27 พ.ย. 2020 เวลา 12:30 • นิยาย เรื่องสั้น
Cantaloupe Lovers
เรื่องราวน่ารัก ของคนรักแคนตาลูป
EP.1 Hidden Track (ความรักที่ซ่อนไว้)
รับแคนตาลูปหวานกรอบสักถุงไหมครับ?
30 เมษายน 2563
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก่อนเที่ยงในทุกวัน ตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ ผมต้องพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงงานผลิตรองเท้าแห่งนี้จนได้
ตอนนี้เวลา 11:50 น. อีกสิบนาที ทุกอย่างต้องพร้อม และดีที่สุด
ว่าแต่ “แคนตาลูป” ล่ะ?
อ้าว!!! ลืมไปเพิ่งขายถุงสุดท้ายให้ไอ้เด็กแว๊นซ์คนเมื่อกี้ไปนี่นา!!!
แต่ไม่เป็นไร ดีที่ว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะรอบคอบ ตรงด้านล่างของรถเข็น ยังมีแคนตาลูปสำรองเก็บไว้อีกหนึ่งลูก
เย็นไว้ทิด เย็นไว้ ค่อย ๆ ปอกเปลือก ผ่าแบ่ง หั่นเป็นชิ้น ๆ เอาแบบพิถีพิถันเลยก็ได้ อีกตั้งสิบนาที ยังไงก็ทัน
เห็นไหม เสร็จละ สุดพิเศษเลยนะ แน่นมาก เรียกว่ากะไม่ให้แคนตาลูปในถุงได้หายใจหายคอกันเลยทีเดียว
ต้องซ่อนเอาไว้ก่อน!!!
ยิ่งเวลา 12:00 น. ใกล้เข้ามาเท่าไหร่ ยิ่งตื่นเต้นแฮะ
9
8
7
6
5
4
3
2
1
0
สิ้นสุดการนับเลขถอยหลัง สายตาของผมก็จับจ้องอยู่ที่ประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ ที่ค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยพี่ รปภ. หน้าเปื้อนหนวดคนเดิมคนนั้น
หนุ่มสาวโรงงานในชุดสีน้ำเงินมากมายทยอยกันเดินกรูออกมา คนแล้วคนเล่า
อีกคน อีกคน แล้วก็อีกคน จนกระทั่งบางตา
แต่ก็ไม่เจอเธอแม้เงา...
อ้าว!!! ซะงั้น!!!
วันนี้เพิ่งวันพฤหัสฯ เองไม่ใช่เหรอ ต้องทำงานอีกสองวันนี่ วันเสาร์โน่นเธอถึงจะหยุด
เพราะอะไร ทำไมเธอถึงไม่มา?
“พี่คะ พี่ ขอแคนตาลูป กับแตงโม อย่างละถุงค่ะ” ที่ปลุกผมจากอาการเหม่อลอยคือผู้หญิงผมหยิกหยองที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ครับ ๆ ได้ ๆ” ผมพูดพลางหยิบแตงโมใส่ถุงหิ้ว
“แป๊ปนึงนะครับ แคนตาลูปเดี๋ยวผมหั่นให้ใหม่” ผมวางแคนตาลูปสองซีกจากตู้ลงบนเขียงพลาสติกสีขาว พลางหยิบมีดขึ้นมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำอย่างคล่องแคล่ว
“เอาถุงนั้นก็ได้นี่พี่” สาวร่างบางชี้ไปยังตู้กระจกตรงหน้าที่อัดแน่นไปด้วยผลไม้
ตาดีชะมัดอุตส่าห์ซ่อนเอาไว้ ยังจะเห็นอีก!!!
“อ๋อ ‘โทษทีครับถุงนี้มีคนจองแล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าเป็นทำนองว่าเข้าใจ ส่วนผมรีบใส่แคนตาลูปที่บรรจุเสร็จเพิ่มเข้าไปในถุงหิ้ว แล้วยื่นให้กับเธอพร้อมรับเงิน
ยัง ยัง ยังไม่มาอีก...
เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตสีน้ำเงินใหม่เอี่ยมที่ใส่มาวันนี้ บอกตามตรงว่าเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย
หรือว่าจะฟาวล์
วันนี้เธอไม่มาทำงานเหรอ?
จากที่สังเกตดูเหมือนเธอจะเป็นพนักงานใหม่ของโรงงานนี้นะ ซึ่งถ้าเดาไม่ผิด น่าจะทำในส่วนของออฟฟิศ เพราะเธอแต่งตัวด้วยชุดฟอร์มที่แตกต่างจากสาว ๆ ในไลน์ผลิตคนอื่น
ผมเห็นเธอครั้งแรกราว ๆ สองเดือนก่อน ยืนยันได้เลยว่าเธอมาทำงานทุกวันไม่เคยขาด แล้วก็ไม่มีวันไหนที่ออกมาช้าขนาดนี้ด้วย
แต่วันนี้ดูแปลก ๆ ทำไมกันนะ มันเกิดอะไรขึ้น?
“พี่คะ พี่” เสียงหวาน ๆ ที่คุ้นเคยปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์
1
มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย...
ผมหมายถึงหญิงสาวหน้าหมวยผมยาว รูปร่างกระทัดรัดในชุดฟอร์มสีน้ำเงินคาดเทาที่ยืนอยู่ตรงหน้าน่ะ
ใช่แล้ว คนนี้ล่ะครับ คนที่ผมรออยู่...
“แคนตาลูปถุงนึงค่ะพี่” เป็นอีกครั้งที่เธอจบประโยคด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคย
ผมนึกโกรธไอ้โควิดอะไรนี่อยู่เหมือนกัน พูดแล้วเศร้าที่ได้เห็นหน้าเธอแค่ครึ่งเดียวมาเป็นเดือนแล้ว ก็เพราะอีกครึ่งถูกปิดด้วยหน้ากากอนามัยสีเขียวอ่อนนี่ยังไงล่ะ ทุกวันนี้สังเกตว่ายิ้มไม่ยิ้มก็อีตอนเธอทำตาหยีนี่แหละ
อยากจะบอกว่าถ้าคุณได้มาเห็นเหมือนผมจะรู้เลยว่า ที่เค้าเรียกว่า “สวยทะลุหน้ากาก” น่ะมันเป็นยังไง
“คะ คะ ครับ ดะ ดะ ด้ายยย....” ไม่ว่าจะกี่วันเธอก็กินแต่แคนตาลูปไม่เคยเปลี่ยน และผมเองก็ตื่นเต้นพูดจาตะกุกตะกักแบบนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ทะลักทุเลพอสมควรแต่สุดท้ายผมก็นำแคนตาลูปถุงพิเศษที่ซ่อนไว้ ออกมายื่นให้เธอที่อยู่ตรงหน้าจนได้
“ยะ ยะ ยี่สิบบบ ห้าบาทครับ” ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะไม่ประหม่า แต่สุดท้ายผมก็ไม่วายปากคอ มือไม้สั่นเหมือนที่เคยเป็นอีกจนได้ แต่เหมือนเธอเองก็ชินกับอาการนี้ประมาณนี้ของผมอยู่พอสมควร เพราะนอกจากจะไม่ว่าหรือแซวอะไรเพิ่มเติมแล้ว หลังจากส่งเงิน และรับของไป ก็จะแถมยิ้มหวาน ๆ ภายใต้หน้ากากนั้นมาให้กับผมทุกครั้ง
วันนี้ก็คงเหมือนเดิม ที่ซื้อเสร็จ ยิ้ม แล้วก็เดินหายเข้าไปในประตูเหล็กบานใหญ่บานนั้น
ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะบอกความรู้สึกที่มีต่อเธอ ทบทวนมาก็หลายรอบ ไอ้เจียมตัวน่ะมันก็เจียมอยู่ รูปชั่วตัวดำเข็นรถขายผลไม้อย่างผมเนี่ยนะ ริอ่านจะเด็ดดอกฟ้า เธอก็แค่คนอัธยาศัยดีคนหนึ่ง แต่ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้อง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะยอมแลกทุกอย่าง ขอแค่ได้บอกความในใจที่ซ่อนไว้ให้เธอรู้ ซึ่งผลลัพธ์จะออกมายังไง บอกได้คำเดียวว่า แล้วแต่เวรแต่กรรม
1
แต่ในความเป็นจริงก็คือ ผมกำลังปล่อยให้เธอเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ อีกครั้ง
ต้องทำอะไรสักอย่าง
เอาหน่อยสิว่ะไอ้ทิด!!!
ผมพูดใจในพลางรัดผ้าขาวม้าผืนใหม่ที่คาดตรงเอวแน่น!!!
“คุณครับคุณ”
ไชโย!!! ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าสำเร็จ!!!
ดีใจจัง พูดไม่ติดอ่างแล้วโว้ย!!!
เธอหยุด จากนั้นค่อย ๆ หันกลับมามองผม แล้วทำหน้างง ๆ เหมือนจะถามว่าเรียกทำไม?
“อะ อะ เอ่อออ คือว่า” เอาอีกแล้ว!!! จู่ ๆ หัวมันก็ตื้อ คิดอะไรไม่ออกซะงั้น ทำไงดีวะเนี่ย!!!
1
และแล้วความเงียบก็เข้ามาเยือน
ซวยแล้ว!!!
“เอ่อ พี่ เสียดายจัง ตั้งแต่พรุ่งนี้หนูคงไม่ได้กินแคนตาลูปอร่อย ๆ ของพี่แล้วล่ะ...” เธอเอ่ยทำลายความเงียบเมื่อเห็นผมเอาแต่อ้ำอึ้ง แต่ถ้าเลือกได้ ยังไงก็ช่าง ความเงียบก็ดีกว่าข่าวร้ายที่ได้ฟังอยู่นี่อะนะ
ว่าแต่เพราะอะไรกัน?
