Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สมองไหล
•
ติดตาม
19 ธ.ค. 2020 เวลา 02:01 • ธุรกิจ
วันก่อนผมมีโอกาสได้กลับไปงานเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนๆ สมัยเรียนครับ เรานั่งคุยกันหลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องธุรกิจ ซึ่งเพื่อนๆ แต่ละคนก็เล่าความฝันเกี่ยวกับธุรกิจที่ตัวเองอยากทำให้ฟังกัน มีทั้งร้านกาแฟ ร้านชานมไข่มุก ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านขายรองเท้า ร้านขายเครื่องสำอาง และอื่นๆ อีกมากมาย
หลังจากผมฟังจนจบซึ่งกินเวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมง ผมก็เลยถามกลับไปว่า “แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่ ?”
และคำตอบที่ผมได้กลับมาจากทุกคนก็คือ “ยังไม่รู้เหมือนกัน รอมีเงินทุนอยู่”
ผมจึงถามต่อว่า มันต้องใช้เงินทุนเยอะขนาดนั้นเลยหรอ ?”
คำตอบคือ ใช่ ต้องใช้เงินหลายบาทเลยแหละ อย่างถ้าจะเปิดร้านกาแฟ แค่เฉพาะค่าเครื่องชงกาแฟก็หลักแสนแล้ว ไหนจะค่าเช่าร้าน เฟอร์นิเจอร์ ค่าแอร์ ค่าอินเทอร์เน็ต นี่ยังไม่นับรวมค่าตู้แช่เค้ก แก้ว จาน และของจิปาถะอื่นๆ อีก รวมๆ แล้วก็เกือบหลักล้านเลย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากโต๊ะอาหารที่งานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ คือ เวลาทุกคนจะเริ่มต้นทำธุรกิจ มักจะคิดภาพธุรกิจในหัวแบบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนเสมอ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ แต่การจะทำให้ได้ภาพนั้นเลยทันทีมันต้องใช้ต้นทุนสูงมาก ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจเสียที
1
แต่คำถามคือ เราจำเป็นต้องเริ่มต้นธุรกิจจากจุดที่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์จริงๆ เหรอ
เพราะถ้าคิดจะเริ่มต้นธุรกิจจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องเริ่มจากจุดที่ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ ถ้าเราลองเอาภาพใหญ่ในหัว 100 เปอร์เซ็นต์ มากางออกลงบนกระดาษแล้วแบ่งมันเป็นระยะตั้งแต่ 10, 20, 30, 40, 50 ไปจนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าแต่ละจุดต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง จากนั้นก็ประเมินว่าเราสามารถทำธุรกิจไหวที่จุดไหน เพราะบางทีเราสามารถเริ่มต้นธุรกิจแล้วทำเงินได้ตั้งแต่จุดที่ 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ จากนั้นก็ค่อยๆ เติมจุดเข้าไปเรื่อยๆ จนครบ 100 เปอร์เซ็นต์ทีหลัง
1
คุณโอ อภิรักษ์ บัวเพ็ชร เพื่อนรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยของผม เขามีความฝันที่อยากจะเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นบาริสต้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้คุณโอเรียนรู้เรื่องกาแฟจนเข้าใจแก่นของมันอย่างแท้จริง ตั้งแต่ประวัติของกาแฟ วิธีการปลูก วัฒนธรรมการดื่มกาแฟ ไปจนถึงศิลปะการเสพกาแฟ
แต่ก็ติดปัญหาเหมือนใครหลายคน คือ ไม่มีเงินทุน
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณโอจะสามารถเปิดร้านกาแฟที่จุด 100 เปอร์เซ็นต์ได้ แต่สิ่งที่คุณโอทำคือการประเมินว่าต้องเริ่มที่จุดไหนถึงจะสามารถชงกาแฟให้คนดื่มได้แล้วสามารถทำเงินได้ก่อน
คุณโอเริ่มจากเอาเงินเก็บที่มีอยู่ 7,000 บาท รวมกับเงินจากการนำรถจักรยานยนต์ไปขายรวมๆ กันได้ ประมาณ 30,000 บาท ไปซื้อเครื่องชงกาแฟแบบแมนนวลที่ใช้แรงกดจากมือในราคา 9,500 บาท แทนเครื่องชงแบบแมชชีนราคาหลักแสน แล้วก็เอาเงินที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งไปซื้อเครื่องบดกาแฟกับกาน้ำร้อน ส่วนการคั่วเมล็ดกาแฟก็ใช้วิธีการคั่วกับกระทะแทนการใช้เครื่องคั่วซึ่งมีราคาแพง
จากนั้นก็ไปขอแบ่งเช่าพื้นที่หน้าบ้านของบ้านพี่สาวซึ่งเป็นห้องแถวเล็กๆ เพื่อใช้เป็นหน้าร้าน แล้วก็ไปเอาอิฐแดงมาก่อขึ้นเป็นเคาน์เตอร์บาร์รูปตัว U ด้วยมือของตัวเอง จากนั้นก็ไปเอาแผ่นไม้กระดานมาทาสีแล้วเขียนชื่อร้าน “สภากาแฟ36” แขวนไว้ด้านหน้า แถมยังไปเอาเก้าอี้ 4 ตัวที่บ้านมาวางไว้สำหรับให้ลูกค้านั่งรอ
1
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตอนนี้คุณโอสามารถทำกาแฟขายลูกค้าได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องลงทุนหลักล้าน
จากนั้นคุณโอก็โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่าตัวเองเปิดร้านกาแฟ เพื่อให้เพื่อนๆ มาลองชิม ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้ากลุ่มแรกนั้นเป็นเพื่อนและคนรู้จักเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
วันแรกที่ผมเดินเข้าไปร้านกาแฟของคุณโอถ้าให้พูดกันตามตรงก็คือ สภาพมันไม่น่าเป็นร้านกาแฟได้ด้วยซ้ำ ผมเดินตรงเข้าไปทักทายคุณโอแล้วถามว่า “มีเมนูอะไรให้กินบ้างครับ”
ซึ่งคำตอบของคุณโอทำเอาผม งง ไปเลย
คุณโอตอบกลับมาว่า “ร้านพี่ไม่มีเมนู ชอบกินกาแฟแบบไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ทำเมนูพิเศษสำหรับน้องโดยเฉพาะเลย”
ผมก็เลยเล่าให้คุณโอฟังว่า “ปกติผมไม่ชอบกินกาแฟนะพี่ ผมชอบกินพวกโกโก้ หรือ ช็อกโกแลตมากกว่า พี่สามารถทำกาแฟให้คนไม่กินกาแฟอย่างผมกินได้ป่าว”
คุณโอตอบกลับมาทันทีว่า “ได้เลย งั้นพี่จะใช้เมล็ดกาแฟ บราซิล ซานโตส เพราะมันมีรสชาติเปรี้ยวๆ ไม่ขมมาก เหมาะสำหรับคนไม่ชอบกินกาแฟ เพราะเอาจริงๆ กาแฟไม่ได้มีรสชาติขม กาแฟมันเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว แล้วผสมกับคาราเมล เพื่อให้น้องได้รสชาติในแบบที่น้องคุ้นเคย”
จากนั้นก็จัดการรังสรรค์กาแฟสูตรพิเศษให้ผมจนเสร็จ ซึ่งหน้าตาของมันเรียกได้ว่าผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อผมโดยเฉพาะ โดยหน้าตาของมันจะมี 3 ชั้น คือ มีฟองนมอยู่ขั้นบนสุด คาราเมลอยู่ชั้นกลางและกาแฟอยู่ชั้นล่างสุด
เมื่อเสร็จแล้วคุณโอก็แนะนำให้ผมกินแบบยกดื่ม เพราะจะทำให้กาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดไหลผ่านคาราเมลและฟองนม เพื่อให้มันผสมผสานกันจนได้รสชาติที่ออกมากลมกล่อม
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ก็คือ “คุณโอไม่ได้กำลังขายกาแฟ แต่เขากำลังขายประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านกาแฟให้กับลูกค้าต่างหาก” ซึ่งนี่แหละคือจุดที่แตกต่างและทำให้ลูกค้าที่มาซื้อกาแฟร้านคุณโอจดจำแล้วนำไปบอกต่อ
คุณโอบอกว่า “ลูกค้าที่เข้ามาซื้อกาแฟของเขาทุกคนจะต้องไม่ได้แค่กาแฟ แต่เขาต้องได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ กลับไปด้วย”
1
ผลลัพธ์ คือ มีคนตามกันมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านกาแฟที่ร้านคุณโอมากมาย จนคุณโอสามารถเก็บเงินทุนได้ก้อนหนี่ง จึงนำไปลงทุนเช่าร้านที่ดีขึ้น ซื้อตู้แช่เค้กมาเพิ่มเพื่อสร้างรายได้อีกช่องทาง ติดแอร์ในร้าน ซื้อโต๊ะเก้าอี้ให้ลูกค้านั่ง จนวันนี้ร้านสกาแฟ36 จังหวัดปัตตานี มีลูกค้าเข้ามาลิ้มรสกาแฟของคุณโอจนแน่นตลอดทั้งวัน
คุณโอบอกกับผมว่า การเริ่มต้นธุรกิจก็เหมือนการสร้างบ้าน ประตู หน้าต่าง วอลเปเปอร์ ที่ตกแต่งบ้านให้สวยมันเป็นแค่เปลือก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “เสาหลัก” ของบ้านที่มั่นคง ซึ่งก็คือ “ความรู้” ที่มั่นคงของเรา
1
เมื่อเราเริ่มต้นจากความรู้ที่มั่นคงในเรื่องที่เราทำแล้ว เราก็ค่อยๆ ก่อสร้างและต่อเติมมันไปเรื่อยๆ ทีหลังได้ ที่สำคัญมันจะเดินต่อไปอย่างมั่นคง เพราะทุกก้าวที่เดิน เราทำตามฟีดแบคของลูกค้าและประสบการณ์ที่เพิ่มพูนมากขึ้นของเรา
นั่นหมายความว่าร้านสภากาแฟ36 จะสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ในแบบที่ลูกค้าต้องการ หรือต่อให้มันล้มเหลวเราก็ไม่เจ็บหนัก เพราะไม่ได้ลงทุนแบบหมดหน้าตักไปกับสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจดีพอ ที่สำคัญคือเราไม่ต้องเป็นหนี้ ไม่ต้องไปกู้เงินใครเขามา โดยที่ไม่รู้เลยว่าร้านกาแฟที่สมบูรณ์ของเรานั้นมันเป็นแบบที่ลูกค้าต้องการหรือเปล่า
1
กลายเป็นว่าตอนนี้คุณโอสามารถมีร้านกาแฟซึ่งเป็นธุรกิจในฝันให้เป็นความจริงได้แล้ว ในขณะที่ธุรกิจในฝันของคนอื่นก็ยังคงเป็นความฝันเพราะมัวแต่รอเงินทุนอยู่เลย
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า เราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นธุรกิจจากจุดที่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ เพราะถ้ามาประเมินกันจริงๆ เราสามารถเริ่ม “ลงมือทำ” ได้ตั้งแต่จุดที่ 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ มันอาจจะช้าหน่อย แต่ทุกๆ 30 40 50 เปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น เราสามารถปรับเปลี่ยน แก้ไข ต่อยอด ในทิศทางที่ถูกต้องตามฟีดแบคของลูกค้าได้ และสุดท้ายเราก็จะได้ธุรกิจที่สมบูรณ์ในแบบที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง
1
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน
ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
32 บันทึก
58
23
32
58
23
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย