18 ธ.ค. 2020 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“ขงจื๊อ (Confucius)” นักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์จีน” ตอนที่ 2
ก้าวต่อไปของยอดนักปราชญ์
ขณะมีอายุได้ 19 ปี ขงชิวก็ได้แต่งงาน และไม่กี่ปีต่อมา เขาและภรรยาก็ได้ให้กำเนิดบุตรชาย ซึ่งข่าวการกำเนิดบุตรชายของขงชิวนั้นก็ไปถึงเจ้าผู้ครองแคว้นหลู่
เจ้าผู้ครองแคว้นหลู่น่าจะทราบว่าตระกูลขงนั้นเคยเป็นตระกูลใหญ่ ถึงแม้ว่าขงชิวจะเติบโตมาอย่างยากจนก็ตาม
1
บางตำนานเล่าว่า เจ้าผู้ครองแคว้นหลู่ได้ส่งของขวัญ เป็นปลาตะเพียนสองตัวไปให้ขงชิว ซึ่งต่อมา ขงชิวก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวอีกสองคน
เมื่อครอบครัวเริ่มจะขยายใหญ่ ขงชิวก็ต้องดูแลครอบครัว จึงจำเป็นต้องหยุดการเรียนและหางานทำ
ถึงแม้ว่าเขาจะใฝ่ฝันที่จะเป็นที่ปรึกษาให้จักรพรรดิ หากแต่งานแรกของขงชิวก็ไม่ใช่งานที่เขาใฝ่ฝัน
เมื่อเติบใหญ่ ขงชิวนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากบิดา หากแต่เขาไม่สนใจจะเป็นทหาร ตรงกันข้าม เขากลับอยากเข้ารับราชการ และใช้ความรู้ช่วยเหลือผู้อื่น
1
แต่ด้วยความที่มาจากครอบครัวฐานะยากจน การจะได้งานดีๆ ทำนั้นก็ยาก ตำแหน่งราชการที่สำคัญล้วนตกเป็นของลูกหลานตระกูลใหญ่
ขงชิวได้รับข้อเสนอให้ทำงานกับตระกูล “จี้ซุน (Jisun)” ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในแคว้นหลู่ ขงชิวจึงตอบตกลง
1
งานของขงชิว คือการจดบันทึกว่ามีข้าวเปลือกเข้ามาในยุ้งฉางของตระกูลจี้ซุนเท่าไร และออกไปอีกเท่าไร นอกจากนั้น ขงชิวยังต้องดูแลไม่ให้แมลงหรือหนูเข้ามากินข้าวในยุ้งฉาง
ขงชิวนั้นทำงานได้ดีและได้เลื่อนตำแหน่งในเวลาต่อมา
ขงชิวได้รับหน้าที่ดูแลสัตว์ในไร่ของครอบครัว ซึ่งขงชิวก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง
แต่นอกเหนือจากงาน ขงชิวก็ให้ความสำคัญต่อการรักษาธรรมเนียมเก่าแก่
แม่ของขงชิวเสียชีวิตเมื่อราว 527 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งขงชิวก็จัดงานศพ หากแต่ไม่ทราบว่าพ่อนั้นถูกฝังทางไหน ดังนั้น เมื่อทราบถึงที่ฝังร่างของผู้เป็นพ่อ ขงชิวก็ให้ย้ายศพของผู้เป็นแม่ นำไปฝังไว้ใกล้กับพ่อ และไว้ทุกข์เป็นเวลาสามปี ตามธรรมเนียม
ในเวลานั้น ขงชิวเริ่มมีรายได้เสริมจากการเป็นอาจารย์ และเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องของดนตรีและบทกลอนที่สอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีน รวมทั้งวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
เหล่าชายหนุ่มที่ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ล้วนแต่หวังว่าขงชิวจะสั่งสอนพวกตน ทำให้พวกตนสอบเข้ารับราชการได้ ทำให้ขงชิวกลายเป็นอาจารย์ของชายหนุ่มหลายคน
2
พวกชายหนุ่มเริ่มเรียกขงชิวว่า “Kong Fuzi” ก่อนจะกลายเป็น “Confucius” หรือ “ขงจื๊อ” ในเวลาต่อมา
ขงจื๊อต้องการให้ลูกศิษย์ของตนเป็น “จวินจื่อ (Junzi)”
1
การเป็นจวินจื่อก็คือเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งหลายคนมักจะคิดว่าต้องมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่สำหรับขงจื๊อ การเป็นจวินจื่อนั้นมีความหมายมากกว่านั้น
1
ผู้ที่เป็นจวินจื่อ จะต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม และต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตา
1
ขงจื๊อนั้นสอนโดยไม่สนค่าเรียน ไม่ว่าลูกศิษย์จะให้ค่าสอนเท่าไร เขาก็เอาแค่นั้น สิ่งที่เขาต้องการ คือลูกศิษย์ที่ตั้งใจจริง
2
หนึ่งในลูกศิษย์รายแรกๆ นั่นคือ “จื่อลู่ (Zilu)”
จื่อลู่นั้นมาจากครอบครัวที่อาศัยอยู่ในชนบท เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อน และมักจะเถียงกับขงจื๊อเป็นประจำ
จื่อลู่ (Zilu)
เมื่อพบกันครั้งแรก จื่อลู่ก็เอาแต่อวดดาบของตน ขงจื๊อจึงถามจื่อลู่ว่า
“จะมีประโยชน์อะไร หากมีอาวุธ แต่ไม่มีการศึกษา?”
6
ขงจื๊อเห็นได้ว่าจื่อลู่นั้นมีความกล้าหาญ แต่เขาต้องเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตัวอย่างชาญฉลาด
ลูกศิษย์คนแรกๆ อีกรายคือ “เหยียนหุย (Yan Hui)”
เหยียนหุยนั้นมาจากครอบครัวที่ยากจน แต่เขาต่างจากจื่อลู่
เหยียนหุยนั้นเป็นคนใจเย็น และเข้าใจในบทเรียนของขงจื๊อเป็นอย่างดี แต่เหยียนหุยก็คิดว่าตนนั้นอาจจะมีความรู้เทียบเท่าขงจื๊อ
1
เหยียนหุย (Yan Hui)
ชีวิตของขงจื๊อจะเป็นอย่างไรต่อไป เขาจะตราชื่อลงในหน้าประวัติศาสตร์ได้อย่างไร
ติดตามตอนต่อไปนะครับ
โฆษณา