4 ม.ค. 2021 เวลา 04:50 • การตลาด
SOC Specialty Coffee
เจาะหากลยุทธ์การตลาด
เพื่อความอยู่รอดของร้านกาแฟอินดี้ในหน่วยงานงานราชการ
ร้านกาแฟอินดี้หรือร้านกาแฟที่ขายกาแฟคุณภาพ ที่อยู่ในหน่วยงานราชการต่างๆ
เหมือนดังเช่นร้าน SOC Specialty Coffee ซึ่งตั้งอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ซึ่งนอกจากจะถูกต้องรายล้อมไปด้วยร้านกาแฟเซนต่างๆ แล้ว ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน และยังจะมีผลกระทบกับธุรกิจที่เป็นอยู่อย่างไร ดูเหมือนว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างร้านกาแฟพิเศษกับร้านกาแฟ
แฟรนไชส์ ที่จะต้องดึงดูดลูกค้าเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ในสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจอย่างที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
SOC Specialty Coffee ของพี่เปรม ธนันท์ กลันทกพันธุ์ ร้านกาแฟอินดี้ที่มีอยู่เพียงร้านเดียวที่เปิดอยู่ในพื้นที่ราชการอย่างที่ทำเนียบรัฐบาล ร้านของพี่เปรมนับว่าเป็นร้านแรกที่เปิดในทำเนียบรัฐบาล จากโครงการให้เช่าพื้นที่ในอาคารเก่าตึกแดงของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ.2545 ในช่วงเวลานั้น ธุรกิจร้านกาแฟยังไม่เติบโตเหมือนในวันนี้ พี่เปรมจึงตัดสินใจที่จะลองเปิดร้านกาแฟร้านนี้ขึ้นเมื่อปี 2548
โดยที่ยังไม่ได้ลาออกจากงาน ก่อนที่จะมีร้านกาแฟเซนต่างๆ เข้ามาเปิดอีกหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างก็มีกลยุทธ์การทำตลาดที่ชัดเจนและแม่นยำ
เดิมทีพี่เปรมเป็นเจ้าหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดูแลงานด้านการประท้วงของมวลชนเป็นหน้าที่หลัก ช่วงที่ไม่มีเหตุการประท้วง พี่เปรมก็พอมีเวลาว่างเพื่อลงมาดูแลร้านกาแฟของตัวเองอยู่บ้าง ทำให้เมื่อลูกค้าเข้ามาสั่งกาแฟก็จะเดินเข้ามาแล้วบอกให้พี่เปรมเป็นคนชงกาแฟให้กิน ทำให้พี่เปรมกลับมานั่งคิดว่าทำไมลูกค้าถึงเลือกที่จะเดินเข้ามาหาเขามากกว่าบาริสต้าหน้าบาร์ ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้จำเป็นต้องจัดสรรเวลามาชงกาแฟให้กับลูกค้าด้วย ทำให้พี่เปรมตัดสินใจลาออกจากงานประจำในช่วงปลายปี 2563 แล้วมาเป็นบาริสต้าดูแลลูกค้าด้วยตัวเองอย่าง
เต็มที่ ซึ่งการตัดสินใจลาออกจากงานโดยไม่ลังเลในครั้งนี้ พี่เปรมบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเต็มใจกับมัน
“ความสุขของพี่คือการทำกาแฟให้ลูกค้าชอบ ชอบในแบบที่เรานำเสนอ อย่างเช่นเรามีกาแฟตัวหนึ่งที่เราชอบ แล้วเรานำเสนอลูกค้าไป ก็อยากให้ลูกค้าชอบในกาแฟที่เรานำเสนอ สังเกตที่เขามีรอยยิ้ม แล้วคุยกันว่าเป็นรสชาติที่ดี โดยที่แอบได้ยินหรือเขามาบอกเรา แค่นี้พี่ก็ความสุขแล้ว”
กลยุทธ์การตลาดของ SOC Specialty Coffee
ตอนนี้ในทำเนียบรัฐบาลมีร้านกาแฟอยู่ทั้งหมด 5 แห่ง ซึ่งก็รวมถึง SOC Specialty Coffee ด้วย ในร้านอื่นๆ ก็จะมีกาแฟที่เหมือนกันในเกือบทุกสาขา เพราะเป็นมาตรฐานของการเปิดร้านกาแฟแบบเซนอยู่แล้ว แต่ร้านของพี่เปรมนั้นจะมีเมล็ด
กาแฟพิเศษให้เลือกมากกว่า มีเกรดของเมล็ดกาแฟไว้ให้ลูกค้าเลือกตามความชอบและมีเมล็ดกาแฟใหม่ๆ เข้ามาสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ตลอด มี SOC Blend (บราซิล ไทย กัวเตมาลา เอธิโอเปีย) มีเมนู Signature ซึ่งเป็นความพิเศษของร้านความสนใจในรายละเอียดต่างๆ ตั้งแต่เมนู เมล็ดกาแฟ โรงคั่วกาแฟ กระบวนการ
Process หรือแม้แต่ต้นน้ำอย่างเกษตรกร สิ่งเหล่านี้คงจะเป็นเทคนิคทางการตลาด
ที่จะใช้ในการนำมาชูเป็นจุดเด่น และสร้างความแตกต่างของ SOC Specialty Coffee ได้ และถึงแม้ว่าราคาขายกาแฟที่นี่จะสูงกว่าร้านอื่นที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลก็ตาม แต่ลูกค้าต่างก็เข้าใจว่ามันแลกมาด้วยกาแฟคุณภาพและรสชาติที่ดี คุ้มกับ
ราคาที่ต้องจ่ายไป จึงทำให้ข้าราชการที่ทำงานอยู่ทำเนียบฯ เอง หรือข้าราชการจากหน่วยงานอื่น ก็จะกลับมาที่ร้านอีกครั้งเสมอ จนกลายมาเป็นลูกค้าประจำ
SOC Specialty Coffee เป็นตัวอย่างของการพยายามคิดหาความต่างจากร้านกาแฟอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใส่ใจในการเลือกโรงคั่วที่จะส่งเมล็ดกาแฟเข้ามาใช้ที่ร้าน เมล็ดกาแฟที่มีให้เลือกมากมาย ความใส่ใจที่มีต่อลูกค้า สามารถให้ความรู้และตอบข้อสงสัยในเรื่องของกาแฟได้ ข้อแตกต่างทั้งหลายเหล่านี้ น่าจะเป็นสิ่งที่สามารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดีในการตัดสินใจเลือกที่จะเดินเข้ามา
“พี่คิดว่าร้านกาแฟทุกร้านดีเหมือนกันหมด อยู่ที่จริตของคน ชอบกินแบบไหน รสชาติอย่างไร มันต้องผ่านการศึกษาและมีประสบการณ์ พี่ทำร้านกาแฟในทำเนียบมานาน ก็ต้องรู้ว่าคนในทำเนียบเขาชอบกินกาแฟแบบไหน พี่ถึงสามารถยืนมาได้จนถึงปัจจุบันนี้”
พลิกสถานการณ์ทางการเมืองให้เป็นโอกาส
ยิ่งในสถานการณ์การเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเราอาจคิดว่ามันจะทำให้สถานการณ์ของ SOC Specialty Coffee ต้องแย่ตามไปด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันกลับไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด
 
“ไม่ใช่ว่าไม่ต้องรับมือกับอะไรเลย พี่กลับต้องรับมือกับลูกค้าที่เข้ามาในร้านเพิ่มมากขึ้นกว่า 2-3 เท่าตัว เพราะสถานการณ์มันทำให้ร้านกาแฟมียอดขายสูงขึ้นว่าที่พี่คิด คงเป็นเพราะร้านมันอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ก็จะมีตำรวจเข้ามาอยู่ในทำเนียบเพิ่มมากขึ้น จากตำรวจสันติบาลที่มีประจำอยู่แล้ว 1 กองร้อย หรือประมาณ 150 คน แต่เมื่อ
เกิดสถานการณ์การประท้วงที่เป็นแบบนี้ ก็มีคำสั่งให้นำกำลังตำรวจเข้ามาประจำการเพิ่มอีก 2 กองร้อย หรือประมาณ 300 คน ที่เข้ามาอยู่ในทำเนียบ ทำให้ร้านขายกาแฟได้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเคยทำยอดขายได้สูงสุดถึง 600 แก้วต่อวัน”
 
มันเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสอย่างแท้จริง แต่อนาคตก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจ หรือบ้านเมืองมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ไม่มีใครรู้ได้พี่เปรมก็ยังคงมีแผนธุรกิจที่ต้องเตรียมไว้อยู่เสมอเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า SOC Specialty Coffee ที่ตั้งอยู่ในอาคารเก่าตึกแดงแห่งนี้ ผ่านประวัติศาสตร์การเมืองมาหลายช่วงเวลา จนเข้าใจวิธีดำรงอยู่ให้รอดในปัจจุบัน
เรียนรู้และพัฒนา
ตอนนี้โลกของกาแฟเติบโตอย่างก้าวกระโดด คนหันมาใส่ใจในรสชาติของกาแฟมากขึ้น พี่เปรมจึงคิดวางแผนในอนาคตไว้หลายๆ อย่าง ทั้งการเรียนรู้เพิ่มเติม หรือการจัดหาเครื่องคั่วกาแฟมาคั่วใช้เองในร้าน
 
“เพราะอยู่ในวงการกาแฟมานาน กาแฟก็ขายได้ดีมาตลอด ถ้าเราเปิดร้านสักร้านหนึ่งแล้วมันอยู่ได้ ไม่ต้องไปเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมก็ได้ แต่วันนี้โลกของกาแฟมันโตขึ้น มีกาแฟพิเศษมากขึ้นในประเทศของเรา พี่เลยต้องออกไปหาความรู้ เพราะเดี๋ยวนี้ลูกค้ารู้เรื่องกาแฟมากขึ้นและเก่งกว่าคนขายอีก
พี่อยากจะนำเสนอกาแฟที่พี่ชอบ ถ้าลูกค้าชอบด้วยก็ดีใจ ถือว่ามันมาถึงปลายทางที่ดี สิ่งที่เราต้องมองปลายทางคือลูกค้าดื่มกาแฟเราแล้วชอบ แต่มันต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้ารู้สึกว่าแค่ชอบไม่พอ แค่อร่อยไม่พอ เขาต้องได้รู้ในสิ่งที่เขาชอบจริงๆ และการที่เขาได้ลองชิมกาแฟในแต่ละ Process มันจะทำให้เกิดการเปรียบเทียบ และรู้
ว่าชอบอะไรมากที่สุด แล้วกาแฟมันจะไม่ตาย”
ตลอดระยะเวลาที่พี่เปรมเปิดร้านมากว่า 15 ปี สิ่งที่เขามองเห็นคือ 5 ปี หลังที่ผ่านมา เกิดผู้ดื่มกาแฟทั้งในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานที่เริ่มศึกษาและให้ความสำคัญ เข้าใจโลกของกาแฟมากยิ่งขึ้น เกิดความหลงใหลในกาแฟ กาแฟเติบโตขึ้นมากและรวดเร็ว อย่างเช่นการเกิดขึ้นของร้านกาแฟภายในทำเนียบรัฐบาลที่มีถึง 5 ร้าน แม้แต่การปลูกกาแฟในประเทศไทยที่มีคุณภาพดีมากขึ้น เกษตรกรเข้าใจในขั้นตอนการ Process ทำให้พัฒนาไปได้ไกลยิ่งขึ้น ก็เป็นรูปแบบการแข่งกันในอีกรูปแบบหนึ่งเช่นเดียวกัน
“พี่มองกาแฟเป็นโลกหนึ่ง เป็นโลกใหม่ที่กำลังทำให้คนเกิดการเรียนรู้ สามารถเกิดการพัฒนาตัวเราในหลายๆ ด้าน ทำให้เรามีกระบวนการคิดที่ดี สิ่งที่ดีนี้ก็จะตอบไปถึงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ และจนมาถึงลูกค้า มันต้องดีตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพราะปลายทางของเราก็คือลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนกลับมาให้เรา
มองเห็นถึงการเติบโตของเรา”
ร่วมเดินทางท่องโลกไปกับเราทั้งรูปแบบนิตยสารและออนไลน์
ติดตามข้อมูลข่าวสารความรู้ด้านกาแฟได้ตามลิงก์ด้านล่าง
โฆษณา