Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากร่างกาย
•
ติดตาม
23 ธ.ค. 2020 เวลา 14:02 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Necrobiome แบคทีเรียที่สามารถช่วยสืบคดีฆาตรกรรม X Ocylens
1
บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Ocylens คอนแทคเลนส์รายวัน
ทุกวันนี้เมื่อมีการต้องตัดสินคดีในชั้นศาล
พยานที่ขึ้นให้ปากคำในปัจจุบันส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกลิง โฮโม เซเปียนส์ ด้วยกันเอง แต่รู้ไหมครับ ในอนาคตจุลินทรีย์รอบ ๆ ศพ ก็อาจจะเป็นพยานสำคัญได้เช่นเดียวกัน
เรารู้กันดีว่า เมื่อคนเราเสียชีวิตไปแล้ว ศพของเราจะค่อย ๆ เน่าเปื่อยไป
ซึ่งคำว่าเน่าเปื่อยนั้น จริง ๆ มันก็คือโดนสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น แมลง แบคทีเรีย หรือเชื้อรา กัดกินเป็นอาหารไป
จุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่กินศพของเรามีชื่อเรียกรวม ๆ กันว่า เนโครไบโอม (necrobiome) ในวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ บนร่างกายและภายในร่างกายของเราเต็มไปด้วยจุลินทรีย์จำนวนมหาศาล
จุลินทรีย์เหล่านั้นมีชื่อเรียกรวม ๆ กันว่าไมโครไบโอม (microbiome) เมื่อเราเสียชีวิต ระบบภูมิคุ้มกันของเราก็จะหยุดทำงาน
จุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่อาศัยในร่างกายจึงเพิ่มจำนวนได้ง่ายและรวดเร็ว
จากนั้นจุลินทรีย์ที่เคยมีประโยชน์กับเรา โดยเฉพาะแบคทีเรียในทางเดินอาหารก็เริ่มกินเราจากภายใน
กินไปก็สร้างก๊าซไปเรื่อย ๆ ทำให้ศพของเราขึ้นอืดทีละน้อย
จนถึงจุดนึงเมื่อแรงดันภายในร่างกายสูงมาก ๆ ศพของเราก็จะปริแตกออก
แต่เดิมตอนที่ศพเรายังไม่ปริออก แบคทีเรียที่กินเราจากภายในจะเป็นแบคทีเรียชนิดที่ไม่ชอบออกซิเจนหรือที่มีชื่อเรียกว่า anaerobe
1
พอศพเราปริแตกออก คราวนี้จุลินทรีย์จากสิ่งแวดล้อมก็เข้าไปรุมกินศพจากภายในได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจุลินทรีย์จากอากาศ จากผิวหนัง จากดินรอบ ๆ รวมไปถึงแมลงต่าง ๆ ที่มุดเข้าไปทางรอยปริแตก
2
เมื่ออากาศเข้าไปในศพได้ แบคทีเรียที่เข้าไปกินศพเราตอนนี้จึงเป็นแบคทีเรียชนิดที่ชอบออกซิเจนหรือที่เรียกว่า aerobic bacteria มากขึ้น
3
ถึงตอนนี้ความเร็วในการย่อยสลายจะเพิ่มขึ้นมาก ศพจะแห้งลงอย่างรวดเร็ว
1
แต่ไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อมมีผลต่อศพของเราฝ่ายเดียว
ศพของเรายังมีผลต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้างด้วย
เมื่อศพของเราปริแตกออก ของเหลวต่างๆในร่างกายเรา เช่น เลือด น้ำเหลือง ก็จะไหลออกมาข้างนอก
ทำให้บริเวณรอบ ๆ ศพมีสภาวะกรดด่างเปลี่ยนไป มีสารอาหารเปลี่ยนไป (มากขึ้น)
เมื่อสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ศพเปลี่ยนไป ก็จะมีผลให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยรอบ ๆ ศพเปลี่ยนไปด้วย
จุลินทรีย์ใหม่ ๆ ที่เหมาะกับสิ่งแวดล้อมแบบใหม่นี้ ย้ายเข้ามามากขึ้น
จุลินทรีย์เก่าที่ทนสิ่งแวดล้อมใหม่ไม่ได้ก็จะลดลง
ความน่าสนใจคือ ในมนุษย์แต่ละคนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในศพและภายนอกศพนี้จะคล้ายกันมาก ทั้งในแง่ชนิดของจุลินทรีย์ และระยะเวลาที่กระบวนการจะดำเนินไป ด้วยเหตุนี้ หลายครั้งเมื่อมีการค้นพบศพที่สงสัยว่าจะถูกฆาตกรรมแล้วบอกด้วยหลักฐานอื่นไม่ได้ว่า ศพนี้ถูกฆาตรกรรมเมื่อไหร่
การตรวจจุลินทรีย์อย่างแบคทีเรียที่อยู่รอบ ๆ ศพ ก็อาจจะช่วยบอกได้ว่า ศพนี้ถูกนำมาทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อประเมินเวลาเสียชีวิตได้ การสืบหาฆาตรกรเพื่อไขคดีก็จะทำได้ง่ายขึ้น
1
อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้เรายังมีฐานข้อมูลที่ไม่มากนัก ทำให้การนำไปใช้ยังจำกัดอยู่มาก
แต่ก็เหมือนกับ AI หรือ big data ทั่ว ๆ ไป เมื่อใดที่เรามีข้อมูลมากขึ้น ความแม่นยำของวิธีการนี้ก็จะเพิ่มขึ้น
และเมื่อถึงวันนั้น เราก็อาจจะพูดได้เต็มปากว่า แบคทีเรียรอบ ๆ ศพสามารถทำหน้าที่เป็นพยานในชั้นศาลได้จริง ๆ
ขอบคุณ Ocylens คอนแทคเลนส์รายวัน ที่ให้การสนับสนุนบทความนี้นะครับ
✅Ocylens คอนแทคเลนส์รายวันใส่สบายเพราะทำจากวัสดุพรีเมี่ยม Etafilcon A
🔥พิเศษสำหรับแฟนเพจหลงไปในประวัติศาสตร์ ซื้อ 1 แถม 1
เพียงใส่โค้ด OCY11 ในช่องหมายเหตุหน้าชำระเงิน 🔥
(1 สิทธิ์/ท่าน โค้ดมีจำนวนจำกัดนะครับ)สนใจคลิกที่ลิงก์
👉
https://shopee.prf.hn/l/rvO3W12
21 บันทึก
54
10
21
54
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย