2 ธ.ค. 2020 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# การสร้าง Honda Motors Company ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เพราะไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ผ่านการทำงานและอุปสรรคที่แสนหนักหน่วง อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
การเปลี่ยนแปลง
อาจกล่าวได้ว่าความพยายามของ Soichiro Honda ในการสร้าง Honda Motors Company ที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้นเกิดขึ้นได้จากความอดทนทั้งสิ้น
โซอิจิโร่ มีพ่อที่เป็นช่างตีเหล็กและแม่เป็นช่างทอผ้า ซึ่งตัวเขาเองก็มีความหลงใหลในเรื่องของเครื่องจักรมา ตั้งแต่เด็ก เขาจึงเป็นเด็กที่มักจะวิ่งไล่ตามรถที่ขับผ่านไปมาหน้าบ้านอยู่เสมอ โดย โซอิจิโร่ เล่าว่า “กลิ่นน้ำมันเป็นสิ่งที่เขาลืมไม่ลง เพราะมันเป็นกลิ่นของความตื่นเต้นที่ไม่อาจจินตนาการได้”
เขาเติบโตขึ้น ในขณะที่พ่อของเขาหันมาเปิดร้านซ่อมจักรยาน จึงทำให้ โซอิจิโร่ เริ่มสนใจชิ้นส่วนประกอบและเทคโนโลยีต่าง ๆ มากขึ้น โดยเขาเริ่มต้นฝึกจากการซ่อมจักรยานของเขาเอง
ความชอบสู่ความรัก
ซึ่งความทุ่มเทด้านเทคโนโลยีของเขานั้นมากขึ้น หลังจากที่ประเทศได้รับอิทธิพล และกำลังเปลี่ยนเป็นยุคอุตสาหกรรมอย่างกะทันหัน
และแม้ว่า ในช่วงเวลานั้น โซอิจิโร่ ฮอนด้า จะเติบโตขึ้นมาด้วยความงงงวยกับการพัฒนาของโลก แต่นั้นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาค้นพบตัวเอง และเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น
จนกระทั่ง โซอิจิโร่ อายุได้ 16 ปี ความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักร ความชำนาญในการซ้อมแซม และการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเขาก็เพิ่มมากขึ้นจนน่าแปลกใจ
การพัฒนา
และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาคิดว่าการไปโรงเรียนนั้นคงไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเขาได้อีก เขาจึงลาออก และตัดสินใจไปศึกษางานจากร้านต่าง ๆ รวมไปถึงการฝึกงานที่บริษัท Art Shokai ด้วย
โซอิจิโร่ ทำงานเป็นเด็กฝึกงานในแผนก ช่างซ่อมแซมและบำรุงรักษา ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก สำหรับ โซอิจิโร่ มาก
เพราะตำแหน่งเด็กฝึกงาน นั้นไม่ได้รับค่าจ้างรายเดือนดังเช่นพนักงานประจำ อีกทั้งยังมีแค่เตียงนอน 1 ที่ และต้องทานอาหารที่ทางบริษัทจัดหาให้ทานเท่านั้น
ขีดจำกัด
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ไม่ได้ขัดขวางความปรารถนาที่จะเรียนรู้ของเขา เขาศึกษารถแต่ละคันอย่างใกล้ชิด เขาตามดูแล และสามารถคิดค้นวิธีที่ ที่จะทำให้ขั้นตอนการซ่อมแซมที่ซับซ้อนนั้นง่ายขึ้น
หลังจากนั้น โซอิจิโร่ ก็พัฒนาทักษะในด้านการประดิษฐ์ มากขึ้น เขาใช้เครื่องมือและชิ้นส่วนยานยนต์ ที่เหลือใช้มาลองประดิษฐ์และวิเคราะห์เพื่อสร้างเป็นสิ่งใหม่อยู่เสมอ
และเขาก็มักใช้เวลาว่างในการอ่านนิตยสาร เกี่ยวกับการขี่จักรยานยนต์ และจดจำคำอธิบายโดยละเอียดแต่ละข้อที่เขาได้อ่านไป เขายังติดตามการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับนานาชาติอย่างใกล้ชิด จึงทำให้ไม่นานหลังจากเริ่มฝึกงาน ความรู้ความเข้าใจในศาสตร์ยานยนต์ของเขานั้นจึงพัฒนาได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ก้าวข้ามข้อจำกัด
กระทั่งความพยายามของ โซอิจิโร่ ก็ได้พิสูจน์จนทำให้ ผู้บริหารของ Art Shokai สังเกตเห็นถึงความสามารถของเขา และนับจากนั้นมา ผู้บริหาร ก็เริ่มสอน โซอิจิโร่ ทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับการค้า และเครื่องจักร แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะพูดเกี่ยวกับธุรกิจเสียมากกว่า
นอกจากนี้ โซอิจิโร่ ยังถือเป็นบุคลากรที่มีค่ามากเนื่องจาก บริษัท ใช้ความสามารถของ โซอิจิโร่ ในการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ และผลิตอะไหล่ที่มีคุณภาพ จากวัสดุที่ไม่ได้รับมาตรฐาน เพื่อนำใช้ในการผลิตรถยนต์
หลังจากนั้นไม่นาน ความสามารถของ โซอิจิโร่ ก็เพิ่มสูงมากขึ้น จนเป็นที่ยอมรับ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันที่ Art Shokai เข้าร่วมการแข่งรถ จึงทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “วิศวกรร่วม”
ความสำเร็จแรกเริ่ม
และนับจากนั้นไม่กี่ปีต่อมา โซอิจิโร่ ในวัย 22 ปี ก็ได้รับความไว้วางใจในการบริหารสาขาใหม่ของ Art Shokai ที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่ไกลจากบ้านของเขามากนัก เขาจึงกลายเป็นเด็กวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นช่างเครื่องที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุดในภูมิภาค
ซึ่งการบริหารสาขาของ โซอิจิโร่ ก็ได้สิ้นสุดลง หลังจากที่เขาตั้งใจจะขยายกิจการของ บริษัท เข้าสู่อุตสาหกรรม โดยเขาต้องการผลิตแหวนลูกสูบเพื่อส่งออก แต่ด้วยเหตุที่ฝ่ายบริหารไม่เห็นประโยชน์ในการร่วมทุนครั้งนี้ จึงทำให้ความคิดนี้ของเขาต้องสิ้นสุดลง
และเพื่อไล่ตามความฝัน โซอิจิโร่ จึงลาออกจาก Art Shokai และเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเอง เพื่อผลิตแหวนลูกสูบ แต่เนื่องจากความซับซ้อนของวัสดุ โซอิจิโร่ จึงต้องกลับไปเรียนอีกครั้ง เพื่อสร้างความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับโลหะมากยิ่งขึ้น
เรียนรู้
หลังจากเรียนและทดลองสร้างแหวนลูกสูบ ที่ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบมากมาย จนในที่สุดเขาก็สามารถผลิตแหวนลูกสูบที่มีคุณภาพดีได้สำเร็จ โซอิจิโร่ จึงเริ่มจัดหา บริษัท ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ของญี่ปุ่น รวมไปถึง โตโยต้า ให้มาเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจนี้ของเขาด้วย
จนกระทั่งสงครามสงบ เขาก็ถูกลดตำแหน่งจากประธานบริษัทเป็นเพียงผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเท่านั้น อีกทั้ง พนักงานชายส่วนใหญ่ของเขา ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารกันหมด
จึงทำให้ โซอิจิโร่ ต้องทำการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ผู้หญิงเข้าใจและปฏิบัติงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
โครงสร้างใหม่
บริษัท ของเขาจึงทำงานได้อย่างราบรื่น จนกระทั่งอาคาร ที่ใช้สำหรับเก็บแหวนลูกสูบและเครื่องจักรทั้งหมดถูกทำลาย ในระหว่างการโจมตีทิ้งระเบิดโดยเครื่องบินรบของอเมริกา
จึงทำให้ โซอิจิโร่ สูญเสียเงินลงทุนไปเกือบทั้งหมด เขาจึงต้องกอบกู้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกมาหลังสงครามสงบลง และขายให้ บริษัท ใหญ่ ๆ ในญี่ปุ่น เพื่อนำเงินมาตั้งต้นใหม่อีกครั้ง
แม้ว่าในช่วงนั้น ประเทศของเขากำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่ความรักในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ โซอิจิโร่ ก็ไม่เคยถูกทำลายไปเลย โซอิจิโร่ สร้างอาคารขึ้นใหม่จากซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นจากสงคราม และเริ่มกระบวนการผลิตยานยนต์ที่สามารถใช้งานได้จริงภายใต้ชื่อ บริษัท Honda Motor นับแต่นั้นมา
เข้าสู่โลกธุรกิจ
โซอิจิโร่ ไล่ตามความฝันของตัวเอง จนเมื่อรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคันแรก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีลักษณะคล้ายกับจักรยาน ก็ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1948
ซึ่งหลังจากการพัฒนาและปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มเติม ประสิทธิภาพในการใช้งาน และการตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนก็เพิ่มมากขึ้น และหลังจากนั้นไม่นานผลงานชิ้นนี้ของ โซอิจิโร่ ก็ยังชนะการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับนานาชาติอีกด้วย
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น สายการผลิตยานยนต์ของ Honda ก็ยังคงไม่ได้รับการยอมรับ มากเท่ากับรถจักรยานยนต์ของเขา มากไปกว่านั้น กรมการค้าก็ยังกีดกัน โซอิจิโร่ ไม่ให้เข้าสู่การผลิตรถยนต์
การขัดขว้าง
เพื่อจำกัดไม่ให้ บริษัท สตาร์ทอัพรายอื่น เข้ามาเบียดตลาด แต่ถึงกระนั้น โซอิจิโร่ ก็ยังคงสร้างต้นแบบของเขาต่อไป และสร้างแบบจำลองขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพและความทนทานที่เหมาะสมกับการใช้งาน
จนเมื่อวันเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เขาก็ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการผลิตได้อีกครั้ง จึงทำให้ Honda Motor กลับสู่ตลาดได้อีกครั้ง
โซอิจิโร่ กล่าวว่า “ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเกิดความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ซึ่งการเดินทางสู่เส้นทางนั้นของเขานั้น ก็แสนจะยาวนานและยากลำบากชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการทดลอง และความท้าทายที่ถาโถมเข้ามามากมายและตลอดเวลา
1
In a short time, the company became the largest motorcycle-selling firm. Photo By car from Japan
หลายครั้งที่เขาล้มลงและหลายครั้งเขาก็ลุกขึ้นยืนขึ้นมาใหม่ได้ เพื่อทำสิ่งที่เขารักต่อไป แม้บางครั้งความล้มเหลวนั้นจะทำให้เขาไม่สามารถไล่ตามความฝันได้
แต่ความล้มเหลวนั้นก็เป็นตัวกระตุ้นให้เขาหาทางก้าวผ่านและเรียนรู้มากขึ้นเช่นกัน
เขาใช้ความรักที่มีต่อรถยนต์ ความรู้ และทักษะในการไล่ตามความฝัน แม้จะมีอุปสรรคเขาก็ต่อสู้ด้วยเหตุผลเพื่อบรรลุความฝันนั้น
Reasons Why People Love Soichiro Honda success story photo by car from Japan
ปัจจุบัน บริษัท Honda Motor ผลิตรถจักรยานยนต์รถยนต์ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องจักรทั้งสำหรับใช้ทางนำ้และอากาศ โซอิจิโร่ ผู้ซึ่งมีความคิดสร้างสรรค์และมอบสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงทำให้ บริษัทของเขานั้น แตกต่าง
นอกจากนี้การสร้างเครื่องจักรและการศึกษาเพื่อหาวิธีที่ที่จะทำให้ดีขึ้น รวมไปถึงความอดทนในการทำงานแต่ละอย่างให้สำเร็จ เป็นสิ่งที่จำเป็น และถือเป็นหลักคุณธรรมที่เขาได้ถ่ายทอดให้กับคนรุ่นต่อไปของเขาอีกด้วย
1
จนกระทั่งในปี 1991 Soichiro Honda ที่ได้รับผลตอบแทนจากการทำงานหนักและความขยันหมั่นเพียรของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 84 ปี
ดังที่ Soichiro Honda กล่าวไว้ว่า “สิ่งที่คุณเห็นคือความสำเร็จ เพียง 1% ของชีวิตผม แต่สิ่งที่คุณไม่เห็นอีก 99% คือความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับผม”
1
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา