังไง ซึ่งเพิ่มความตั้งใจของเธอที่จะทำงานให้ดี เธอประดิษฐ์แปรงเล็กๆ ขึ้นมาเอง เพื่อจะได้ถูเข้าไปในซอกที่เล็กที่สุดแม้กระทั่งรูเครื่องเป่ามือ เพื่อจะให้มันแห้งจริงๆ แล้วจะได้ไม่มีกลิ่นอับ จะได้ไม่ต้องใช้น้ำยาที่กลิ่นแรง
5
17. เธอเชื่อว่าถ้าห้องน้ำสะอาด ลูกค้าจะเกรงใจเอง และเธอมักจะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปแอบในมุมห้องน้ำแล้วสังเกตสีหน้าเวลาลูกค้าเปิดประตูเข้ามา
3
18. ตอนนี้ฮารูโกะมีลูกน้อง 500 กว่าคน และสนามบิน Haneda ก็ได้รางวัลสนามบินที่สะอาดที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน
3
19. เราทำงานแบบไหนจะสะท้อนว่าเรามีเป้าหมายแบบไหน ถ้ามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เราจะใส่ใจเบอร์นี้
8
20. ใน Sunderland มีสะพานที่คนเดินไปฆ่าตัวตายเยอะมาก ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Page Hunter ซึ่งเป็นโรคซึมเศร้าตัดสินใจทำเรื่องเล็กๆ ด้วยการเขียนข้อความให้กำลังใจด้วยลายมือไปแขวนอยู่ตามสะพาน แขวนทุกวันจนทำให้อัตราการฆ่าตัวตายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
4
21. ไม่ต้องเป็นหัวใจ เป็นหัวไหล่ก็พอ - เวลาเพื่อนมาปรึกษา เราจะรู้สึกว่า ทำไมเขาโง่อย่างนี้ แล้วเราก็แนะนำไป แล้วเขาก็ไม่ทำ การที่เราพยายามจะให้เขาเป็นแบบที่เราอยากให้เป็น มันก็เป็นการตัดสินเขาเหมือนกัน
8
22. ผมเชื่อว่าถ้าเขามีสติ เขาจะมองเห็นทางออกเองได้ แต่ตอนนี้เขาเหมือนคนเอาหน้าชนกำแพง หน้าที่ของเราคือเป็นไหล่ให้เขา ไม่ต้องไปตัดสินอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้าเขามาหาเรา แสดงว่าเขาอยากแก้ปัญหา หน้าที่ของเราคือทำให้เขามองเห็นมุมอื่นๆ เมื่อรู้ตัวว่ามีความหมายเขาจะลุกขึ้นเดินได้เอง
5
23. ชายเชื้อสายอินเดียคนหนึ่งเคยไปสัมภาษณ์งานที่ Microsoft ก่อนจบการสัมภาษณ์เขาโดนถามว่า “ถ้าเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งเดินร้องไห้อยู่กลางถนน คุณจะทำอะไร?” เขาจึงตอบไปว่า "ผมจะโทรบอก 911 ครับ" สุดท้ายเขาได้งานที่นี่ แต่คนที่สัมภาษณ์เขามาบอกภายหลังว่า "สิ่งหนึ่งที่คุณต้องพัฒนาคือความเห็นอกเห็นใจคนอื่น เวลาเห็นเด็กร้องไห้ สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือเข้าไปกอดเขาให้หายร้องไห้ก่อน แล้วค่อยโทร 911" นี่คือบทเรียนที่ Satya Nadella, CEO Microsoft คนปัจจุบันจำไม่เคยลืม
6
24. เวลาเจอคนร้องไห้ เราจะรีบหาทางออกบางอย่าง ด้วยการเอาประสบการณ์ของเราไปทาบเขา แม้จะเริ่มต้นด้วยความตั้งใจที่ดี ถ้าเราบอกเขาว่าต้องทำอะไร มันอาจจะเป็นการดันเขาออกไปเช่นกัน เพราะเขาอาจจะคิดว่าไม่มีใครเข้าใจฉันเลย หรือเรื่องแค่นี้ทำไมฉันคิดเองไม่ได้
2
25. ปีที่แล้วผมได้รับมอบหมายให้เขียนหนังสือประวัติของอากงด้วยการไปสัมภาษณ์คนในครอบครัว แล้วก็ได้พบว่าความทรงจำแต่ละอย่างเกี่ยวกับอากงเป็นเรื่องเล็กๆ ทั้งนั้น น้องสาวของอากงบอกว่า "เฮียมักจะประดิษฐ์ของเล่นให้น้อง ซ่อมเสื้อผ้าให้" พ่อผมบอกว่า "เวลาไม่มีแอร์ เตี่ยจะขึ้นไปฉีดน้ำบนหลังคา" ลูกพี่ลูกน้องบอกว่า "น้องลิดาชอบไปเล่นกับอากง เล่นทำอาหาร ไปเสิร์ฟให้อากง แล้วอากงก็จะทำท่ากินแล้วอร่อยมาก"
4
26. ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์พี่เบิร์ด ธงไชย หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ พี่เบิร์ดบอกว่า ถ้าท้อฟฟี่มีความสุขอย่าลืมไปบอกพ่อแม่นะ ท่านจะได้รู้ว่าเรานึกถึงท่านเวลาเรามีความสุข แล้วพี่เบิร์ดก็ให้ผม video call หาคุณพ่อคุณแม่กัน ชมผมให้แม่ฟัง และร้องเพลงให้คุณพ่อฟัง
7
27. พี่เบิร์ดเชื่อว่าเราสามารถสร้าง "moment ดอกไม้บาน" ได้ แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ แต่ว่ามันจะยิ่งใหญ่อยู่ในใจได้ยาวนาน
6
28. เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ผมเป็นคนบ้าทำงานมาก ทำงานข้ามวันข้ามคืน กลัวว่าถ้าตัวเองไม่ประสบความสำเร็จพ่อแม่จะไม่ภูมิใจในตัวเรา - ศุกร์ 12 สิงหา 2554 ถ้าเป็นปีอื่นๆ จะกลับไปอยู่กับแม่ แต่ผมเลือกใช้วันนั้นทำงาน พอตื่นมาตอนเช้า รู้สึกเหมือนมีอะไรมากดทับหน้าอก เลยขับรถไปหาหมอ หมอตรวจแล้วแจ้งว่าหัวใจห้องหนึ่งของผมกำลังจะหยุดเต้น ต้องทำบอลลูนเดี๋ยวนี้
1
29. ผมโทรไปหาคุณพ่อซึ่งอยู่ต่างจังหวัดกับคุณแม่ที่เพชรบูรณ์ พ่อกับแม่เป็นหมออยู่แล้ว เลยยกโทรศัพท์ให้หมอได้คุยกันเองก่อน พอคุยเสร็จ พ่อก็ขอคุยกับผม แล้วบอกว่า "ลูกรัก ไม่ต้องกลัว เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกมีชีวิตอยู่" ผมคิดในใจว่าที่ผ่านมาเราบ้างานมากเลย และนี่คือคำพูดของคนที่เราละเลย
1
30. หลังจากทำบอลลูนเสร็จ พี่ชายซึ่งเรียนหมอก็เดินร้องไห้มาหา บอกผมว่าการผ่าตัดเมื่อกี้ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องผ่าตัดบายพาสทันที มีความเป็นไปได้สี่ทางคือ 1.รอดปลอดภัย 2.อัมพาต 3.อัมพฤกษ์ และ 4.เสียชีวิต
31. ก่อนผ่าตัด ได้โทรคุยกับแม่อีกครั้ง แม่บอกว่า "หนูไม่ต้องกลัว เมื่อลูกตื่นขึ้นมา ลูกจะเห็นป๊ากับแม่อยู่ข้างๆ" และภาพแรกที่ได้เห็นตอนตื่นมา คือแม่มาอยู่ข้างเตียงจริงๆ คอยป้อนน้ำป้อนข้าวให้
6
32. พี่ชายบอกว่า เส้นเลือดที่ทำได้บายพาสอยู่ได้ 30 ปี เสร็จแล้วอาจจะต้องมาผ่าตัดใหม่ เหตุการณ์นี้เกิดมาเกือบ 10 ปีแล้ว แสดงว่าผมยังเหลือเวลาอีกแค่ 20 ปีเท่านั้น พอเรารู้สึกว่าเรามีเวลาเหลือไม่มาก วิธีการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป
4
33. "เดี๋ยว" กับ "เดี๋ยวนี้" แค่ใส่ "นี้" เข้าไปมันจะเปลี่ยนวิธีคิดหมด เพราะเราจะมีเหลืออีกกี่เดี๋ยว ทุกเรื่องเล็กๆ จึงเป็นเรื่องใหญ่ ทุกเรื่องที่เราทำเป็นเรื่องสำคัญหมด ถ้ามีเวลาเหลือแค่ 20 ปี ก็อยากจะทำให้ 20 ปีนั้นโคตรดีที่สุดในชีวิต
7
34. Martin Luther King เคยกล่าวไว้ว่า "If you cannot do great things, do small things in a great way" คุณอยากทำอะไรเล็กๆ ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก น้อยนิด มหาศาลบ้าง
12
35. ถาม:เหตุการณ์หัวหน้าที่เคยบอกในที่ประชุมว่าเราจะเปลี่ยนงานเพราะเราทำไม่ได้ ถ้าเป็นคุณท้อฟฟี่ตอนนี้จะกลับไปบอกตัวเองในตอนนั้นยังไง?
ตอบ: ทุกอย่างเป็นครูของเราได้หมด เขาลงทุนมาเป็นตัวอย่างแย่ๆ ให้เราแล้ว เราจึงควรขอบคุณเขา เพราะถ้าวันหนึ่งเราโตไปเป็นคนที่เราเคยเกลียด อันนั้นจะน่าเสียใจมาก เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ เราทำได้แค่ปัจจุบัน ทุกครั้งที่เราได้ช่วยใคร เรากำลังไปหยุดคนที่กำลังจะกลายเป็น bad boss ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ดีต่อหัวใจมากกว่าการคิดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
11
36. ถาม: อะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำบ้าง
ตอบ: อยากเปิดคอร์ส storytelling โดยจะลองทำ pilot เพื่อเก็บฟีดแบ็คก่อน
1
37. ส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจออกจาก Ogilvy เพราะรู้สึกว่าชีวิต secure มากขึ้น ผมคิดว่าเราต้องมีนามสกุลเป็นของตัวเอง อย่าไปพึ่งนามสกุลที่เป็นชื่อบริษัท เพราะคนเขาอาจจะคิดว่าเราเก่งเพียงเพราะเราอยู่บริษัทนี้รึเปล่า
1
38. ในหนึ่งปีเราควรมีหนึ่งโปรเจคที่เราไม่เคยทำมาก่อนเลย ผมเคยไปเรียนมวยไทย ซึ่งไม่เข้ากันเลยกับตัวเอง ทั้งเจ็บ ทั้งร้อน แล้วก็ได้พบว่าแค่เปลี่ยนสนามเราก็ไม่ใช่ที่หนึ่งแล้ว มันทำให้เรารู้ว่ายังมีคนเก่งกว่าเราอีกเยอะ มันทำให้เราไม่กร่าง มันทำให้เรารู้จักชื่นชมคนอื่น
6
โฆษณา