27 ธ.ค. 2020 เวลา 14:14 • นิยาย เรื่องสั้น
(4.เวลาแห่งความสุขที่ไม่นิรันดร์)
“แม่จ๋า แม่จะกลับบ้านตอนไหนหนูง่วงแล้ว” เด็กน้อยพูดกับแม่
“มึงหลับไปก่อนเลย เดี๋ยวลิเกจบแล้วแม่จะเรียกนะ”
เด็กน้อยหลับไป ก่อนที่จะตื่นมาตอนเช้าแล้วพบว่าตัวเองนั้นอยู่บนที่นอน ตอนเช้าในชนบนได้ยินแต่เสียงนก และ เสียงไก่ที่ร้องในตอนเช้า แม่ชั้นผู้เป็นทวด และ ผู้ดูแลของยุทธนั้นกำลังทำกับข้าวเพื่อให้ลูกๆนำไปกินที่ทำงาน เด็กชายยุทธมีหน้าที่เพียงตื่นมาเพื่อกินข้าว และ เล่นสนุกกับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน ทั้งเฟิร์น โจ มายด์ แม็ค ลูกพี่ลูกน้องที่เติบโตและเล่นมาด้วยกัน ทุกๆปีนั้น ที่บ้านจะทำการถมที่เพิ่มเพื่อให้พื้นท่บ้านดูสูงขึ้นเมื่อฝนตกก็จะไม่มีน้ำขัง เด็กๆเล่นกองดินกันอย่างสนุกสนาน ยุทธจะมีดินที่ติดก้นอยู่เสมอเพราะไม่ชอบใส่กางเกง 😅
“ไอ้ยุทธ แม่มึงมา” แม่ชั้นเรียกยุทธ
“แม่...”
“เออนั่นแหละแม่มึง แม่ผึ้งของมึง”
เด็กน้อยวิ่งเข้าไปกอดแม่ผึ้งตามคำของแม่ชั้น... 3 ปีมันช่างยาวนานสำหรับแม่ลูกที่ไม่ได้เจอหน้ากันเลย
“เดี๋ยวมึงต้องไปอาบน้ำก่อนนะ” แม่ชั้นจับเหลนไปอาบน้ำ ทาแป้ง แต่เด็กชายยุทธก็ยังคงไม่ชอบใส่กางเกง แม่ผึ้งจึงต้องมาจับใส่กางเกงให้ และพาไปถ่ายรูปกับแม่ชั้น มี แม่ชั้น ยุทธ และ เฟิร์นที่อยู่ในรูป จากนั้นแม่ผึ้งก็พาไบร์ทกลับมาอยู่บ้านที่เคยอยู่ร่วมกับแสงจันทร์ เพื่อรอแสงจันทร์กลับมาอยู่ด้วยกัน เมื่อรู้ข่าวดีหลังจากการเยี่ยมสามีที่รักว่าจะได้รับการอภัยโทษ หลังจากที่ทำพฤติกรรมดี และ ทำประโยชน์ในเรือนจำ และจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันในอีกไม่นาน
ผึ้งจัดการพาลูกไปสมัครเรียนตามวัย ที่โรงเรียนใกล้บ้าน เนื่องจากเรียนฟรีและอยู่ใกล้บ้าน ผึ้งทำงานรับจ้างทำเกษตรเหมือนเดิมเพราะเงินจากที่เธอทำงานต่างจังหวัดมานั้นก็มีมากพอที่เธอจะรอแสงจันทร์ได้สบายๆโดยที่ไม่ต้องทำงานหนัก ด้วยสถานะทางบ้านที่ไม่ได้มีหนี้สิน ไม่มีภาระทางการเงิน เธอจึงไม่ได้กังวลเรื่องเงินทองเสียเท่าไร เงินที่สงจันทร์เก็บไว้ก่อนเข้าเรือนจำก็มีอยู่บ้างเพื่อที่จะได้นำออกมาทำธุรกิจหลังจากพ้นโทษเด็กน้อยไปโรงเรียนวันแรก มีเพื่อนชื่อฟลุ๊ค และ ตูนเด็กชายชาวมุสลิม เด็กน้อยเรียนและเล่นตามประสาเด็กอนุบาล1 ที่ไม่ได้เคร่งเรื่องการเรียนเสียเท่าไรนอกจาก กินอิ่มนอนหลับมีสุขภาพและจิตใจที่ดี ตูนเด็กชายมุสลิมที่บ้านมีอาชีพเกษตรกรรม และ ปศุสัตว์จะชอบให้เพื่อนขี่หลัง
“มอ ม้ออออ ชั้นเป็นวัว ขี่หลังชั้นสิ” ตูนที่คิดว่าตัวเองเป็นวัวให้ฟลุ๊คขี่หลัง
“ครูศิริวงศ์มาแล้ววววววว” ยุทธที่ยืนอยู่หน้าประตู บอกเพื่อนๆ
“แป๊ะ!!! เด็กๆเงียบ” ครูศิริวงศ์พูดพร้อมเอาไม้เรียวฟาดที่โต๊ะ เดี๋ยวเราจะไปทานข้าวกันนะคะ เด็กๆออกมาตั้งแถวค่ะ
เมื่อถึงโรงอาหาร เด็กๆทุกคนก็จะได้ข้าวกับข้าว2อย่าง และผลไม้ จากโรงอาหาร ยกเว้นตูน ที่นำอาหารมาจากบ้านเอง
“ทำไมตูนเอาข้าวมาเองหละ” ยุทธถามเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“อิสลามเขาไม่กินเนื้อหมูนะ”
“แล้วในกล่องข้าวนั่นเนื้ออะไรหรอ” ยุทธถามอีก
“เนื้อแพะหนะ บ้านเราเลี้ยงแพะเป็นฝูงเลย มีวัวด้วย ม๊ะทำวัวกับแพะให้เรากินทุกวันเลย”
“นี่ เนื้อหมูตูนกลัวเนื้อหมูมั้ย นี่ๆๆๆๆ” ฟลุ๊คนำเนื้อหมูแกล้งตูนให้ตุนวิ่งหนีรอบโรงอาหาร
“นี่! หยุดนะเธอแล่นอะไรกันทำไมไม่กินข้าว จะได้ไปเล่นที่สนามแล้วกลับไปนอน” เมื่อกินข้าวเสร็จ ครูศิริวงศ์จึงเรียกฟลุ๊ค ยุทธ ตูนไปหาแล้วอธิบายว่าทำไมตูนถึงกินเนื้อหมูไม่ได้ และสั่งห้ามแกล้งเพื่อนแบบนั้นอีก พร้อมทั้งขอโทษตูนเด็กชายยุทธเดินกลับบ้านมาเจอบ้านที่ล็อคโดยไม่รู้ว่าแม่ไปไหน จึงเดินไปบ้านแม่ชั้น
“แม่! แม่ แม่หนูเขาไปไหนแล้วไม่รู้ แม่หนูเขาไม่อยู่บ้านกับหนูแล้ว” เด็กชายร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ และบอกกับแม่ชั้น
“แม่มึงเขาไปทำธุระ เดี๋ยวก็มา มึงมาอยู่กับแม่ก่อน”
“แม่หนูเขาไม่อยู่กับหนูแล้ว เขาไปแล้ว แม่ไปไหนไม่รู้” เด็กชายยังคงร้องไห้
ชั้นจูงมือเหลนเข้ามาในบ้านและขึ้นมานั่งบนที่นอน เด็กชายยังคงร้องไห้รอแม่ของเขาอยู่ไม่หยุด จนเผลอหลับไปทั้งๆที่ยังน้ำตาไหลและสะอื้น
“แม่ ไอ้ยุทธนอนไปยัง” เสียงผึ้งที่กลับมาจากธุระตอนเดือบจะ 1 ทุ่มถามชั้น
“มันนอนอยู่นั่นไง นอนหลับทั้งที่ยังร้องไห้ กูสงสารมันเหลือเกิน”
“โถลูกแม่ ขนาดหลับก็ยังร้องไห้สะอื้น แม่กลับมาแล้วแม่ไม่ได้ไปไหนนะ” ผึ้งกอดยุทธที่ยังนอนสะอึกสะอื้น
“แม่... แม่จ๋า แม่ไปไหนมาอะ ฮึฮึฮึ” เสียงยุทธตื่นมาเห็นกับแม่ของตน ทั้งที่ยังสะอื้นอยู่
“แม่ไปทำธุระมาหนะ แม่ไปหาคนคนหนึ่งมา” เสียงซ่อมเครื่องและเสียงผู้ชายเสียงดังหน้าบ้านแม่ชั้น คือ เสียงของแสงจันทร์ที่กำลังซ่อมรถแบคโฮ และ รถพ่วง เครื่องมือทำมาหากินหลังจากไม่ได้ใช้นาน
“ไปดูสิว่าใครมา” ผึ้งชวนลูกที่นั่งสะอื้นอยู่
“ใครหรอครับแม่” เด็กน้อยเห็นชายคนหนึ่งยืนบนรถแบคโฮ
“ไอ้หนู มาหาพ่อสิลูก“ แสงจันทร์เรียกลูกที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยตั้งแต่เกิด
เด็กน้อยวิ่งไปหาพ่อของตน แสงจันทร์วิ่งลงมาดูหน้าลูกชัดๆ และ กอดหอมลูกด้วยความรักและคิดถึง
“เคยเห็นแต่ไม่รูป วันนี้พ่อได้กอดเอ็งจริงๆแล้วนะไอ้หนู” แสงจันทร์และผึ้งน้ำตาคลอที่วันนี้ พ่อแม่ลูก ได้มาอยู่รวมกันจนครบ ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ไม่กี่ปีสำหรับใครบางคน แต่สำหรับครอบครัวแล้ว ไม่มีใครอยากห่างจากครอบครัวตัวเองนานขนาดนี้เลย
แสงจันทร์กลับมาทำอาชีพเก่า เขากลับมามีความสุขกับครอบครัวอีกครั้ง ชีวิตเหมือนการเริ่มต้น1ใหม่อีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้เริ่มคนเดียว เขามีครอบครัว เขาเริ่มรับงานขุดดิน ขุดคลองจากลูกค้าเก่า และ ลูกค้าใหม่ที่เริ่มรู้จักและเขาเริ่มสร้างจากบ้าน แล้วไปรถ ตอนนี้แสงจันทร์จากชายเจ้าชู้เขากลายเป็นคนที่รักครอบครัวมากขึ้น ไม่ใช่แค่ผึ้งและยุทธ แต่รัตน์ ภรรยาคนแรกที่หย่ากันไป และลูกๆทั้งสองที่เพชรบุรี แสงจันทร์ก็ไปหาและนอนค้างด้วยทุกสัปดาห์ ชีวิตของแสงจันทร์ตอนนี้ เขาได้รับความเข้าใจจากโชคชะตา เพราะความรับผิดชอบของเขาเอง เมื่อมีกิจกรรมรวมญาติแสงจันทร์ก็จะพาลูกและภรรยาไปเยี่ยมพี่น้อง พ่อและแม่ของเขาที่ จ.ราชบุรีทุกครั้ง
“แม่ ป๊า สวัสดีครับ” แสงจันทร์ก้มกราบแม่และป๊าหลังจากที่มาเยี่ยมครั้งแรก
“หลานย่า มาให้ย่ากอดหน่อยสิ” ย่าโม่ย ย่าที่ไม่เคยเจอหน้าหลานเรียกยุทธ และ จากที่ไม่เคยชอบสะใภ้เด็กอย่างผึ้งก็กลับดีด้วยเมื่อลูกสะใภ้มีหลานชายให้ ตามคติของคนจีน
ดูเหมือนบ้านของป๊าและแม่ของแสงจันทร์ที่เป็นอาคารพาณิชย์ดูเล็กไปสำหรับหลานๆ ยุทธ บิว เบส บอย โบ มิ้น ตวง หลานชาย-สาววิ่งเล่นกันบนห้องนอนชั้น 3 ที่มีเตียงหลายเตียงที่นอนรวมกัน
“เราโทรสั่งพิซซ่ามากินกันไหม” เบสหลายชายคนโตรองจากบอยถาม
“เอาสิๆ อยากกินพิซซ่า” ทุกคนเห็นด้วยกับเบส
“สั่งพิซซ่าหน่อยครับ” เบสพูดกับเสียงในสายและเงียบไป
“เป็นไงบ้าง พิซซ่าได้ไหม” โบเด็กหญิงผมสั้น ท่าทางห้าวๆถาม
“เขาบอกว่าเป็นตำรวจหวะ” เบสตอบ
“ไอ้เบสมึงโทรหาตำรวจทำไม มึงถูกจับแน่เราไปซ่อนกันเถอะ” มิ้นน้องที่อายุน้อยเกือบสุดพูด
ทุกคนวิ่งไปชั้น 1 และเล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง ผู้ใหญ่ทุกคนหัวเราะ อาเล็กน้องสาวของแสงจันทร์พูดขึ้นมา
“เขาไม่มาจับเด็กๆหลอกจ้า นอกจากพวกเราจะเป็นเด็กดื้อถึงจะโดนตำรวจจับ พวกเราดื้อไหมหละ”
“ไม่ครับ/ค่ะ” ลิงน้อยตอบพร้อมกัน
“วันหลังจะกินอะไรก็บอกผู้ใหญ่นะ โดยเฉพาะมึงไอ้เบส” อาตุ้มพูดกับเบสลูกชายอย่างเสียงดุ
“โก๊ๆอย่าเพิ่งกลับ เอาลูกชิ้นไปก่อน” ตุ้มพูดกับแสงจันทร์ พร้อมหยิบถุงลูกชิ้น 2 กิโลกรัมที่ทำขายส่ง ให้แสงจันทร์นำกลับไปบ้าน ผึ้งก็รับและก็ขึ้นรถกลับบ้านกัน เมื่อมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว แต่ยุทธขอไปเลี่ยนกับพี่ๆที่บ้านแม่ชั้นต่อ จากนั้นยุทธก็เข้าไปเล่นน้ำในห้องน้ำกับพี่ๆอีก2คน ในตอนนั้นอากาศก็หนาวมากแล้ว จู่ๆยุทธ ก็เกิดอาการหนาวสั่นจน เกิดอาการชัก พี่ๆตกใจมาก แสงจันทร์พาลูกไปโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้บ้านที่สุด แต่การรักษาของหมอและพยาบาลไม่ทันใจแสงจันทร์ แสงจันทร์จึงต่อว่าหมอและรีบนำลูกย้ายโรงพยาบาลเร็วที่สุด เด็กชายได้รับการรักษาได้ทันแต่ก็ยังต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาล อาการที่เด็กชายเป็นก็เป็นเพราะปอดบวม ตอนนี้อยู่ในการดูแลของหมอแล้ว แสงจันทร์คงไม่ต้องห่วงอะไรมาก เด็กน้อยตื่นขึ้นมา สิ่งที่เห้นคือ ผึ้งที่ไม่ยอมนอนบนโซฟา แต่กลับขึ้นมานอนกอดลูกชายบนเตียง ดูเหมือนผึ้งจะเป็นห่วงลูกชายเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดจากน้ำมาก “พ่อ... ผึ้งฝันไม่ดีเอาซะเลย ผึ้งฝันแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว” 🍃☘️
“อะไรหรอผึ้ง”
“ผึ้งฝันเห็นลูกของเราเดินลงน้ำแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย น้ำที่ลูกลงไปมันไม่ลึกแต่ลูกของเราไม่กลับมาอีกเลยพ่อ” ผึ้งพูดพร้อมน้ำตาที่ไหล เพราะไม่ใช่ความฝันครั้งแรกที่ฝันแบบนี้
ความไม่สบายใจของแสงจันทร์ทำให้เขาต้องปรึกษากับซินแสที่รู้จัก ซินแสทำนายว่า...
“เด็กคนนี้จะโตขึ้นเป็นผู้ที่มีใจเมตตา แม้จะมีปีนักษัตเป็นเสือ แต่จะเป็นคนที่สงสารคนง่าย บุญและกรรมเท่ากันจนต้อง มีสุขและทุกข์ไปพร้อมกัน อายุ 13 แล้วให้พามาหาอั้วนะ ส่วนเรื่องความฝัน บางทีน้ำที่เห็นมันก็ไม่ใช่น้ำ แต่มันคือเบื้องลึกที่สุดของคน เมื่อถึงเวลาลื้อจะเข้าใจเอง”
เพื่อความสบายใจผั้งพยายามกันลูกชายไม่ให้อยู่ใกล้น้ำ ไม่ว่าจะน้ำที่คลองในสวน หรือ น้ำที่สวนของเพื่อนบ้าน
“ยายชั้น ยายชั้น เกิดเรื่องแล้ว” 😳
“เรื่องอะไรเจ้นา” จุ่นลูกสาวของยายชั้นถาม
“ก็ไอ้แฮดน้องชายมึงหนะสิ โดนรถเหยียบหัวที่งานบวชฝั่งนู่นนะ”
ทุกคนรีบวิ่งกรูไปดูลูกชายสติไม่ดีของยายชั้นที่ไปเที่ยวงานบวช ยายชั้นล้มทั้งยืนแต่ไม่กล้าเป็นลม เพราะสถาพศพของแฮดนั้นคือหัวที่เละจากการโดนรถทับแต่ตัวยังดิ้นด้วยความทรมานก่อนสิ้นลม
“ช่วยลูกชั้นด้วย ช่วยลูกชั้นด้วย ใครก็ได้ช่วยลูกชั้นด้วย” ยายชั้นเรียกให้คนแถวนั้นช่วยแฮ็ดทั้งที่รู้ว่าช่วยไม่ได้แล้ว นอกสียจากเก็บศพที่สถาพไม่เป็นชิ้นส่วนไปเท่านั้นเอง แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าลูกชายของตนนั้นตอนนี้กลายเป็นศพไปเสียแล้ว
แฮ็ดคือลูกชายสติไม่ดีของชั้นที่มีความรักต่อยุทธ หลานชายมากเช่นเดียวกัน หลังจากงานศพของแฮ็ดได้ไม่นาน ใสลูกชายีอกคนของชั้นก็ล้มป่วยลง
“ข้าอยากเจอไอ้ออด ข้าอยากกอดมัน” ใสกล่าวว่าอยากเจอหน้ายุทะ หลานที่รัก
“ลุงใส ลุงใสไม่สบายหายหรือยังจ๊ะ”
“ไอ้ออดกูไม่มีอะไรจะให้มึงหรอกนะ กูไม่มีลูก ไม่มีเมีย แต่กูมีมึงกูเป็นห่วงและรักมึงมากนะ” ใสพูดก่อนที่จะจากโลกนี้ไป
ดูเหมือนคนรอบตัวของยุทธจะถุกเวลา ขโมยชีวิตไปเสียหมด
ตอนที่ 5. ปักหมุดรอไว้ค่ะ 📝📒
โฆษณา