“Work From Home น่ะพี่” เธอพูดต่อเมื่อเห็นผมทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก
“ทำงานจากบ้านไงพี่ เพราะโควิดนี่ล่ะ งานที่หนูทำมันไม่จำเป็นต้องมาอยู่ประจำที่โรงงาน ลดค่าใช้จ่ายอ่ะ ทำงานที่บ้านส่งมาก็ได้” เธอร่ายยาว พยายามอธิบายให้สมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของผม
“อะ ๆ เอ่อ... ละ ๆ แล้ว...” ผมพูดได้แค่นี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา
“แอน”
“แอน หัวหน้าให้มาตามอ่ะ เห็นว่าจะให้แก้งานอะไรเนี่ยแหละ” สาวร่างอ้วนในชุดฟอร์มแบบเดียวกันกับเธอแจ้ง
“อุตส่าห์พักช้าแก้ให้เมื่อกี้ ยังไม่จบอีกเหรอ อืมมม ‘เค จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบเธอก็พยักหน้าให้เพื่อนแว่นหนาเตอะคนนั้น
“งั้นหนูไปก่อนนะพี่ โควิดซาเจอกันนะ บ้ายบาย” ภาพสุดท้ายคือ เธอยิ้มตาหยี โบกมือลา แล้วก็เดินจากไป
เกลียดโควิดชะมัดเลยให้ตายเถอะ!!!
แล้วคำว่าซานี่มันถึงเมื่อไหร่กันนะ?
“แอน”
เอาว่ะ ไม่เป็นไร
อย่างน้อยก็ได้รู้จักชื่อล่ะ
เขาว่าแคนตาลูปที่เชียงใหม่อร่อยมาก รอแอนกลับมาค่อยสั่งมาให้ชิมละกัน
****************************************************
Hidden Track (ความรักที่ซ่อนไว้)
****************************************************
EP.2 อย่าทำอย่างนี้กับฉันเลย
ขอแคนตาลูปหวานกรอบสักถุงค่ะ
30 เมษายน 2563
“ประโยชน์สำหรับสาวออฟฟิศที่น่าสนใจคือ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอย ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา”
"และอีกประโยชน์ที่สำคัญของแคนตาลูปก็คือ ฟื้นฟูการทำงานของสมอง โพแทสเซียมในแคนตาลูปช่วยให้การลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงสมองทำได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความจำดี มีสมาธิในการทำงาน สมองปลอดโปร่ง และยังบรรเทาความเครียดได้ดีอีกด้วย"
“ว้าววว!!!”
เท่าที่อ่านดู เอาจริง ๆ นะ แคนตาลูปเนี่ย ประโยชน์ยาวเป็นหางว่าวเลยแฮะ
จะว่าไปเป็นเพราะแคนตาลูปหรือเปล่านะ?
ดูเหมือนฉันจะทำใจเรื่อง ‘ท็อป’ ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วล่ะ
มองดูเวลาในมือถือ ใกล้จะเที่ยงแล้ว งั้นเรามาเตรียมตัวนับถอยหลังกันได้เล้ย!!!
9
8
7
6
5
4
3
2
1
0
เย้!!!
Cantaloupe Time !!!
"รีบ ๆ หน่อยค่าพี่สมัย" ฉันแทบอยากจะตะโกนบอกรปภ. หนุ่มใหญ่หน้าเปื้อนหนวดที่ยืนอยู่ที่ประตูไปอย่างนั้น
และตอนนี้ประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าได้เปิดขึ้นแล้ว
"แอน"
"แอน ยัยแอนนน!!!"
เสียงที่คุ้นเคยเรียกรัว ๆ รั้งไว้ไม่ให้ฉันเดินตามกลุ่มคนในชุดสีน้ำเงินไปอย่างน่าเสียดาย
ว่าจะอารมณ์ดีให้สวย ๆ แต่ก็อดที่จะทำหน้ามุ่ยไม่ได้!!!
ยัยเพื่อนตุ้ยนุ้ยตัวแสบ!!!
“ว่าไงจุ๊กจิ๊ก?” ฉันหันควับไปหายัยแว่นตาหนาเตอะ ที่กำลังหายใจหอบตัวโยน เด้งขึ้นลงเป็นลูกบาสฯ อยู่ตรงหน้า ไม่บอกก็รู้ว่าวิ่งมาชัวร์ ว่าแต่จะรีบอะไรกันนักหนานะ
“พี่เฟิร์สเรียก” เพื่อนจ้ำม้ำบอกเหตุผลที่ฉันยังเดินออกไปหน้าโรงงานไม่ได้ให้รู้
“ตอนนี้เนี่ยนะ เค้าไม่คิดว่าชั้นต้องกินข้าวกินปลาบ้างเลยหรือไงเนี่ยจุ๊กจิ๊ก” ฉันเท้าสะเอวบ่นอย่างมีอารมณ์นิดหน่อย แต่พอพูดจบประโยค ก็เดินกลับเข้าไปในออฟฟิศแต่โดยดี
‘พี่เฟิร์ส’ ที่จุ๊กจิ๊กบอกคือหัวหน้านักออกแบบ พ่อ
รูปหล่อสุดเนี้ยบ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉันอยู่ในตอนนี้น่ะนะ
“มานี่เลยแอน” เขาพูดพลางเดินนำไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง โดยมีฉันเดินตามไปติด ๆ
“พี่ว่าเราควรเพิ่มลวดลายตรงนี้อีกหน่อยนะ แล้วโลโก้นี่อีก ขยายอีกนิดนะ จะได้เด่น ๆ ไง ว่ามะ” พี่เฟิร์สพูดพลางชี้โน่นชี้นี่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา ซึ่งฉันก็พยักหน้าว่าเข้าใจในทุกจุดที่เขาต้องการให้แก้ไข
“ได้ค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะพี่เฟิร์ส เดี๋ยวช่วงบ่ายหนูกลับมาทำให้นะ” ฉันรีบโค้งให้เมื่อพูดจบ
จะเดินไปถึงประตูห้องอยู่แล้วเชียว แต่ก็ต้องหันกลับมาเพราะประโยค ๆ นี้ของเขา
“พี่ขอตอนนี้เลยได้ไหมแอน แล้วก็ใช้คอมฯ พี่นี่แหละ พี่จะได้ช่วยดูให้....” เขาพยักหน้าเรียก แล้วยิ้มกว้าง ยืนยันในสิ่งที่ต้องการ
“นะแอน” เขาย้ำ และแม้จะเบื่อหน่าย แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป แม้จะแก้งานเสร็จไปแล้ว แต่ผู้ชายที่กำลังนั่งข้าง ๆ อยู่ในตอนนี้ ก็ยังจ้องหน้าฉันชนิดตาไม่กระพริบ
“ตามนี้ โอเคแล้วใช่ไหมคะ พี่เฟิร์ส?”
“พี่เฟิร์ส” ฉันพยายามเรียกสติให้เขากลับมาจดจ่ออยู่กับงาน เขาทำหน้าเหรอหรานิดหน่อยก่อนจะบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงรีบลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะปลีกตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ไปกินข้าวกับพี่ไหม? พอดีพี่ไปเจอร้านอร่อย ๆ น่ะ”
อีกครั้งที่ต้องฉันต้องชะงักอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“หนูมีนัดที่หน้าโรงงานค่ะพี่เฟิร์ส ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันหันไปบอกเขาอย่างนั้นแล้วรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันปฏิเสธการสานสัมพันธ์จากพี่เฟิร์ส
หน้าตาดี การศึกษาดี หน้าที่การงานดี แต่เจ้าชู้ จีบคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่บอกได้เลย ฉันไม่มีทางคิดผิดเหมือนตอนคบกันกับท็อปอีกแน่นอน
สองเดือนที่ตัดขาดจากท็อป ฉันย้ายมาทำงานที่นี่เพื่อลืมเขา และหวังให้บรรยากาศใหม่ ๆ พาฉันคนเดิมกลับมาอีกครั้ง
ตอนนี้ทุกอย่างกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ ฉันไม่อยากกลับไปในวังวนเดิม ๆ อีกแล้ว มันทรมาน...
ไม่เอาน่าอย่าคิดมาก!!!
“แคนตาลูปจ๋าพี่มาแล้ว!!!”
“พี่คะ พี่” เหมือนพี่เขากำลังเหม่อ บาปไหมเนี่ยที่ไปทำให้เขาตกใจ แม้มองผ่านแมสฉันก็มั่นใจว่าเขากำลังทำหน้าเหวออยู่แน่ ๆ ‘โทษทีนะจ๊ะพี่จ๋า
ฉันกำลังหมายถึงผู้ชายผิวเข้ม รูปร่างสันทัด เสื้อแขนยาวลายสก๊อตสีน้ำเงิน ที่ยืนอยู่ตรงรถเข็นขายผลไม้น่ะ
ก็พี่คนนี้ล่ะที่ฉันมาอุดหนุนแคนตาลูปเขาอยู่เป็นประจำ (ว่าแต่วันนี้เสื้อใหม่เอี่ยมเชียวนะเรา อิอิ)
“แคนตาลูปถุงนึงค่ะพี่” ฉันยิ้มให้เขาเมื่อจบประโยค ส่วนเขาก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน
“คะ คะ ครับ ดะ ดะ ด้ายยย...” จะว่าไปรู้สึกว่าพี่เขาจะพูดจาตะกุกตะกักแบบนี้ตลอดเลยนะ แต่ไม่เป็นไร ชินละ ไม่มีพิษไม่มีภัยดี
ฉันรับแคนตาลูปแน่น ๆ ถุงนั้นมา ไม่รู้คิดไปเองหรือปล่าว เคยเทียบปริมาณกับที่จุ๊กจิ๊กซื้อมาแล้วมันต่างกันเยอะอยู่นา
“ยะ ยะ ยี่สิบบบ ห้าบาทครับ” เสียงสั่นเชียว เป็นอะไรอะคุณพี่ ถ้าแซวนี่สงสัยแกจะไปไม่เป็นแน่ ๆ อย่าเลยละกัน แหะ ๆ
ไปดีกว่า
“คุณครับคุณ”
เสียงของพี่คนขายผลไม้ทำให้ฉันหันกลับไปมอง
ว่าแต่แกเรียกทำไมนะ?
“อะ อะ เอ่อออ คือว่า” แกพูดได้แค่นี้ก็เงียบไป เหมือนพยายามที่จะคิดอะไรอยู่
“เอ่อ พี่ เสียดายจัง ตั้งแต่พรุ่งนี้หนูคงไม่ได้กินแคนตาลูปอร่อย ๆ ของพี่แล้วล่ะ...” ฉันพยายามพูดทำลายความเงียบ
“Work From Home น่ะพี่” ฉันพูดต่อเมื่อเห็นเขาทำหน้าตางง ๆ
“ทำงานจากบ้านไงพี่ เพราะโควิดนี่ล่ะ งานที่หนูทำมันไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำที่โรงงาน ลดค่าใช้จ่ายอ่ะ ทำงานที่บ้านส่งมาก็ได้” ฉันร่ายยาว พยายามอธิบายให้สมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของเขา
“อะ ๆ เอ่อ... ละ ๆ แล้ว...” เขาพูดได้แค่นั้นก็มีเสียงคุ้นเคยแทรกขึ้น
“แอน”
“แอน หัวหน้าให้มาตามอ่ะ เห็นว่าจะให้แก้งานอะไรเนี่ยล่ะ” ยัยจุ๊กจิ๊กอีกแล้ว
“อุตส่าห์พักช้าแก้ให้เมื่อกี้ยังไม่จบอีกเหรอ อืม เค จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบฉันก็พยักหน้าให้เพื่อนแว่นหนาที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ
“งั้นหนูไปก่อนนะพี่ โควิดซาเจอกันนะ บ้ายบาย” ฉันหันไปบอกพี่คนขายผลไม้ โบกมือลา ก่อนจะเดินผ่านประตูโรงงานเข้าไปพร้อมกันกับจุ๊กจิ๊ก
“แอน เมื่อกี้แกคุยอะไรกับพี่จ่อยอะ ดูพี่แกเขินจัดเลยนะ” ยัยจุ๊กจิ๊กพูดจบก็เอาศอกหยอกที่สีข้างฉันเบา ๆ
“พี่จ่อย?” ฉันทวนชื่อที่ได้ยิน แล้วทำหน้างง ๆ
“อย่าบอกนะว่าซื้อแคนตาลูปเขาทุกวันยังไม่รู้จักชื่อเขาอีกอะ” จุ๊กจิ๊กพูดพลางส่ายหน้า
“อ๋อ พี่เค้าชื่อจ่อยเหรอ”
“ว่าแต่ลืมซะสนิทเลย เมื่อกี้แกกำลังจะพูดอะไรสักอย่างนี่แหละ เธอน่ะมาขัดซะก่อน” พูดได้แค่นั้นฉันก็ถูกยัยจุ๊กจิ๊กดึงแขนเต็มแรง
“ไปยัยแอน พี่เฟิร์สรออยู่ แก้งานไม่เสร็จกลับช้าอีกนะ แล้วพรุ่งนี้ก็ Work Form Home แล้วไม่ใช่เหรอ แกอะ รีบไปเหอะ”
“Work Form Home เหรอ จริงสิ!!!”
“จากข้อมูลแคนตาลูปที่เชียงใหม่นั้นขึ้นชื่อว่าอร่อยมาก เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ และเป็นแห่งแรกของประเทศไทย” ประโยคนี้แว่บเข้ามาในหัว
อืมมม ไหน ๆ ก็ Work Form Home แล้ว กลับบ้านไปกินเลยดีไหมนะ?
***********************************************
อย่าทำอย่างนี้กับฉันเลย
***********************************************
EP.3 Wedding Song (สิ่งดีดีที่หายไป)
มากินแคนตาลูปกัน
16 สิงหาคม 2563
“บีบจมูกสองข้าง แล้วกลืนน้ำลาย” จ่อยยังคงแก้หูอื้อตามคำแนะนำที่ได้รับเมื่อครู่ต่อไปโดยไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบข้างเลย
“คุณค่ะคุณ” สิ้นเสียงหวาน ๆ เรียกสติเท่านั้น ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ ลืมตาที่หลับปี๋อยู่นั้นขึ้นมามอง
“ถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะ” แอร์โฮสเตสสาวยิ้มสวยผ่านเฟสชีลด์ให้ชายหนุ่มท่าทางเลิ่กลั่กที่อยู่ตรงหน้า
จ่อยยิ้มรับแห้ง ๆ ให้คู่สนทนาผ่านแมสไปเช่นกัน ก่อนจะหันไปมองรอบตัวแล้วพบว่าเขาคือคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ภายในห้องโดยสารบนเครื่องบิน
แม้จะผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกกับประสบการณ์ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของเขาอยู่เหมือนกัน และจะว่าไปนี่ก็นับว่าเป็นการมาเยือนเมืองเหนือครั้งแรกของเขาอีกด้วย
ที่ชายหนุ่มกำลังยืนเกาหัวอยู่ในตอนนี้คือสนามบินเชียงใหม่ จ่อยแทบจะไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าตัวเขาจะมุทะลุดุดันมาได้ไกลถึงเพียงนี้ เหตุผลน่ะเหรอ เพราะผ่านมาหลายเดือน โควิดบ้านเราก็ซาแล้ว(มั้ง) แต่ทำไมใครบางคนยังไม่กลับมาจาก “Work Form Home” สักทีน่ะสิ
จากข้อมูลวงในบอกว่าแอนกลับมาอยู่บ้านที่เชียงใหม่ในช่วงโควิด ชายหนุ่มถือกระดาษแผ่นเล็กในมือแน่น เพราะมันคือที่อยู่ของคนที่เขาคิดถึงสุดหัวใจ เบาะแสสำคัญที่เขาใช้ตั๋วปีกินผลไม้ฟรีล่อซื้อมาจากจุ๊กจิ๊กได้เมื่อวานตอนเย็น
ชายหนุ่มนึกขันตัวเองอยู่เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าความคิดถึงที่เขามีต่อผู้หญิงคนหนึ่งจะทำให้เขาบ้าระห่ำได้ถึงเพียงนี้ เขาแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเชียงใหม่เลยด้วยซ้ำ ดีที่โชคชะตายังเข้าข้าง เพราะไปถามถูกคน เดินทางตามคำแนะนำของคนในพื้นที่ใจดีคนนั้นราว ๆ หนึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็พาตัวเองมาถึงจุดหมายปลายทางจนได้
ที่อยู่ตรงหน้าจ่อยคืออาคารใหญ่โตสีขาวทรงยุโรปประดับประดาด้วยไม้เลื้อยมากมาย ท่าทางร่มรื่นเย็นสบาย
“Prathana Cantaloupe Farm” ชายหนุ่มถึงกับครางชื่อป้ายในลำคอ เขาพยายามทวนที่อยู่อีกรอบเผื่อว่าจะมีอะไรผิดพลาด แต่สุดท้ายคำตอบก็ยังคงเหมือนเดิม
ว่าบ้านแอนคือฟาร์มแคนตาลูป!!!
“พี่ค่ะพี่ วันนี้ฟาร์มเรา เปิดให้บริการเฉพาะโซนแสดงสินค้านะคะ อีกด้านเรา...” เสียงหวาน ๆ ที่คุ้นเคยปลุกให้จ่อยตื่นจากภวังค์ และหันไปมองตาม
“อ้าว!!!” ชายหญิงสองคนอุทานเป็นเสียงเดียวกันด้วยคำพูดประมาณนี้
ที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคือหญิงสาวรูปร่างกระทัดรัดในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว เธอสวมกางเกงยีนส์ ท่าทางทะมัดทะแมง ผมยาว ขาว หมวย ที่คราวนี้สวยทะลุเฟสชีลด์กันเลยทีเดียว!!!
“น้องหมวย!!! เอ้ย!!! น้องแอน!!!” จ่อยพูดเสียงดังลั่น และแม้จะตั้งใจมาพบอยู่แล้ว แต่จู่ ๆ โผล่มาให้เจอจัง ๆ แบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ เขาเองก็แทบจะหัวใจหยุดเต้นไปเหมือนกัน
“พี่จ่อย!!! พี่จ่อยจริง ๆ ด้วย ว่าแล้วเชียว นี่สินะคนที่จะมาเซอร์ไพรส์ของยัยจุ๊กจิ๊กอะ บอกตรง ๆ ซะก็สิ้นเรื่อง หนูเดินมาดูหน้าฟาร์มหลายครั้งละเนี่ย” คนสวยพูดเป็นชุด แปลกใจไม่น้อยที่ชายหนุ่มขายผลไม้ลงทุนมาเยือนถึงเชียงใหม่ “ว่าแต่ไปไงมาไงล่ะพี่?”
แม้ใจแสนจะคิดถึง แต่จ่อยกลับเฉไฉว่าเขามาเพื่อชิมแคนตาลูปเชียงใหม่ที่ลือกันนักหนาว่าอร่อย ด้านแอนได้ยินดังนั้นก็ไม่ขัดศรัทธาที่จะพาชายหนุ่มเดินไปนั่งในคาเฟ่ของฟาร์มที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก
“อร่อยไหมพี่ แคนตาลูปฟาร์มหนู?” แอนถามชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้สีขาวตรงข้ามกับเธอ
จ่อยพยักหน้าตอบหลายครั้ง จะว่าไปที่ชายหนุ่มเคี้ยวแคนตาลูปแก้มตุ่ยไม่หยุดปากก็พอที่จะเป็นคำตอบได้อยู่นา
“ที่นี่เป็นฟาร์มของพ่อหนู พอพ่อกับแม่แยกทางกัน หนูก็ย้ายไปอยู่ที่ปทุมฯ กับแม่ ตั้งแต่เด็กเลย แล้วเหตุการณ์นั้นมันก็ทำให้หนูเกลียดแคนตาลูปไปเลยอะ เชื่อไหมกินอีกทีตอนที่จุ๊กจิ๊กซื้อจากพี่ไปให้ชิมนั่นแหละ มันทั้งคะยั้นคะยอแกมบังคับจนขัดไม่ได้ บอกแคนตาลูปบำบัด 555 ตอนนั้นมันคงเห็นหนูเศร้าหนักเรื่องท๊อปมั้ง อ่อ แฟนเก่าหนูอะ” แอนร่ายยาว
“จากนั้นหนูก็กินไม่หยุดเลย อุดหนุนทุกวัน ต้องขอบคุณแคนตาลูปร้านพี่เลยนะ ที่ทำให้หนูดีขึ้น แล้วนี่ก็พลอยทำให้หนูตัดสินใจกลับมาหาพ่อด้วย ปรับความเข้าใจกันยาวเลย 555 ประโยชน์เยอะจริง ๆ นะแคนตาลูปเนี่ย” แอนยิ้มกว้างเมื่อพูดจบ
“พี่จ่อยจุ๊กจิ๊กมันก็บอกหนูหมดแล้วล่ะ” แอนเข้าเรื่องทันทีเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามเอาแต่เงียบ
จ่อยแทบจะสำลักกับประโยคที่ได้ยิน เขาต้องรีบหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาจิบในทันที
“มะ... เมื่อกี้น้องแอนว่าไงนะครับ?” จ่อยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาเสียงสั่นตามฟอร์ม
“คือทุกเรื่องที่พี่จ่อยเล่าให้มันฟังอะ มันเล่าให้หนูฟังหมดเลยตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว” พูดจบแอนยิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังหน้าแดง ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มแคนตาลูปเข้าปากตัวเองบ้าง
“ถามจริง ๆ พี่ชอบหนูใช่ไหม?” แอนถามตรงเป้าหลังจากกลืนแคนตาลูปลงคอ
“คะ คะ คือออ... ผะ ๆ ผม...” ทั้งที่คิดว่าเตรียมตัวมาดีแล้ว ซ้อมพูดอยู่หน้ากระจกทุกวัน แต่พอเจอสาวเจ้าถามจี้ หนำซ้ำยังจ้องเขม็งอย่างนี้ อาการติดอ่างเจ้ากรรมก็มาเยือนอีกครั้งจนได้
“คุณแอนคะ คุณแอน มาอยู่ตรงนี้นี่เอง เห็นเฮียบ่นหาอยู่ว่าหายไปไหน ลูกค้าที่มาจัดงานแต่งงานเขาออกมาจากห้องรับรองแล้วนะ” ที่มาตีระฆังหมดยกช่วยชีวิตจ่อยไว้คือพนักงานของฟาร์มนั่นเอง
“โอยยย ลืมซะสนิทเลย ป่ะพี่จ่อยไปดูงานแต่งในสวนกัน อยากเห็นไหม?” หญิงสาวพยักหน้าให้คนที่มาตาม ทำนองว่ารับทราบ ก่อนจะเอ่ยปากชวนชายหนุ่มให้ลุกขึ้นเดินตามเธอไป
“ป่ะ ไปกัน ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่แต่งตัวกลมกลืนอยู่” หญิงสาวหมายถึงชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตสีแดงใส่เข้าในกางเกงเรียบแปล๊ สวมรองเท้าหนังมันแปล๊บ ที่ทำท่าลังเลอยู่ใกล้ ๆ
แอนรีบพาจ่อยเดินออกจากคาเฟ่ ตัดไปอีกฟากอย่างรวดเร็ว และไม่นานทั้งสองก็มาถึงบริเวณงาน
ภายในงานแต่งงานมีการใช้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านร่มเย็นมาจัดเป็น Backdrop เก๋ ๆ อีกทั้งมีการใช้ดอกไม้ เถาวัลย์ ตะเกียงแขวน และริบบิ้นมากมาย มาประดับประดาอย่างสวยงาม เรียกได้ว่าธีมธรรมชาติมาเต็มกันเลยทีเดียว
และที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองคือแขกเหรื่อที่ส่งเสียงเฮฮาสนุกสนาน ดูเหมือนพวกเขากำลังมุงดูอะไรบางอย่าง
“น้องแอนระวัง!!!” จ่อยตะโกนสุดเสียงเตือนหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเห็นบางอย่างกำลังลอยมาทางเธอ แต่ดูเหมือนแอนก็มือไวมากพอที่จะคว้ามันไว้ได้ก่อนที่จะพุ่งเข้าชนใบหน้าของตัวเอง
ลองมองดูดี ๆ มันคือ “ช่อดอกไม้เจ้าสาว” นั่นเอง
“ฮะ ๆ เต็มมือเลย....” หญิงสาวหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่ม ไม่กี่วินาทีจากนั้นเสียงปรบมือจากแขกเหรื่อภายในงานก็ดังลั่น
“ใช่ครับ ผมชอบน้องแอน” จะด้วยอะไรก็ช่าง แต่ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายจ่อยจะรวบรวมความกล้าพูดความในใจของเขาแข่งกับเสียงปรบมือไปซะงั้น!!!
เล่นเอาสาวเจ้าหน้าแดงไปเหมือนกัน เมื่อคำถามที่ถามเอาไว้เมื่อหลายนาทีก่อน จู่ ๆ ก็ถูกสารภาพออกมาจากปากชายหนุ่มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“พี่จ่อยสิ้นเดือนนี้หนูจะกลับไปที่โรงงานแล้วนะ เออออ... ถ้าชอบหนูจริงก็พิสูจน์ตัวเองละกัน หนูจะลองให้โอกาสพี่” แอนพูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนที่เสียงปรบมือนั้นซาไปแล้ว
จ่อยพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะยิ้มกว้างผ่านแมสให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง
END เลยดีไหม?
อยากให้จบหรือยังครับ?
หวาน กรอบ พอไหม?
ถ้ายัง
มีต่อ
อีกหน่อย
ครับผม
***********************************************
หนึ่งปีกับอีกหนึ่งวันผ่านไป
“ไม่ได้นะจุ๊กจิ๊ก เอามาเลย 30 บาท เร็วเร้ว ยัยบ้า!!! กินฟรีหนึ่งปีอะมันหมดเขตตั้งแต่เมื่อวานแล้วย่ะ” เสียงนี้ทำให้สาวร่างอ้วนในชุดฟอร์มสีน้ำเงินคาดเทาต้องหัวเราะกลบเกลื่อนดังลั่น ก่อนจะหยิบเงินจำนวนดังกล่าวยื่นให้ผู้หญิงชุดแบบเดียวกันที่ยืนอยู่ตรงร้านขายผลไม้เล็ก ๆ หน้าโรงงาน
“เขี้ยวจังเลยนะแอน รักษาผลประโยชน์แฟนดีเลิศ แล้วดูพี่จ่อยสิเอาแต่ยิ้ม ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ” จุ๊กจิ๊กชี้ไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสันทันที่ยืนยิ้มแป้นอยู่เคียงข้างเพื่อนสาว
“แล้วแคนตาลูปเชียงใหม่นี่มันก็ช่างหวานกรอบเหลือเกินนะ หว้านหวาน...” จุ๊กจิ๊กพูดพลางใช้ไม้จิ้มแคนตาลูปยั่วยวนเพื่อนสนิท
“ไม่ต้องมาแซวเลย รีบไปซะที พี่เฟิร์สแฟนเธอเค้ารอกินแคนตาลูปอยู่นา ถึงข้าวใหม่ปลามันก็เถอะระวังเค้าโมโหหิวนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือนเพื่อนฝูง” แอนแหย่เพื่อนสาวกลับ และดูเหมือนว่าเธอจะบ้าจี้รีบเดินจ้ำเข้าไปในโรงงานจริง ๆ
เห็นดังนั้นสองหนุ่มสาวคู่รักก็หันมายิ้มให้กันอย่างมีความสุข
(Happy) End(ing)
***********************************************
Funky Wah Wah / Wedding Song (สิ่งดีดีที่หายไป)
***********************************************
ช่อดอกไม้เจ้าสาว ในงานแต่งงานจะมีจังหวะที่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ให้หญิงสาวในงานมารับไป มีความเชื่อกันว่า ช่อดอกไม้จากเจ้าสาวนั้นเป็นช่อดอกไม้แห่งความโชคดี ที่จะทำให้ผู้ที่ได้รับไปมีโชคดีทางด้านความรัก และจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป
แคนตาลูป เป็นพืชล้มลุก มีลักษณะเป็นไม้เถา ตามเถา และก้านใบมีขนนิ่ม ใบเหลี่ยมมน ดอกสีเหลือง เกสรตัวผู้ และตัวเมียอยู่คนละดอก ผลกลมรี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 10-16 ซม. เปลือกนอกแข็ง เนื้อชุ่มน้ำ ผลดิบเนื้อกรอบ เมื่อสุกเนื้อนิ่ม หอมหวาน
สีของเนื้อ และเปลือกแคนตาลูปแตกต่างกันตามสายพันธุ์ บางพันธุ์มีผิวผลหยาบ มีเปลือกแข็ง มีร่องลึกรอบ ๆ ผล เปลือกมีลายคล้ายร่างแห หรือตาข่ายสีขาว แต่บางพันธุ์ก็ไม่มี
ส่วนเมลอนนั้นไม่ต่างจากแคนตาลูป เป็นพืชตระกูลเดียวกัน แต่ที่มาเรียกว่า เมลอน เพื่อสร้างความแตกต่างขึ้นโดยญี่ปุ่น มีสายพันธุ์คิโมจิ กับคูนามิ เนื้อในสีเขียว และพันธุ์โมมิจิ เนื้อสีส้มออกมาขายแข่งเท่านั้นเอง
***********************************************
เรื่องสั้นเรื่องนี้แต่งขึ้นเมื่อ 15 มิถุนายน, 21 มิถุนายน และ 18 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ตามลำดับ ซึ่งคราวนั้นได้ทยอยโพสต์รวมทั้งหมด 3 EP.
เผื่อบางคนยังไม่ได้อ่าน วันนี้ผมเลยขออำนวยความสะดวกโดยการนำมารวมกันเพื่อให้อ่านง่ายในโพสต์เดียวครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับผม
โฆษณา