19 พ.ย. 2020 เวลา 06:27 • ประวัติศาสตร์
ชาตินิยมในประวัติศาสตร์จีนและญี่ปุ่น
1
ประเทศจีนและญี่ปุ่น เป็นประเทศในเอเชียที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน และมีความเป็นชาตินิยมสูง
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็ต้องพบเจอกับการขยายอำนาจจากตะวันตกและความเปลี่ยนแปลงของโลก กับการเมืองภายใน ทำให้ความเป็นชาตินิยมสั่นคลอน
เราลองมาดูเรื่องราวชาตินิยมของทั้งสองชาตินี้กันดีกว่าครับ
เริ่มที่จีนกันก่อน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ชาติตะวันตกหลายชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเนเธอแลนด์ ได้เข้ามาในจีน โดยต้องการจะทำการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับจีน ซึ่งจีนก็มีสินค้าที่ล้ำค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม เครื่องถ้วยชาม และชา
6
หากแต่จีนก็อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาได้แค่บริเวณท่าเรือที่กวางตุ้ง แต่ชาติตะวันตกก็ต้องการจะเข้าไปยังส่วนอื่นด้วย
บริเวณที่การค้ากับตะวันตกถูกจำกัดที่กวางโจว
ต่อมา ในสมัยศตวรรษที่ 19 จีนได้พ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นทั้งสองครั้ง สร้างความอับอาย และต้องยอมเปิดให้ต่างชาติเข้ามาแผ่อิทธิพลในจีน
1
ความอับอายนี้สร้างความโกรธแค้นให้ชาวจีน และเริ่มจะโทษองค์จักรพรรดิ และเรียกร้องให้ขับไล่ต่างชาติออกจากจีน รวมทั้งราชวงศ์ชิงเองด้วย เนื่องจากราชวงศ์ชิงที่ปกครองจีน ก็ไม่ใช่คนจีนแท้ หากแต่คือชาวแมนจู
ความไม่พอใจนี้ นำไปสู่การเกิด “กบฏไท่ผิง (Taiping Rebellion)”
กบฏไท่ผิง (Taiping Rebellion)
ผู้นำกบฏไท่ผิง ได้แสดงเจตนาว่าต้องการจะขับไล่และล้มล้างราชวงศ์ชิง เนื่องจากราชวงศ์ชิงนั้นล้มเหลวในการพาจีนสู่ชัยชนะในสงครามฝิ่น
กบฏไท่ผิงนั้นจบลงด้วยความล้มเหลว หากแต่ก็ทำให้รัฐบาลของราชวงศ์ชิงอ่อนแอลง
ภายหลังความล้มเหลวของกบฏไท่ผิง ความรู้สึกต่อต้านต่างชาติก็ยิ่งเพิ่มขึ้นในหมู่ชาวจีน
2
ในเวลานั้น มิชชันนารีตะวันตกก็เริ่มออกไปตามชนบท เผยแพร่ศาสนาคริสต์ ทำให้ชาวจีนจำนวนหนึ่งเริ่มละทิ้งศาสนาของตนและเข้ารีตในศาสนาคริสต์ รัฐบาลของราชวงศ์ชิงก็ขูดรีดภาษี เพื่อนำมาจ่ายเป็นค่าปรับแก่อังกฤษในคราวสงครามฝิ่น
สงครามฝิ่น
ระหว่างค.ศ.1894-1895 (พ.ศ.2437-2438) ชาวจีนก็ต้องสูญเสียความภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของชาติตนอีกครั้ง เนื่องจากญี่ปุ่น ซึ่งเคยเป็นรองจีนมาตลอด สามารถเอาชนะจีนได้ในคราว “สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War)”
ผลของสงคราม ทำให้ญี่ปุ่นเข้าควบคุมเกาหลี
ตอนนี้ จีนไม่เพียงแค่อับอายในความพ่ายแพ้ต่ออำนาจตะวันตกเท่านั้น แต่ยังต้องอับอายที่ต้องแพ้ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศในภูมิภาคเดียวกัน และญี่ปุ่น ยังเรียกเงินค่าปฏิกรรมสงคราม อีกทั้งยังเข้าควบคุมแมนจูเรียอีกด้วย
1
สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War)
เมื่อเป็นอย่างนี้ ชาวจีนจึงลุกฮือขึ้นต้านมหาอำนาจตะวันตก โดย “กบฏนักมวย (Boxer Rebellion)” เริ่มต้นจากการต้านชาวยุโรปและราชวงศ์ชิง ก่อนที่จะจับมือกับรัฐบาล ร่วมมือกันต้านตะวันตก
หากแต่อังกฤษ อิตาลี เยอรมนี ออสเตรีย รัสเซีย ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกัน ปราบปรามกบฏนักมวยและกองทัพราชวงศ์ชิง ทำให้องค์จักรพรรดิต้องลี้ภัยออกจากปักกิ่ง และถึงแม้องค์จักรพรรดิจะยังครองอำนาจ หากแต่ราชวงศ์ก็ใกล้ถึงคราวสิ้นสุด
1
กบฏนักมวย (Boxer Rebellion)
ราชวงศ์ชิงได้สิ้นสุดลงในปีค.ศ.1911 (พ.ศ.2454) และ “ซุนยัตเซ็น (Sun Yat-Sen)” ผู้ริเริ่มจีนชาตินิยมคนสำคัญ ก็ได้ขึ้นมาครองอำนาจ
1
หากแต่รัฐบาลใหม่ก็อยู่ได้ไม่นาน ภายหลัง ก็ได้เกิดสงครามกลางเมืองที่ยาวนานระหว่างชาตินิยมและคอมมิวนิสต์ ซึ่งจบลงในปีค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) เมื่อ “เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong)” และพรรคคอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะ
1
ซุนยัตเซ็น (Sun Yat-Sen)
เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong)
ทางด้านญี่ปุ่น เป็นเวลากว่า 250 ปีที่ญี่ปุ่นอยู่อย่างสงบใต้การปกครองของรัฐบาลเอโดะ
ในยุคหลัง ซามูไรซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญ ก็ถูกลดบทบาท เป็นขุนนางธรรมดา เนื่องจากไม่มีการศึกสงครามมากนัก
ชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในญี่ปุ่น ก็คือชาวจีนและพ่อค้าชาวดัทช์เพียงไม่กี่รายเท่านั้น ซึ่งชาวต่างชาติเหล่านี้ก็ถูกจำกัดให้อยู่เพียงบริเวณอ่าวนางาซากิ
ญี่ปุ่นสมัยศตวรรษที่ 17
แต่ในปีค.ศ.1853 (พ.ศ.2396) ความสงบสุขในญี่ปุ่นก็เริ่มสั่นคลอน เมื่อกองเรือของสหรัฐอเมริกา ได้ล่วงเข้ามาในน่านน้ำเอโดะ อ้างว่าจะเติมเชื้อเพลิงเรือ
ภายหลัง ญี่ปุ่นต้องยอมต่ออำนาจตะวันตก ต้องอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ ต้องยอมเซ็นสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม มอบสิทธิต่างๆ ในดินแดนญี่ปุ่นให้
ภาวะการณ์นี้ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความรู้สึกต่อต้านต่างชาติและเป็นชนวนที่นำไปสู่ความล่มสลายของรัฐบาล
ชาวต่างชาติในญี่ปุ่น สมัยศตวรรษที่ 19
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารประเทศก็ถือโอกาสนี้ในการปฏิรูปประเทศ พัฒนาด้านต่างๆ ให้เจริญก้าวหน้า
1
ญี่ปุ่นเห็นบทเรียนจากจีนในคราวสงครามฝิ่นแล้ว จึงจัดการยกเครื่องรัฐบาลและระบบทางสังคม โดยการปฏิรูปสู่ยุคสมัยใหม่นี้ มีการโฟกัสที่องค์จักรพรรดิและราชวงศ์ ซึ่งปกครองญี่ปุ่นมานานกว่า 2,500 ปี หากแต่ก็เป็นเพียงหุ่นเชิด แต่อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือโชกุน
4
ค.ศ.1868 (พ.ศ.2411) รัฐบาลเอโดะได้ล่มสลาย รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ยกเลิกระบอบฟิวดัล ซามูไรและไดเมียวล้วนแต่กลายเป็นคนสามัญ มีการปฏิรูปกองทัพ และให้การศึกษาพื้นฐานแก่ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง อีกทั้งยังส่งเสริมอุตสาหกรรม
1
แต่ถึงแม้จะพัฒนาไปมาก แต่ญี่ปุ่นก็ยังปลูกฝังความเป็นชาตินิยม โดยญี่ปุ่นไม่ยอมก้มหัวให้ยุโรป และพยายามพิสูจน์ว่าชาติตนเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ญี่ปุ่นทำสำเร็จ สามารถถีบตัวเองขึ้นมายิ่งใหญ่และเอาชนะจีนได้ และจนถึงทุกวันนี้ ญี่ปุ่นก็ยังประสบความสำเร็จในหลายๆ ด้านและเป็นชาติชั้นนำชาติหนึ่งในโลก
1
โฆษณา