นอกจากนี้ตลาดอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงยังเกิดการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆจากการเข้ามาของ AIS Fibre ของADVANC ทำให้สุดท้ายแล้ว JAS ได้เข้าไปร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง DTAC และทำการเชื่อมโปรโมชั่นอินเตอร์เน็ตบ้านให้เข้ากับมือถือ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่าของทั้งคู่ไปในเวลาเดียวกัน
2
แต่สุดท้ายแล้วในปีนี้ JAS ก็ค่อนข้างจะทำฟอร์มได้ไม่ค่อยน่าประทับใจ จากเหตุผลต่างๆที่เราได้กล่าวมา รวมไปถึงการเปลื่ยนมาใช้มาตรฐานบัญชีใหม่อย่าง TFRS16 เพราะลักษณะธุรกิจของ JAS นั้นมีค่าใช้จ่ายหลักๆเป็นค่าเช่า
แต่หากว่าเราจะหันมามอง JAS ในแง่ของพื้นฐานแล้วนั้นหุ้นตัวนี้ก็จะถือว่าไม่ได้แย่ เพราะกระแสเงินสดและอัตราการจ่ายปันผลของ JAS ก็จะยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้แผนการเติบโตก็ยังมีให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างอยู่บ้าง
โดยธุรกิจหลักๆที่น่าจะเข้ามาเป็นตัวช่วยในอนาคตก็คือการเริ่มทำโมเดลธุรกิจใหม่คือ SVOD ที่จะเป็นการเปิดให้ลูกค้า Subscribe ช่องแล้วฉายคอนเทนต์พรีเมี่ยมให้ดูคล้ายๆกับ Netflix ที่ทาง JAS ได้ไปร่วมทำกับ MONO
1
ซึ่งจุดแข็งของ MONO ก็คือการที่คือทางบริษัทได้ทำซื้อคอนเทนต์เพื่อมาลง Free TV อยู่แล้ว ส่งผลให้การบริหารจัดการและการเจรจากับผู้ผลิตคอนเทนต์น่าจะไม่ยุ่งยากและใช้ต้นทุนไม่สูงมาก หรือเรียกง่ายๆว่า MONO เป็นผู้ที่รู้How to ในการทำธุรกิจคอนเทนต์ดีอยู่แล้ว
และถึงแม้ว่าผลประกอบการรวมของ JAS จะขาดทุน แต่ด้วยความที่ผู้บริหารมีลีลาแพรวพราวในการใช้เครื่องมือการเงิน JAS กลับยังสามารถ “จ่ายปันผล” ได้จาก”กำไรสะสม” ในงบการเงินเฉพาะกิจการที่ยังเป็นบวกอยู่