Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Play Now Thailand
•
ติดตาม
4 ธ.ค. 2020 เวลา 10:00 • กีฬา
ดูบอลเป็นเรื่อง
ย้อนรอยเอฟเอคัพในความทรงจำ
โดย พลวัตร บุญโสธรสถิตย์
1
ช่วงต้นเดือนธันวาคมมีการจับฉลากประกบคู่ฟุตบอลเอฟเอคัพรอบสาม โดยรอบนี้เหล่าทีมจากพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนชิพจะเริ่มเข้าร่วมแข่งขันตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมปีหน้า ทีมโปรดของใครเจอกับใครคงจะรู้กันแล้ว ถ้วยเอฟเอคัพนี้เคยเป็นถ้วยสำคัญสำหรับทุกสโมสรในอังกฤษแม้กระทั่งทีมใหญ่ๆ เพราะผู้ครองแชมป์ถือว่าเล่นทั้งทัวร์นาเมนต์โดยไม่แพ้ทีมคู่แข่งขันเลยสักนัดเดียว
พูดถึงบอลเอฟเอคัพ มีนัดชิงชนะเลิศที่ผมประทับใจหลายเกม แต่ที่ไม่เคยลืมเลยคือครั้งแรกที่ผมได้ดูการถ่ายทอดสดนัดชิงชนะเลิศรายการนี้ในปี 1979 เพราะเป็นเกมที่สนุกมากๆ และคู่แข่งยังเป็นทีมที่ผมเชียร์ทั้งสองทีมเข้ามาเจอกัน ระหว่างทีมปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ลงสนามในชุดเก่งสีแดง พบกับทีมปืนใหญ่อาร์เซนอลในชุดเยือนสีเหลือง ก่อนเขี่ยบอลเริ่มเกมวันนั้นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษเดินลงมาจับมือกับนักเตะทีละคนด้วย
ฝั่งอาร์เซนอลนำทีมโดยกัปตันทีม แพท ไรซ์, สุดยอดนายทวารขวัญใจผมตอนนั้น แพท เจนนิง, เดวิด โอเลียรี, เลียม เบรดี กองกลางอัจฉริยะ, อลัน ซันเดอร์แลนด์, แฟรงก์ สเตเปิลตัน (ที่ต่อมาย้ายไปร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด), ไบรอัน ทัลบอต ที่เพิ่งได้แชมป์เอฟเอคัพกับอิปสวิชปีก่อนหน้านี้, เกรแฮม ริกซ์ ปีกซ้ายตัวจี๊ด ส่วนทีมปีศาจแดงนำทีมโดย มาร์ติน บัคคัน กัปตันทีม ตามมาด้วยผู้รักษาประตู แกรี ไบลีย์, จิมมี นิโคล, อาเธอร์ อัลบิสตัน, แซมมี แมคอิลรอย, กอร์ดอน แม็คควีน, สตีฟ ค็อปเปลล์ (นักเตะหมายเลข 7 ขวัญใจของผมอีกคน), จิมมี กรีนฮอฟฟ์ ที่ย้ายมาจากลีดส์ ยูไนเต็ด และศูนย์หน้า โจ จอร์แดน
รูปเกมค่อนข้างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับ จนกระทั่ง เดวิด ไพรซ์ หลุดไปด้านข้างปาดบอลเข้าด้านในให้ ไบรอัน ทัลบอต วิ่งมาจิ้มเข้าประตูไป ทำให้อาร์เซนอลนำหนึ่งประตูต่อศูนย์ ลูกที่ 2 ของเจ้าปืนใหญ่เกิดจาก เลียม เบรดี ที่ลากเลื้อยผ่านนักเตะของแมนยูไนเต็ดแล้วโยนไปให้ แฟรงก์ สเตเปิลตัน โหม่งโล่งๆ คนเดียว เกมดำเนินไปจนกระทั่งครึ่งหลังเหลืออีกแค่ 5 นาทีจะหมดเวลา ปีศาจแดงก็มาได้สองลูกจาก กอร์ดอน แม็คควีน ที่ใช้เท้าซ้ายแปลูกบอลที่ โจ จอร์แดน ส่งมาเข้าประตูไป และ แซมมี แมคอิลรอย ที่ล็อกหลบกองหลังทีมปืนใหญ่สองคนก่อนยิงลอดตัว แพท เจนนิง เข้าในนาทีที่ 86 และ 88 ตามลำดับ ทว่าหลังจากเขี่ยลูกได้ไม่นาน เลียม เบรดี ก็ลากทะลุมาตรงกลางก่อนส่งให้ แกรแฮม ริกซ์ ที่วิ่งมาทางด้านซ้ายโยนข้ามหัว แกรี ไบลีย์ ให้ อลัน ซันเดอร์แลนด์ ชาร์จบอลเข้าประตูไปทำให้อาร์เซนอลชนะไป 3:2 ครองแชมป์เอฟเอคัพของปีนั้น
หลังจากได้ดูถ่ายทอดสดนัดนั้นผมก็หลงใหลฟุตบอลเอฟเอคัพมาโดยตลอด เพราะเป็นถ้วยที่ถือว่าเก่าแก่ ทุกสโมสรให้ความสำคัญกับการแข่งขันอย่างจริงจัง
นัดชิงชนะเลิศอีกนัดที่ยังอยู่ในความทรงจำของผมคือปี 1990 ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชิงกับคริสตัล พาเลซ ทีมของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังไม่เคยได้แชมป์อะไรเลยตั้งแต่มาคุมทีมแทน รอน แอตกินสัน แถมปีนั้นปีศาจแดงจบอันดับ 13 ในตารางดิวิชัน 1 ทำให้แชมป์เอฟเอคัพปีนั้นสำคัญกับตำแหน่งของท่านเซอร์มาก นัดนี้ ไบรอัน ร็อบสัน กัปตันมาร์เวลนำทัพปีศาจแดง ในขณะที่ผู้จัดการทีมของปราสาทเรือนแก้วคือ สตีฟ ค็อปเปลล์ อดีตนักเตะชื่อดังของแมนฯ ยูไนเต็ด
1
คริสตัล พาเลซ ขึ้นนำไปก่อนจาก แกรี โอเลียรี ที่เบียดโหม่งเหนือกว่า แกรี พัลลิสเตอร์ ส่งลูกบอลข้ามหัว จิม เลย์ตัน เข้าสู่ก้นตาข่ายไป อีกไม่นานเป็น ไบรอัน ร็อบสัน ที่โหม่งทำประตูตีเสมอจากลูกโยนของ ไบรอัน แมคแคลร์ ศูนย์หน้าชาวสกอตแลนด์ ต่อมา มาร์ก ฮิวจ์ หวดเท้าซ้ายเต็มข้อเข้าประตูไปให้ปีศาจแดงขึ้นนำในช่วงครึ่งทางของครึ่งหลัง และเป็น เอียน ไรท์ ที่หลุดมาเดี่ยวๆ ล็อกจนพัลลิสเตอร์หลงทางหลังแทบหักก่อนยิงตีเสมอให้คริสตัล พาเลซ ในอีก 10 นาทีต่อมา หมดเวลาปกติแต่ยังต้องสู้กันต่อไป
1
ในช่วงต่อเวลาพิเศษนี้พาเลซมาได้ประตูขึ้นนำจาก เอียน ไรท์ คนเดิมที่วิ่งเข้ามาชาร์จบอลเข้าประตูในต้นครึ่งแรกของการต่อเวลา จนกระทั่ง มาร์ก ฮิวจ์ มาเป็นฮีโร่ส่งลูกข้ามเส้นประตูทำให้ผลการแข่งขันเสมอกัน 3:3 ต้องไปแข่งใหม่ในอีก 5 วันต่อมา ในที่สุดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถชนะไปได้ 1:0 จากลูกยิงของแบ็กซ้าย ลี มาร์ติน ทำให้ได้ตำแหน่งแชมป์เอฟเอคัพปีนั้นไปครอง ถ้วยนี้เหมือนช่วยรักษาตำแหน่งผู้จัดการทีมของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เอาไว้ ตั้งแต่เขาเข้ามาทำทีมในเดือนพฤศจิกายน 1986 กว่าจะได้แชมป์แรกก็คือถ้วยเอฟเอคัพปี 1990 ใบนี้นี่เอง เรียกได้ว่าถ้าชวดแชมป์เอฟเอคัพในปีนั้นท่านเซอร์อาจจะไม่ได้อยู่สร้างตำนานกับทีมปีศาจแดงและวงการฟุตบอลอังกฤษก็เป็นได้
ช่วงหลังๆ ดูเหมือนถ้วยเอฟเอคัพเริ่มคลายความศักดิ์สิทธิ์ หลายทีมส่งตัวจริงลงบอลลีกแล้วให้ตัวสำรองลงเล่นบอลถ้วย เพราะมีจำนวนนัดที่ต้องลงแข่งมากขึ้นจากทั้งบอลถ้วยยุโรป และบอลทีมชาติ ยิ่งฤดูกาลนี้ต้องผจญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิดด้วย ประกอบกับพรีเมียร์ลีกกำหนดให้เปลี่ยนตัวสำรองได้แค่ 3 คนตามปกติ นักเตะเริ่มบาดเจ็บกันระนาวเพราะเวลาพักฟื้นช่วงปิดฤดูน้อยเกินไป และต้องแข่งถี่ๆ ตั้งแต่เปิดฤดูกาล มาต่อด้วยฟีฟ่าเดย์ที่ผู้เล่นชั้นนำหลายคนต้องรับใช้ทีมชาติลงเล่นบอลเนชันส์ลีกอีก ซึ่งจะเท่ากับ 3-4 วันแข่งทีต่อเนื่องไปจนถึงบ็อกซิ่งเดย์เลย ไม่แน่นะครับ...ปีนี้เราอาจจะเห็นทีมกลางตารางเข้าไปชิงชนะเลิศบอลเอฟเอคัพกันก็เป็นได้
#แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #แมนยู #เอฟเอคัพ #ไบรอันร็อบสัน #เฟอร์กูสัน #ฟุตบอล #Football #Soccer #PlayNowThailand #KhelNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand
ฝากติดตาม
https://www.youtube.com/c/KhelNowThailand
บันทึก
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ดูบอลเป็นเรื่อง
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย