9 ธ.ค. 2020 เวลา 12:40 • สุขภาพ
เรื่องไม่จริงของ 'โควิด-19'
ส่อง 4 เรื่อง Fake news เกี่ยวกับโควิด-19 มีอะไรบ้าง? ที่หลายคนยังเข้าใจผิด
บทความโดย วรากรณ์ สามโกเศศ | คอลัมน์ อาหารสมอง
เรื่องไม่จริงของ 'โควิด-19'
เรื่องที่สงสัยว่าจะเป็น fake news เกี่ยวกับโรคโควิด-19 นั้นเห็นทุกวันและซ้ำๆ อยู่ไม่กี่เรื่อง จนชักไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ วันนี้ขอเขียนเรื่องนี้แต่ขอบอกก่อนว่าต้องทำใจกว้างนะครับ เพราะบางเรื่องอาจตรงข้ามกับสิ่งที่ท่านเชื่ออยู่ ผมมั่นใจว่าเรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นเรื่องที่มีความจริงสนับสนุนอย่างถูกต้อง
เหตุที่มั่นใจว่าถูกต้องก็เพราะผมนำเนื้อหามาจากนิตยสารทางวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งของโลกคือ Scientific American ฉบับเดือน พ.ย.2563 ถ้าไม่จริงเขาคงไม่นำมาลงอย่างแน่นอน
เรื่องแรก ความเชื่อว่าไวรัสที่ทำให้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 นั้นถูกสร้างขึ้นในห้องแล็บของจีน เนื่องจากรายแรกเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น อีกทั้งโดนัลด์ ทรัมป์และพวกใช้เรื่องประเภทสมคบกันอย่างลับๆ ที่เรียกกันว่า conspiracy theories ตอกย้ำอย่างใช้จินตนาการที่ไม่มีหลักฐานให้ผู้คนคล้อยตามว่าเป็นเรื่องจริงแท้อย่างแน่นอนอยู่เสมอ
ทำไมถึงไม่เป็นความจริง หน่วยงานราชการเกี่ยวกับความมั่นคงและสืบหาข้อมูลลับของสหรัฐ พบความจริงตรงกันเช่นเดียวกับความเห็นของวงการวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวางว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเท็จ ขณะนี้จีนได้เชิญนักวิจัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยเป็นคณะทำงานอิสระนานาชาติเข้าไปสืบสวนหาความจริงเกี่ยวกับการปรากฏตัวของไวรัสตัวนี้ที่มีชื่อทางการว่า SARS-Cov2 แล้ว
เหตุใดผู้คนถึงเชื่อ มนุษย์ต้องการหา “แพะรับบาป” สักตัวในเรื่องนี้ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน ตลอดจนความตกต่ำของเศรษฐกิจ ดังนั้น จีนซึ่งปรากฏตัวว่าเป็นคู่แข่งของสหรัฐขึ้นทุกทีจึงเป็นเป้าที่เหมาะเจาะ อุบัติเหตุที่ทำให้เชื้อโรคหลุดออกมานอกห้องทดลองเกิดขึ้นในบางครั้ง แต่ในเรื่องไวรัสตัวร้ายนี้มีความเป็นไปได้ต่ำมากๆ แต่แม้โอกาสน้อยนิดนี้ก็พอที่จะสร้างความชอบธรรมให้แก่ “นิยาย” ที่ว่าจีนจงใจสร้างขึ้นมาเพื่อปล่อยเป็นอาวุธชีวภาพออกสู่โลก
เรื่องที่สอง โควิด-19 มิได้เลวร้ายไปกว่าไข้หวัดใหญ่ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับการเมืองของสหรัฐ กล่าวคือทรัมป์โกหกคนอเมริกันมาตลอดว่าโควิด-19 ไม่ร้ายแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และเมื่อพลาดไปในการดูแลควบคุมการระบาดก็ต้องโกหกต่อไป สหรัฐมีคนป่วยเป็นอันดับหนึ่งของโลกทั้งจำนวนคนเป็นโรคและตาย (เป็นโรคถึง 13.5 ล้านคน ตาย 268,000 คน ทั้งโลกป่วย 63.2 ล้านคน ตาย 1.5 ล้านคน) เปรียบเทียบกับอินเดียอันดับสอง ป่วย 9.4 ล้านคน ตาย 137,000 คน ถึงแม้อินเดียจะมีประชากร 1,300 ล้านคน และสหรัฐ 330 ล้านคน สหรัฐร่ำรวยกว่าอย่างเทียบไม่ได้ แต่อินเดียกลับทำได้ดีกว่ามาก
ทำไมถึงไม่เป็นความจริง ถึงแม้อัตราการตายของโควิด-19 ยังไม่แน่นอน แต่ก็คงอยู่ประมาณ 0.5 ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับไข้หวัดใหญ่ 0.1 เปอร์เซ็นต์ ในแต่ละปีมีคนตายจากไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐ 12,000-61,000 คน ในทางตรงกันข้ามสหรัฐตายไปแล้วด้วยโควิด-19 ถึง 268,000 คน และเชื่อว่าจะทะลุ 300,000 คนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังนั้น มันไม่ใช่โรคป่วยเล่นๆ เพราะในบางกรณีถึงไม่ตาย ปอดก็ถูกทำลายจนอาจทำให้อายุขัยสั้นไปเป็นสิบปีได้
เหตุใดผู้คนถึงเชื่อ เมื่อผู้นำสหรัฐซึ่งมีคนเชื่อถือจำนวนมากเพราะตำแหน่ง พูดทุกวันว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเพราะเบากว่าไข้หวัดใหญ่ แถมบอกว่าตัวเลขของการตายจากโควิด-19 นั้นเว่อร์มากๆ คนจึงเชื่อเป็นธรรมดา
เรื่องที่สาม ไม่จำเป็นต้องใส่แมสก์ ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นพ้องในวงการสาธารณสุขในเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมาว่า หน้ากากอนามัยหรือแมสก์ช่วยจำกัดการติดเชื้อโรค ผู้ใช้ก็ไม่ปล่อยเชื้อออกมาในกรณีที่อาจเป็นโดยไม่รู้ตัวและถึงไม่เป็นก็ป้องกันการติดเชื้อ การใส่แมสก์จึงเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แต่ทรัมป์ก็ปฏิเสธไม่ยอมใส่จนตัวเองและครอบครัวติดเชื้อ เนื่องจากไม่ยอมทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งประกาศแนะนำให้ผู้คนใส่เพราะกลัวเสียหน้า
ทำไมถึงไม่เป็นความจริง เป็นเวลานานมากแล้วที่นักระบาดวิทยาถือว่าการใส่แมสก์คือวิธีการที่มีประสิทธิผลในการป้องกันการกระจายและรับเชื้อ แพทย์และพยาบาลใส่ในห้องตรวจโรคหรือห้องผ่าตัดในยามปกติด้วย งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่มีชื่อเสียงของโลกคือ Lancet เมื่อเร็วๆ นี้มาจากการศึกษางานวิจัยกว่า 170 ชิ้น และพบว่าการใส่แมสก์ป้องกันโรคโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน คนติดเชื้อโควิด-19 บางคนอาจไม่มีอาการแต่ก็สามารถแพร่เชื้อได้ ดังนั้น ทุกคนควรใส่แมสก์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
เหตุใดผู้คนถึงเชื่อ ในช่วงแรก WHO ไม่ได้แนะนำให้ใส่แมสก์ ยกเว้นมีอาการติดเชื้อเพราะอ้างว่ากลัวไปแย่งแมสก์ที่ขาดแคลนจนบุคลากรทางการแพทย์ไม่มีใช้ได้ (ฟังไม่ขึ้นเพราะต้องบอกความจริงให้ชาวโลกรู้ว่าแมสก์สำคัญเพียงใดและเขาหาหนทางกันเองได้ดังแมสก์ผ้าที่ออกมามากมายในขณะนี้) ทางการจีนแนะนำให้ใส่แต่แรก แต่มีคนรับฟังน้อย
เรื่องที่สี่ การพบคนป่วยโควิด-19 มากก็เพราะตรวจมาก คำพูดนี้ทรัมป์ใช้แก้ตัวมาตลอดว่าเพราะสหรัฐตรวจโควิด-19 มากก็ต้องพบมากเป็นธรรมดา ประเทศอื่นไม่ตรวจจึงไม่พบ
ทำไมถึงไม่เป็นความจริง ถ้าหากข้อความข้างต้นจริง จำนวนคนป่วยโรคนี้ที่เข้าโรงพยาบาลและตายต้องไม่มีความสัมพันธ์กับจำนวนคนที่พบจากการตรวจ แต่ความจริงในสหรัฐก็คือมีคนป่วยมากทุกวัน ขนาดถึงวันละ 150,000 คน และจำนวนการตรวจก็สูงด้วย ถ้าสิ่งที่ทรัมป์พูดจริง จำนวนคนป่วยเข้าโรงพยาบาลและตายต้องลดน้อยลง จำนวนเหล่านี้มันฟ้องอยู่แล้วว่ามีการระบาดหนัก
เหตุใดผู้คนจึงเชื่อ ในตอนแรกสหรัฐมีการขาดแคลนชุดตรวจโรคโควิด-19 ต่อมาเมื่อมีชุดตรวจมากขึ้นก็ปรากฏตัวเลขคนติดเชื้อสูงขึ้น ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่ผู้คนอาจทึกทักว่าเหตุที่มีคนป่วยมากขึ้นก็เพราะมีการตรวจมากขึ้น
ถึงแม้ความจริงจะเป็นเช่นที่กล่าวมาและรู้ว่าเหตุใดคนจึงเชื่อ fake news เหล่านี้ แต่ผู้คนส่วนหนึ่งก็จะยังคงยึดถือความเชื่อเดิมเพราะฝังใจเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินมา มนุษย์นั้นมีจุดอ่อนตรงที่มักเชื่อในสิ่งที่ตนเองอยากจะเชื่อเสมอ
โฆษณา