29 ธ.ค. 2020 เวลา 12:59 • ปรัชญา
สมัยก่อนเวลาออกไปทานข้าวนอกบ้าน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด ภาพที่เห็นแล้วรู้สึกมีความสุขทุกครั้งคือภาพครอบครัว พ่อ แม่ ลูก บางครั้งก็มีปู่ย่าตายายด้วย ยกขบวนมาทานข้าว และพูดคุยหยอกล้อกันอย่างอบอุ่น
แต่ทุกวันนี้ ภาพแบบนั้นเริ่มหาดูยากขึ้นทุกที เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่ชวนกันมา "แฮงเอาต์" เป็นกลุ่ม ๆ โต๊ะไหนมีลูกหลานวัยรุ่นมากับครอบครัวก็จะเห็นเด็กหนุ่มสาวเหล่านั้นก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับเครื่องมือสื่อสารจนแทบไม่เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาด้วยกันเลย
หนักไปกว่านั้น คือบางครอบครัวนั่งอยู่ด้วยกันแท้ ๆ แต่ทุกคนเอาแต่พูดโทรศัพท์ พอเลิกพูดก็จิ้ม ๆ ๆ กด ๆ ๆ ไม่ก็อ่าน ๆ ๆ เจ้าอุปกรณ์ไฮเทคที่อยู่ในมือ หรือบางทีปากคุยก็จริงแต่ตากลับจ้องอยู่บนจอตรงหน้า เห็นแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่าการได้ใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัวซึ่งเป็นคนที่มีความหมายมากที่สุดในชีวิตนั้น ไม่มีความหมายหรืออย่างไร ถึงได้ปล่อยให้ช่วงเวลาดี ๆ ที่มีคุณค่าซึ่งไม่มีวันย้อนคืนกลับมาผ่านไป (เสียอย่างนั้น!)
อันที่จริงการที่ไม่ค่อยได้เห็นลูกหลานจูงมือพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ออกมาเที่ยวนอกบ้านเหมือนแต่ก่อน ทำให้รู้สึกโหวง ๆ ในใจมากพออยู่แล้ว แต่การได้เห็นบางครอบครัวมาด้วยกันแต่ไม่สนใจกันเลย และเห็น " วั ต ถุ ไ ร้ ชี วิ ต " ในมือมีความหมายมากกว่าคนที่มีชีวิตจิตใจซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า กลับทำให้รู้สึกสะท้อนใจยิ่งกว่า
จะมีใครฉุกใจคิดไหมว่า วัตถุสิ่งของนั้นถ้าเราหยุดใช้ และเก็บมันไว้ตรงไหน พรุ่งนี้มันก็จะยังอยู่ตรงนั้น แต่คนที่อยู่กับเราในวันนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่มีใครรู้เลยว่าพรุ่งนี้เขาจะยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า
บางที. . . แค่เพียงเสี้ยววินาที เขากับเราก็อยู่กันคนละโลกเสียแล้ว!
อย่ามัวทุ่มเทเวลาให้กับจอสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบตัวเลย ไม่ว่าจะเป็นจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ ไอแพด ไอโฟน ฯลฯ เพราะรายการดีแค่ไหนก็ยังดูย้อนหลังได้ แต่เวลาดี ๆ ไม่มีทางย้อนกลับมา หันมาใส่ใจ และให้เวลากับคนในครอบครัวให้มากขึ้นดีกว่า เพราะการมีเขาในวันนี้ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้จะยังมีเขาอยู่
อย่าปล่อยให้คนที่เรารักจากไป โดยคิดว่าเราไม่รัก
อย่าปล่อยให้คนที่รู้จักจากไป โดยคิดว่าเราไม่สนใจใยดี
มาช่วยกันสร้างความรู้สึกดี ๆ ด้วยการบอกลาไอที (เสียบ้าง) แล้วบอก "ไอเลิฟยู" ให้บ่อยขึ้นดีกว่า
#บอกลาไอทีไป [บอกไอเลิฟยูบ้าง]
• • • • •
อุษาวดี สินธุเสน
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่มา : หนังสือ "คิดเป็นโลกเปลี่ยน"
โฆษณา