Football Maverick
ซูเปอร์มาริโอ เกรียนให้โลกจำ แสบจนไร้สังกัด
โดย Ploy Honisz
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวเล็กๆ ของนักฟุตบอลอีโก้ใหญ่คับฟ้าอย่าง มาริโอ บาโลเตลลี ซึ่งขณะนี้อยู่ในวัย 30 ปี ว่าจะย้ายมาเล่นให้กับบาร์นสลีย์ ทีมที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพของอังกฤษ ทั้งนี้ชีวิตของ “เกรียนโอ้” ที่แฟนบอลบ้านเราตั้งฉายาให้กำลังอยู่ในช่วงขาลง กลายเป็นนักบอลไร้สังกัด เพราะเพิ่งถูกเบรสชา ทีมในเซเรีย บี ของอิตาลี ยกเลิกสัญญา เนื่องจากเจ้าตัวไม่มาซ้อม
ปลาหมอตายเพราะปากฉันใด บาโลเตลลีก็อาจจะจบอนาคตเพราะพฤติกรรมของตัวเองฉันนั้น ไมกาห์ ริชาร์ดส์ แสดงทัศนะเรื่องการย้ายมาเล่นที่บาร์นสลีย์ของอดีตเพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไว้ว่า “สิ่งแรกที่ผมคิดตอนที่ผมเห็นข่าวว่า มาริโอ บาโลเตลลี จะย้ายมาเล่นที่บาร์นสลีย์ คือ มันอยู่ใกล้บ้านผมมากเลยนะ ผมไม่อยากให้เขามาที่บ้านผมและจุดพลุในห้องครัวของผม เหมือนตอนเราเล่นที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ในขณะเดียวกันริชาร์ดส์ก็พูดถึงดาวเตะอิตาลีว่า “เขาไม่ใช่คนปัญญาอ่อนนะ เขาฉลาด และบ่อยครั้งที่ผู้คนลืมไปว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมด้วย”
ชีวิตวัยเยาว์ของเด็กชายบาโลเตลลีไม่ได้สวยหรูนัก ตอนแรกเกิดเขาชื่อ มาริโอ บาร์วูอา อยู่ในครอบครัวผู้อพยพชาวกานาในปาเลอร์โม พออายุ 3 ขวบ เขาถูกอุปการะโดยครอบครัวบาโลเตลลี จนอายุ 18 ปีก็ได้สัญชาติอิตาลี และเขาก็ปฏิญาณตนว่า “ผมเป็นชาวอิตาลี ผมรู้สึกแบบคนอิตาเลียน และผมจะเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีไปตลอด”
วัย 30 ปีเป็นช่วงอายุที่นักฟุตบอลหลายคนอยู่ในจุดสูงสุด ในทางตรงข้าม บาโลเตลลีกลับกลายเป็นนักบอลไร้สังกัด และพยายามรีสตาร์ตอาชีพค้าแข้งอีกครั้ง โลกรู้จัก “ซูเปอร์มาริโอ” ครั้งแรกตอนที่เจ้าตัวย้ายจากลูเมซซาเน ทีมเล็กๆ ในแดนมักกะโรนีมาร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน โดยต้องวงเล็บว่าก่อนหน้านั้นเขาไปทดสอบฝีเท้าที่บาร์เซโลนาแต่ไม่ผ่านการคัดเลือก แต่เป็น โรแบร์โต มันชินี กุนซืออินเตอร์ฯ ที่เห็นแวว และให้โอกาสเขาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ โดยลงเล่นเกมแรกในฐานะตัวสำรองเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2007 ในเกมที่อินเตอร์ มิลาน เอาชนะกายารี 2-0 ประตู อนาคตดูจะแจ่มใสสำหรับดาวเตะวัยรุ่นภายใต้การดูแลของมันชินี
แต่แล้วในซีซั่นถัดมา โรแบร์โต มันชินี ย้ายไปคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาลที่ 2 ของบาโลเตลลีกับอินเตอร์ มิลานเริ่มเกิดปัญหา ทีมดังจากมิลานแต่งตั้ง โฮเซ มูรินโญ มาทำหน้าที่นายใหญ่แทน ความขัดแย้งระหว่างเดอะสเปเชียล วัน และบาโลเตลลี เริ่มเป็นที่รับรู้ของสาธารณชนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยนายใหญ่ชาวโปรตุเกสออกมาตำหนินักเตะในสังกัดว่าไม่ใส่ใจฝึกซ้อม “เท่าที่ผมรู้นะ คนหนุ่มอย่างเขาไม่ควรปล่อยให้ตัวเองซ้อมน้อยกว่าฟิโก้, คาร์โดบา และซาเนตติ”
ด้วยความที่เป็นนักบอลผิวดำ บาโลเตลลีตกเป็นเป้าถูกเหยียดผิวอยู่ตลอดเวลาแทบทุกเกมที่ลงเล่นในอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนบอลยูเวนตุส ที่ร้องเพลงเหยียดสีผิวจนทีมถูกแบนหลายครั้ง ความบาดหมางระหว่างมูรินโญกับบาโลเตลลีลุกลามใหญ่โต เลยเถิดไปถึงเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ต้องออกโรงเตือน รวมถึงตัวแทนของเขาเองก็ออกมาวิจารณ์ แต่ที่ทำให้บาโลเตลลีไม่มีที่ยืนในอินเตอร์ มิลาน ก็คือ ระหว่างที่ไปออกรายการทีวี Striscia la notizia บาโลเตลลีใส่เสื้อของเอซี มิลาน คู่อริทางตรงของต้นสังกัด
ไม่เท่านั้นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศกับบาร์เซโลนา บาโลเตลลีถอดเสื้อเขวี้ยงลงพื้นหลังหมดเวลาการแข่งขัน เพื่อตอบโต้แฟนบอลที่โห่ใส่เขาทั้งเกม ทำให้แฟนทีมอินเตอร์ มิลาน ไม่พอใจอย่างมากถึงขนาดจะเข้าไปทำร้ายดาวเตะอิตาลี ท่ามกลางปัญหาพฤติกรรมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ก็ยังมีทีมใหญ่จากเกาะอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สนใจจะดึงบาโลเตลลีมาร่วมทีม
แล้วก็เป็น โรแบร์โต มันชินี ที่คว้าซูเปอร์มาริโอมาร่วมงานกันรอบสองที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2010 และดูเหมือนว่านายใหญ่ชาวอิตาลีจะเป็นคนเดียวที่เอาเกรียนโอ้อยู่หมัด “ปัญหาคืออายุของเขา เขาสามารถก่อความผิดพลาดได้ เขาคือมาริโอ เขาบ้าบอ แต่ผมก็รักเขา เพราะเขาเป็นคนดี” มันชินีเอ่ย ฟอร์มของบาโลเตลลีในซีซั่นแรกกับเรือใบสีฟ้าไปได้สวย ถึงขนาดคว้ารางวัล Golden Boy Award มาครอง ซึ่งหนึ่งในอดีตผู้ชนะรางวัลนี้คือ ลิโอเนล เมสซี ที่บาโลเตลลีบอกว่ามีดีกว่าเขาแค่นิดเดียว
และเช่นเคยที่พฤติกรรมทั้งในและนอกสนามส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมันชินี การถูกใบแดงบ่อยครั้ง แย่งเพื่อนร่วมทีมยิงฟรีคิก หรือพฤติกรรมนอกสนามมากมาย จนมันชินีประกาศว่าจะขายบาโลเตลลีออกจากทีม และในเดือนมกราคมปี 2013 เจ้าของเสื้อเบอร์ 45 ก็เดินทางกลับไปค้าแข้งที่มิลาน ประเทศอิตาลีอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนมาใส่ชุดแดงดำของเอซี มิลานแทน ซึ่งเพียงนัดแรกที่ลงสนามก็ทำสองประตูช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะอูดิเนเซไปได้ 2-1 โดยในช่วงที่เหลือของซีซั่นนั้นบาโลเตลลีก็ทำประตูได้ต่อเนื่อง
ฤดูกาล 2014-15 บาโลเตลลีกลับมาค้าแข้งที่อังกฤษอีกครั้ง คราวนี้กับลิเวอร์พูล เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนของ หลุยส์ ซัวเรส แต่แค่ฤดูกาลเดียวหงส์แดงก็ปล่อยให้เอซี มิลานยืมตัว สุดท้ายในปี 2016 เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่คนใหม่ของลิเวอร์พูลในตอนนั้นแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า มาริโอ บาโลเตลลี ไม่มีอนาคตที่ลิเวอร์พูลแล้ว ดาวเตะฝรั่งเศสจึงต้องพเนจรอีกครั้งโดยไปเล่นให้กับนีซ ในลีกเอิงของฝรั่งเศสในฤดูกาล 2016-17 ด้วยสัญญาแบบปีต่อปี เขาอยู่ที่นั่นจนถึงปี 2019 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ทีมโอลิมปิก มาร์กเซย ครึ่งฤดูกาล และต่อด้วยเบรสชา จนถูกทีมจากอิตาลียกเลิกสัญญาหลังจบฤดูกาล 2019-2020 และเป็นนักฟุตบอลไร้สังกัดถึงตอนนี้ โดยเจ้าของทีมเบรสชาออกมาบอกว่า “เขาไม่ยอมมาซ้อม เขาไม่ทุ่มเทให้กับอนาคตของสโมสร”
ปาทริค วิเอรา อดีตนักบอลฮาร์ดแมนของอาร์เซนอล และนายใหญ่ของนีซ ช่วงที่บาโลเตลลีค้าแข้งอยู่กับทีมในลีกเอิงบอกว่า “เมื่อเป็นเรื่องของมาริโอ ผมอยากตอบโต้เขากลับ หรือไม่ก็ผลักเขาไปติดกำแพง หรือไม่ก็จับเขาแขวนกับราวตากผ้า แต่ผมทำไม่ได้ เพราะผมไม่ใช่ผู้เล่นอีกแล้ว” เช่นกันกับ โรแบร์โต มันชินี ที่บอกว่าเขารักบาโลเตลลี แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว
ชายที่ โฮเซ มูรินโญ ถึงขนาดออกมายอมรับว่าจัดการไม่ได้ นักบอลที่ใส่เสื้อ Why always me? หลังจากยิงประตูในเกมดาร์บี้แมตช์ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6-1 ประตู ดาวเตะที่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายภาพตัวเองทำท่าฉลองตอนยิงประตูได้ ไม่ว่าจะฟอร์มดีหรือฟอร์มแย่ ทุกจังหวะชีวิตของมาริโอ บาโลเตลลี เป็นที่ถูกพูดถึงอยู่ตลอดเวลา
ถ้าวันนี้เจ้าตัวต้องเลิกเล่นฟุตบอลเพราะไม่มีสังกัด โลกทั้งใบจะจดจำในพฤติกรรมแสบๆ ของซูเปอร์มาริโอมากกว่าชายที่อุทิศประตูในทีมชาติอิตาลีให้กับมารดาที่เลี้ยงดูเขามา นักบอลที่เปิดบอลให้ เซร์คิโอ อเกวโร ยิงประตูชัยในนาทีที่ 94 พาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1968 และโลกก็คงเลือกไม่จำเด็กหนุ่มลูกผู้อพยพที่ไม่มีต้นทุนชีวิตจนกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก และต้องทนทุกข์กับการถูกเหยียดสีผิวในทุกๆ นาทีที่วิ่งในสนามฟุตบอล
แล้วคุณล่ะ เลือกจำ มาริโอ บาโลเตลลี ในแบบไหน
#บาโลเตลลี #มาริโอบาโลเตลลี #เกรียน #ผลฟุตบอล #ผลบอล #ฟุตบอล #Football #Soccer #PlayNowThailand #KhelNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
