9 ธ.ค. 2020 เวลา 13:47 • ประวัติศาสตร์
“วูล์ฟกัง อมาดิอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart)” นักประพันธ์ดนตรีชื่อก้องโลก” ตอนที่ 3
1
ก้าวต่อไปของอัจฉริยะ
ภายหลังจากกลับมายังซาลซ์บูร์กได้เพียงเก้าเดือน ลีโอโปลด์และวูล์ฟกังก็ต้องกลับไปเวียนนาอีกครั้ง
วูล์ฟกังเริ่มจะโตแล้ว ลีโอโปลด์เล็งเห็นว่าลูกทั้งสองจะขายความเป็นเด็กอัจฉริยะต่อไป คงไม่ได้แล้ว
มาเรีย แอนนาเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถ แต่ลีโอโปลด์ก็คิดว่าลูกสาวคงไม่มีทางขึ้นมาเป็นอัจฉริยะได้ ส่วนทางด้านวูล์ฟกัง ถึงแม้จะเก่งกาจเกินเด็กวัยเดียวกัน แต่เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ก็อาจจะสูญเสียพรสวรรค์ไปก็ได้
ลีโอโปลด์คิดว่ามาเรีย แอนนาควรต้องแต่งงาน ไม่ต้องออกทัวร์คอนเสิร์ตอีกแล้ว ส่วนวูล์ฟกังก็ควรจะหางาน เป็นหัวหน้าวงดนตรีในราชสำนัก
ในเวลานั้น ยังไม่มีซีดี ไม่มีบันทึกการแสดงสด หนทางเดียวที่จะฟังเพลงคือต้องให้เล่นสด โดยกษัตริย์หรือสมาชิกราชวงศ์จะจ้างให้วงดนตรีประจำอยู่ในราชสำนัก แต่งเพลงและเล่นเพลงให้ทุกพระองค์ฟัง
1
นอกจากนั้น ลีโอโปลด์ยังคิดว่าถึงเวลาที่วูล์ฟกังต้องเริ่มวางลู่ทางในการเป็นนักประพันธ์โอเปร่าได้แล้ว ซึ่งคือความก้าวหน้า
ในเวลานั้น การแสดงโอเปร่าเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากในยุคที่ไม่มีโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ โอเปร่าคือละครร้องที่แสดงตามเรื่องราวต่างๆ สร้างความเพลิดเพลินให้ผู้ชม
โอเปร่าในสมัยศตวรรษที่ 18
วูล์ฟกังเขียนเพลงโอเปร่าของตนเองครั้งแรกก่อนวันเกิดอายุ 13 ปี โดยครั้งแรกนี้ไม่ประสบความสำเร็จนัก นักดนตรีก็ไม่พอใจที่จะต้องมารับคำสั่งจากเด็ก ต่างบ่นกันระนาว
สุดท้าย การแสดงโอเปร่านี้ก็ต้องยกเลิก วูล์ฟกังก็ไม่ได้รับค่าจ้าง
ลีโอโปลด์นั้นโกรธมาก เขาคิดว่านักดนตรีคนอื่นต่างอิจฉาวูล์ฟกัง หากแต่ก็ไม่ยอมแพ้ ตั้งแต่ค.ศ.1769-1773 (พ.ศ.2312-2316) ลีโอโปลด์และวูล์ฟกังเดินทางไปอิตาลีถึงสามครั้ง
ที่อิตาลี วูล์ฟกังได้มีโอกาสฟังเพลงที่ต่างออกไป มีทำนองที่เบากว่า ฟังง่ายกว่าเพลงที่ผ่านๆ มา
วูล์ฟกังขณะอยู่ในอิตาลี
ในช่วงเจ็ดวันก่อนอีสเตอร์ ลีโอโปลด์และวูล์ฟกังได้ไปที่โรม และได้ฟังคณะประสานเสียงในโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ส ทำการแสดงเพลง “Miserere”
1
“Miserere” ได้รับการยอมรับว่าเป็นเพลงศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยมีการแสดงข้างนอก บทเพลงก็ไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ คณะประสานเสียงอื่นก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นเพลงนี้
วูล์ฟกังได้ฟังเพลงนี้และประทับใจมาก แม้แต่การแสดงจบลงแล้ว หากแต่เขายังจมอยู่กับเพลงนี้อย่างไม่สิ้นสุด
ในคืนนั้น วูล์ฟกังไม่สามารถสลัดเพลงนี้ออกจากหัวได้ เขาจึงลุกขึ้นจากที่นอน และทำการเขียนโน้ตเพลงที่ได้ยิน ทีละตัว ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มีการเขียนเพลง Miserere นอกห้องพระสันตะปาปา และคุณสมบัติในการฟังและจำจนสามารถนำมาเขียนเป็นเพลงได้นี้ จะทำให้ผู้คนทึ่งและยกย่องในตัวเขา
2
ตั้งแต่ปีค.ศ.1766-1773 (พ.ศ.2309-2316) วูล์ฟกังเขียนเพลงกว่า 20 เพลง และยังมีโอเปร่าอีกจำนวนหนึ่ง
1
ในเวลานั้นเขาอายุ 17 ปี ซึ่งนักดนตรีส่วนมากเพิ่งจะเริ่มต้นอาชีพ หากแต่วูล์ฟกังนั้นผ่านงานดนตรีมาอย่างโชกโชน
1
แต่นอกเหนือจากดนตรีแล้ว วูล์ฟกังยังชอบการเล่นไพ่ เล่นบิลเลียด และเขียนจดหมายถึงครอบครัว
ขณะมีอายุได้ 21 ปี วูล์ฟกังก็ได้ตกหลุมรักหญิงที่ชื่อ “อลอยเซีย วีเบอร์ (Aloysia Weber)”
อลอยเซียอาศัยอยู่ที่เยอรมนี และเป็นลูกของนักดนตรี ตัวเธอเองก็เป็นนักดนตรีเหมือนกัน
อลอยเซีย วีเบอร์ (Aloysia Weber)
วูล์ฟกังอยากแต่งงานกับอลอยเซีย หากแต่ลีโอโปลด์บอกว่า “ไม่”
ลีโอโปลด์อยากให้วูล์ฟกังไปปารีสและ
“โด่งดังและทำเงินให้เยอะๆ”
เรื่องราวของวูล์ฟกังจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา