26 ธ.ค. 2020 เวลา 12:07 • นิยาย เรื่องสั้น
(3.กาลเวลาสอนให้เราสู้)
“พล... เฮียขอโทษนะ นี่คงเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ผมจะรอให้ลูกและเมียแกมารับได้” ชายคนหนึ่งพูดกับรูปของโสภณ หลังจากที่โสภณประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตด้วยรถมอเตอร์ไซต์ฮาเลย์ของเขา ขณะออกตามสมจิตรที่บ้าน ซึ่งสมจิตรเองก็รู้ว่าอดีตสามีของตนนั้นตายแล้ว แต่ก็ไม่สามารถมาร่วมงานศพ หรือ มีสิทธิ์อะไรในทัพย์สินของโสภณ เพราะไม่ใช่ภรรยาที่สมรสกันตามกฎหมาย และผึ้ง ลูกสาวของตนก็ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกในตอนที่โสภณตายจึงไม่มีสิทธิ์ในมรดก อาม่าผู้เป็นแม่ของโสภณนั้นได้ให้พี่ชายของโสภณเป็นผู้จัดการมรดก จนสามารถนำทรัพย์สินไปขยายธุรกิจที่บ้าน และ ส่งลูกหลานไปเรียนที่อเมริกาทุกคน เหลือเพียงผึ้ง... ทายาทของโสภณที่สมควรจะได้รับสิทธิ์ในทรัพย์สินของพ่อเธอหากพ่อเธอนั้นไม่จากไปเสียก่อน
ในคืนหนึ่งขณะที่แสงจันทร์และผึ้งกำลังพักผ่อนกันอยู่ ก็มีเสียงงัดประตูดังขึ้น แสงจันทร์และภรรยาจึงตื่นขึ้นมาและได้เห็นร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้อง
“วันนี้กูจะเอามึงให้ตายให้ได้” เทพน้องชายของแสงจันทร์พูดขึ้นด้วยความโมโหหลังจากมีปากเสียงกับพี่ชาย และหวังจะเอาชีวิตพี่ชายด้วยมีดในมือ
“มึงอย่าทำอะไรนะไอเทพ กูไม่อยากทำร้ายน้องตัวเอง”
“มึงไม่ใช่พี่ชายกูอีกต่อไป มึงและเมียมึงจะต้องตาย” เทพวิ่งเข้ามาทำร้ายแสงจันทร์และเมีย
“ปั๊ง!!!” เสียงปืนจากที่นอนของแสงจันทร์ดังขึ้น เทพไม่ทันคิดว่าสงจันทร์นั้นซุกปืนไว้ตรงข้างที่นอน เพราะการทำงานเกี่ยวกับการรับเหมาแสงจันทร์จะต้องคอยเตรียมการเพื่อภัยในอนาคตเสมอ
แสงจันทร์ตกใจมากที่ยิงน้องชายของตนตาย แต่ถ้าไม่ทำภรรยาและลูกในท้องก็ต้องเดือดร้อนจากเรื่องส่วนตัวของตนเองสิ่งที่แสงจันทร์ตัดสินใจทำ เขาจะรับผิดชอบด้วยตัวเอง
“ผึ้ง ผึ้ง!!!” แสงจันทร์เรียกสติภรรยาของตัวเองที่กำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แสงจันทร์ดึงมือภรรยาของตนวิ่งข้ามศพเทพออกจากบ้านที่เกิดเหตุ
เมื่อตำรวจมาถึง แสงจันทร์ก็ไม่ได้หนีไปไหน และพร้อมจะไปให้การพร้อมกับตำรวจแสงจันทร์นั้นพยายาทให้เหตุผลการยิงเทพว่าเพื่อป้องกันตัว แต่ตำรวจนั้นก็ไม่เชื่อแสงจันทร์ เพราะการที่มีปืนไว้ข้างที่นอนเหมือนกับการที่แสงจันทร์จะรู้ว่าเทพจะเข้ามาหาที่บ้าน เหมือนเป็นการเตรียมการที่จะยิงเทพ แสงจันทร์ถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย แต่การให้การที่เป็นประโยชน์ การยอมรับความผิดและไม่คิดที่จะหนีของแสงจันทร์นั้นทำให้เขาได้รับการลดโทษการจำคุก
เมื่อสามีที่เป็นเสาหลักของบ้านถูกดำเนินคดีและจำคุก ผึ้งจึงต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองต้องกลับไปอยุ่บ้านพ่อและแม่ หารับจ้างทำเกษตรกรรม และช่วยพ่อแม่ของเธอทำไร่นาเหมือนที่เคยทำ รายได้ก็พอดูแลตัวเอง แต่หากลูกเกิดมาแล้วเธอจะทำรายได้เท่านี้ไม่มาก โชคดีที่ผึ้งนั้นมีคนรักมาก เมื่อลูกของเธอเกิด เธอได้ตั้งชื่อให้กับลูกว่า “ยุทธ” เป็นชื่อที่แสงจันทร์ชอบมาก เพราะเป็นชื่อของเพื่อนรักเขาที่เป็นคนดี และ ได้จากโลกนี้ไปแล้ว เขาอยากให้ลูกชื่อเดียวกับเพื่อนที่ขยันและเป็นคนดีของเขา เมื่อคลอดลูกแล้ว ผึ้งก็ไม่สามารถที่จำทำรายได้เท่าเดิมของเขาให้มันเพียงพอต่อเขาและลูกได้อีกต่อไป ถึงขั้นไม่มีเงินที่จะซื้อผ้าอ้อม และ นมให้กิน จึงตัดสินใจที่จะฝากยุทธ ไว้กับชั้นผู้เป็นแม่ (ยาย) ของตนเลี้ยงดูและจะเดินทางไปทำงานที่ระยองเพื่อที่จะได้มีเงินส่งให้ลูกและแม่ของตน
พี่น้องของสมจิตรผู้เป็นยายของยุทธนั้น ดูเหมือนจะชอบยุทธและรักเขามาก แต่สมจิตรนั้นไม่ว่าจะลูกหรือหลานก็ไม่มีสิทิเข้าไปกอดไปเลี้ยงดูเนื่องจากสามีใหม่ของตน คนที่รักยุทธมากที่สุดก็คงจะเป็นซุ่ย และ ชั้น ผู้มีศักดิ์เป็นทวดของยุทธ ยุทธนั้นเป็นเด็กที่ร่างกายอ่อนแอ ป่วยบ่อยจึงได้ชื่อเล่นจากซุ่ยผู้เป็นทวดว่า “ไอ้ออด” มาจากคำว่า “ออดๆแอดๆ”
“กูอยากเจอไอ้ออดให้มันเข้ามาหากูหน่อย” ซุ่ยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนั้นพูดกับลูกๆที่นั่งอยู่ในห้องกับเขา
“ก๋งๆ” เด็กชายที่ยังพูดไม่ได้เป็นประโยคเรียกทวดของเขา
“เอ้อ มึงนะโตขึ้นต้องเป็นคนที่แข็งแรงนะ อยู่เป็นเพื่อนแม่มึง(ชั้น) เป็นเด็กดีของพี่ป้าน้าอานะ” ซุ่ยจับมือไอ้ออด เหลนชายที่ตนนั้นเลี้ยงมา และมือเขาก็หลุดจากมือไอ้ออด
เด็กชายไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าก๋งนั้นเป็นอะไร และ ก๋งไปไหน ญาติผู้ใหญ่รวมถึงแม่ชั้นที่เลี้ยงเขามาก็จะบอกว่า “ก๋งอยู่บนสวรรค์”
“ด้านหน้าด้านใน ด้านซ้ายด้านขวา ซาลาเปาขนมจีบมาถึงบ้านท่านแล้วครับ”
“แม่ หนูอยากกินขนมจีบ” เด็กน้อยนั้นอยากกินขนมจีบซาลาเปาที่เขาชอบ
“กูไม่มีตังซื้อหรอกนะวันนี้” แม่ชั้นพูด
“ไอ้ออดๆ มานี่ป้าซื้อให้” ป้าลักษณ์แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันของแสงจันทร์เรียกหลานด้วยความเอ็นดูหลาน
“ฮ่าๆๆ ไอ้ออด มึงไปใส่กางเกงก่อน วิ่งกระโปกแขว่งมาเชียว” ป้าลักษณ์หัวเราะเด็กชายที่วิ่งมาด้วยความดีใจ จนลืมใส่กางเกง และพูดด้วยภาษาชาวบ้าน
ทุกๆวัน เมื่อรถขนมจีบซาลาเปามา “หลิว” ลูกพี่ลูกน้องของผึ้งที่กำลังเรียนหนังสืออยู่นั้นจะแบ่งเงินจากโรงเรียนมาให้ยุทธซื้อขนมจีบซาลาเปา
“แม่ วันนี้มีลิเกหน้าบ้านเราหนูอยากไปดูลิเกหนูอยากรำ” เด็กน้อยไปหยิบผ้าถุงของแม่ชั้นมาสวมและรำ ชั้นเองนั้นเป็นผู้หญิงที่นอกจากเรื่องอาหารที่ทำได้อร่อยตามแบบของผู้หญิงไทยแล้ว เรื่องการละเล่นการรำก็พอเป็นบ้าง ถึงจนจะแก่ไปมากแต่ก็ยังพอที่จะสอนเหลนได้
“ไอ้ออดมึงทำอะไร! มึงอยากเป็นกะเทยหรือยังไง ถ้ามึงไม่ถอดผ้าถุงออกกูจะตีมึง!” ยายแดงผู้ที่ช่วยชั้นเลี้ยงหลานมานั้นรู้สึกไม่พอใจ และหยิบไม้ไล่ตีหลาน แต่ก็ทำใจตีไม่ลง ได้แต่ดุ และสั่งให้ถอด
-ติดตามตอนต่อไป- 📒📝
โฆษณา