18 ธ.ค. 2020 เวลา 06:13 • กีฬา
ดูบอลเป็นเรื่อง
Boxing Day วันแกะของขวัญ
โดย พลวัตร บุญโสธรสถิตย์
1
วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันคริสต์มาส ส่วนวันที่ 26 ถือเป็นบ็อกซิ่งเดย์หรือวันแกะของขวัญ (ไม่ใช่วันชกต่อยกันนะครับ) เป็นวันที่ครอบครัวในอังกฤษจะมารวมตัวพบปะสังสรรค์กันช่วงเทศกาล จึงเป็นวันที่เหมาะสมสำหรับนั่งดูนั่งเชียร์ฟุตบอลร่วมกันอย่างออกรส ขณะที่ลีกอื่นหยุดหนีหนาวกันทั่ว พรีเมียร์ลีกได้คิดจัดตารางแข่งขันเพื่อรองรับวันนี้โดยเฉพาะ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะคารมกันจนเสียบรรยากาศ ก็จะหลีกเลี่ยงนัดดาร์บี้แมตช์ใหญ่ๆ
โดยปกติถ้าบ็อกซิ่งเดย์ตรงกับวันธรรมดา ทางพรีเมียร์ลีกจะจัดตารางแข่งแทรกเข้ามา ทำให้แต่ละทีมจะต้องแข่งนัดสุดสัปดาห์แล้วต่อด้วยนัดบ็อกซิ่งเดย์ และนัดสุดสัปดาห์อีกครั้ง และในทุกปีจะแข่งพร้อมๆ กัน 8-10 คู่ตามความเหมาะสม
1
ฤดูกาล 2015-16 แข่งพร้อมกัน 10 คู่
ฤดูกาล 2016-17 แข่งพร้อมกัน 10 คู่
ฤดูกาล 2017-18 แข่งพร้อมกัน 8 คู่ โดยนัดนิวคาสเซิล - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปแข่งวันที่ 27 และนัดคริสตัล พาเลซ - อาร์เซนอล ไปแข่งวันที่ 28
ฤดูกาล 2018-19 แข่งพร้อมกัน 9 คู่ ให้นัดเซาแธมป์ตัน - เวสต์แฮมไปแข่งวันที่ 27
ฤดูกาล 2019-20 แข่งพร้อมกัน 9 คู่ ขยับนัดวูล์ฟ - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปแข่งวันที่ 27
เนื่องจากตารางการแข่งขันแตกต่างจากปีก่อนๆ และวันบ็อกซิ่งเดย์ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ ก็เลยงดนัดกลางสัปดาห์ก่อนหน้านั้นไป และจากการที่เปิดฤดูกาลช้ามีตารางการแข่งขันถี่อยู่แล้ว ปีนี้บ็อกซิ่งเดย์จึงเหลือการแข่งขันกันแค่ 6 คู่เท่านั้น คือ
เลสเตอร์ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แอสตัน วิลลา - คริสตัล พาเลซ
ฟูแลม - เซาแธมป์ตัน
อาร์เซนอล - เชลซี
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - นิวคาสเซิล
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด – เอฟเวอร์ตัน
ส่วนอีก 4 คู่จะลงเตะกันวันที่ 27 คือ
ลีดส์ - เบิร์นลี
เวสต์แฮม - ไบรท์ตัน
ลิเวอร์พูล - เวสต์บรอมวิช
วูล์ฟ - สเปอร์ส
ที่น่าสนใจคือทุกทีมจะกลับมาแข่งนัดต่อไปกันในวันที่ 28-30 ธันวาคมเลย เป็นเหตุให้หลายทีมจะได้พักแค่ 2 วัน มีเพียงอาร์เซนอล, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, เซาแธมป์ตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส และลิเวอร์พูลจะได้พัก 3 วัน ขณะที่นิวคาสเซิลกับฟูแลมได้พักถึง 4 วัน พอขึ้นปีใหม่ทุกทีมจะกลับมาเตะพร้อมกันในวันที่ 2 มกราคม 2021 อีกนัด เท่ากับว่าทีมที่ลงแข่งวันที่ 30 ธันวาคมอย่างสเปอร์สที่เปิดบ้านเจอกับฟูแลม จะได้พักแค่ 3 วัน ยกเว้นคู่ลิเวอร์พูลออกไปเยือนเซาแธมป์ตันที่จะแข่งกันคืนวันที่ 4 มกราคม
แฟนบอลจึงต้องตามลุ้นต่อไปจนถึงวันที่ 2 มกราคมปีหน้า ซึ่งมีนัดที่น่าสนใจคือ เชลซีเปิดบ้านต้อนรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งคู่จะได้พัก 5 วันเท่ากันก่อนมาดวลกัน และสเปอร์สที่ได้พัก 3 วันต่อนัด (เล่นวันที่ 27, 30 ธ.ค. และ 2 ม.ค.) รอรับการมาเยือนของลีดส์ ยูไนเต็ดที่ได้พัก 2 และ 4 วันตามลำดับ (เล่นวันที่ 27, 29 ธ.ค. และ 2 ม.ค.)
ตอนนี้แทบทุกทีมเริ่มเผชิญปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากขึ้น การต้องเล่นติดต่อกันอย่างนี้ผู้จัดการทีมต้องโชว์ฝีมือวางแผนหมุนเวียนผู้เล่นกันพัลวัน ยิ่งถ้ามีนักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติมหลังจากช่วงเทศกาลอีกละก็ คงได้เห็นหลายสโมสรต้องเสริมทีมกันน่าดู นั่นหมายถึงตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงหน้าหนาวนี้คงคึกคักเป็นพิเศษ
บ็อกซิ่งเดย์มักจะเป็นจุดเปลี่ยนของทีมหัวตารางในหลายๆ ปี ที่ผมจำได้แม่นคือในฤดูกาล 2012-13 นัดที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดบ้านพบกับนิวคาสเซิล ขณะนั้นทีมปีศาจแดงมีคะแนนนำทีมแชมป์เก่าคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่เพียง 2 คะแนน แค่เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 4 นาทีดีนักเตะสาลิกาดงก็ยิงนำไปก่อน 1 ประตู จาก เจมส์ เพิร์ช ที่ซ้ำลูกยิงของ เดมบา บา เข้าประตูไป ก่อนที่ จอนนี อีแวนส์ จะมาตามตีเสมอได้ และเป็นอีแวนส์ที่สกัดพลาดเข้าประตูตัวเอง ลูกนี้ผู้กำกับเส้นยกธงว่ามีผู้เล่นของนิวคาสเซิลล้ำหน้าอยู่ ทว่าผู้ตัดสินเข้าไปปรึกษากับผู้กำกับเส้นแล้วตัดสินว่าเป็นประตูโดยไม่ต้องอาศัย VAR ช่วย
1
หมดครึ่งแรกด้วยการนำของทีมแม็กพาย วันนั้นบรรดาแฟนผีแดงคงระทึกอยู่ไม่มากก็น้อย สายฝนที่กระหน่ำลงมายังส่งผลให้ทีมปีศาจแดงต่อบอลบนพื้นสนามค่อนข้างลำบาก ถ้าพวกเขาแพ้นัดนี้ขณะที่ทีมเรือใบสีฟ้าบุกชนะซันเดอร์แลนด์ก็จะทำให้ทีมอันดับหล่น ต้องมาตาม 1 แต้มทันที
เริ่มครึ่งหลังไม่นาน ปาทริซ เอฟรา ก็มายิงตีเสมอให้เจ้าบ้าน ก่อนที่ ปาปิส ซีสเซ จะหวดเท้าซ้ายเต็มข้อให้นิวคาสเซิลกลับมานำอีกครั้ง ท่านเซอร์จัดการเปลี่ยนตัวทันทีโดยเอา ทอม เคลเวอร์ลีย์ ลงแทน พอล สโคลส์ ที่อยู่ในช่วงท้ายของอาชีพการค้าแข้งแล้ว แค่ไม่กี่นาทีทีมปีศาจแดงก็ยิงตีเสมอได้อีกครั้งโดย โรบิน ฟาน เพอร์ซี และในนาทีสุดท้ายของการแข่งขันก่อนต่อเวลาพิเศษ ฮาเวียร์ “ชิชาริโต” เฮอร์นานเดซ ก็ซัดประตูชัยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดบ้านชนะนิวคาสเซิลไปได้ 4-3
ในขณะที่อีกสนามหนึ่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้บุกไปแพ้ซันเดอร์แลนด์ 0-1 ทีมปีศาจแดงจึงทำคะแนนนำทีมเรือใบสีฟ้าห่างเป็น 5 คะแนน และนำไปตลอดจนจบฤดูกาลครองแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 20 ของสโมสร และสมัยที่ 13 ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยทำคะแนนนำห่างจากอันดับ 2 ทีมร่วมเมืองแชมป์เก่าถึง 11 คะแนน และนั่นเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ท่านเซอร์คุมทีมปีศาจแดง และฤดูกาลสุดท้ายที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ
1
ปีนี้คงต้องลุ้นกันต่อเนื่องตั้งแต่บ็อกซิ่งเดย์จนถึงวันปีใหม่ ตำแหน่งทีมหัวตารางจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยขนาดไหน หากผู้อ่านมีนัดบ็อกซิ่งเดย์ที่ระทึกใจ ก็เล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
#บ็อกซิ่งเดย์ #BoxingDay #พรีเมียร์ลีก #ผลฟุตบอล #ผลบอล #ฟุตบอล #Football #Soccer #PlayNowThailand #KhelNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand
ฝากติดตาม https://www.youtube.com/c/KhelNowThailand

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา