3 ธ.ค. 2020 เวลา 08:16 • การเมือง
BREAKING !! : สหรัฐฯ สั่งแบนการนำเข้าฝ้ายจากบริษัทใน Xinjiang ซึ่งเป็นแหล่งผลิตฝ้ายทั้งหมดถึง 80% ของประเทศจีน โดยข้อกล่าวหาเรื่องการค้าแรงงานทาส
ฝ่ายบริหารของทรัมป์สั่งห้ามนำเข้าฝ้ายจากบริษัทจีนที่พวกเขากล่าวว่าเชื่อมโยงกับกองทัพและมีการใช้แรงงานทาส ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่สหรัฐฯ พยายามเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อจีน
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (The U.S. Department of Homeland Security : DHS) กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ท่าเรือของอเมริกาจะระงับการขนส่งฝ้ายและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับฝ้ายที่มีต้นกำเนิดจาก Xinjiang ซึ่งเป็น 1 ในพื้นที่ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของจีน
ก่อนหน้านี้ องค์กรต่าง ๆ ซึ่งตั้งขึ้นโดยพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อกว่า 60 ปีที่แล้วเพื่อช่วยพัฒนาพื้นที่ทางตะวันตกของซินเจียง เคยถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรโดยห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมกับบริษัทและพลเมืองชาวอเมริกัน
Ken Cuccinelli รองรัฐมนตรีรักษาการของ DHS กล่าวว่า
“The human rights abuses taking place at the hand of the Chinese Communist government will not be tolerated by President Trump and the American people, U.S. businesses shouldn’t be allowed to profit from slave labor, ‘Made in China’ is not just a country of origin, it is a warning label.”
“การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในมือของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนจะไม่ได้รับการยอมรับจากประธานาธิบดีทรัมป์และประชาชนชาวอเมริกัน ธุรกิจในสหรัฐฯ ไม่ควรได้รับอนุญาตให้หากำไรจากแรงงานทาส คำว่า ‘ผลิตในจีน‘ ไม่ได้เป็นเพียงการบอกประเทศต้นกำเนิด แต่มันเป็นป้ายเตือน”
ฝ่ายบริหารของทรัมป์และนักวิจารณ์คนอื่น ๆ ได้กำหนดเป้าหมายไปที่ผ้าฝ้ายจากจีนซึ่งเป็นวัสดุที่มีสัดส่วนถึงประมาณ 1 ใน 3 ของเครื่องแต่งกายในสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อการกักขังชาวอุยกูร์จำนวนมาก ขณะที่การผลิตฝ้ายกว่า 80% ของจีนส่วนใหญ่มาจากบริษัท Xinjiang Production and Construction Corps (XPCC) ใน Xinjiang
นอกจากนี้ Sheng Lu รองศาสตราจารย์ภาควิชาแฟชั่นและเครื่องแต่งกายศึกษาจากมหาวิทยาลัย Delaware กล่าวว่าการกระทำของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกเสื้อผ้าจากผู้ผลิตรายอื่นในเอเชียเช่น บังกลาเทศ เวียดนาม และกัมพูชา หากมีฝ้ายที่นำเข้ามาจากจีน เนื่องจากฝ้ายที่ผลิตโดย XPCC นั้นถูกใช้โดยโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าทั่วประเทศจีนและส่งออกไปยังประเทศผู้ผลิตเครื่องแต่งกายอื่น ๆ
ในปี 2019 สหรัฐฯ นำเข้าผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้ายและเครื่องแต่งกายจากจีนมากถึง 11,000 ล้านดอลลาร์ แต่ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าศุลกากรสหรัฐฯ จะบังคับใช้คำสั่งอย่างไร เนื่องจากพวกเขาอาจจะกำหนดเป้าหมายการสั่งห้ามผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น และการกระทำดังกล่าวยังส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าข้อพิพาทเรื่องการบังคับใช้แรงงานใน Xinjiang จะยังไม่จบสิ้นและอาจมีการดำเนินการอื่น ๆ อีกในอนาคต
ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้คว่ำบาตรบริษัทของจีนและ Chen Quanguo ซึงเป็นหัวหน้าพรรค Xinjiang โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ของพวกเขากับรัฐบาลกลางของจีนที่กักขังชาวอุยกูร์ระหว่าง 1 หมื่นถึงกว่า 1 ล้านคนตามการประเมินขององค์การสหประชาชาติ ขณะที่รายงานในเดือนกันยายนของสถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย (Australian Strategic Policy Institute) ระบุว่าปัจจุบันจีนยังคงขยายสถานกักกันในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง (อ้างอิงจากภาพถ่ายทางดาวเทียม)
According to ASPI, these images show a “Tier 3” detention center in Ghulja, also known as Yining. Source: Maxar/Airbus via Google Earth
จีนได้ออกมาโต้แย้งโดยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็น “ศูนย์การศึกษาทางอาชีพ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อชำระล้างอุดมการณ์ทางความคิดที่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศ รวมถึงการก่อการร้ายและลัทธิสุดโต่ง
เจ้าหน้าที่ของจีนได้โต้แย้งเกี่ยวกับตัวเลขที่ UN คาดการณ์จำนวนประชากรในค่ายโดยที่ไม่ได้ให้ตัวเลขของตนเอง
สถานที่ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นหลังจากมีการโจมตีร้ายแรงซึ่งเกี่ยวข้องกับชาวอุยกูร์ในปี 2013 และ 2014 ซึ่งกระตุ้นให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่สามารถ “โจมตีก่อน” เพื่อต่อต้านลัทธิอิสลามหัวรุนแรง
แต่ถึงกระนั้น มาตรการล่าสุดของสหรัฐฯ ก็จบลงด้วยการแบนฝ้ายทั้งหมดจาก Xinjiang ขณะที่การตัดสินใจดำเนินการใด ๆ ต่อไปอาจอยู่ที่ Joe Biden ซึ่งเขาเองก็มีจุดยืนไม่ต่างกัน โดยกล่าวว่านโยบายของจีนเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ว่าเป็นการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" และเรียกร้องให้นานาชาติพยายามรวมตัวกันต่อต้านการกระทำดังกล่าว
1
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา