11 ม.ค. 2021 เวลา 03:38 • หนังสือ
สรุปหนังสือ | หนังสือเสียง 12 | วิธีรับมือกับตัวเขมือบความตั้งใจในตัวคุณ โดย Marco Von Munchhausen
....เวลาเราทำอะไร มักมีตัวมาขวางความตั้งใจ การผัดวันประกันพรุ่ง เสียงโต้แย้งต่างๆ เหล่านี้ เรียกว่า..... ตัวเขมือบ
....ซึ่งเราสามารถฝึกฝนให้มันเชื่อฟังและสนับสนุนเราได้ แต่เราต้องยอมรับก่อนว่ามีมันอยู่ เรียนรู้ที่จะรับฟัง เข้าใจ แบ่งพื้นที่ให้มัน จำกัดขอบเขตมันบ้าง
....หนังสือเล่มนี้เผยเทคนิคทางจิตวิทยาที่คนเยอรมันนับล้านใช้รับมือกับตัวเขมือบ และ ผลักดันให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้อย่างง่ายดาย
หนังสือเสียง 👉🏻https://youtu.be/g7aZFpE-9cU
กฏ20ข้อ ของตัวเขมือบความตั้งใจ
1. ถ้าเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ งานยากแค่ไหนก็ไม่ต้องทำ เช่น ทำไม่ได้หรอก ไม่มีใครทำแบบนั้น เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ ไม่ได้ผล ยากเกิน คือ ไม่อยากทำ ไม่กล้า สบายใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ (ไม่มีเวลาคือ เห็นอย่างอื่นสำคัญกว่า)
....เป็นปรากฎการณ์ความคาดหวังสร้างความจริง (Self-fulfilling prophecy) ยิ่งทัศนคติที่ไม่ดีต่อชีวิตมากเท่าไหร่ ยิ่งเอาความเป็นไปไม่ได้มาใช้บ่อยขึ้น
2. หน้าที่รับผิดชอบมาก่อนความตั้งใจอื่นๆเสมอ
....เอาหน้าที่มาเป็นข้ออ้าง เป็นการปฎิเสธความจริง คิดว่าเป็นการเสียสละ ช่วยให้ไม่ต้องกำหนดเป้าหมาย ไม่ต้องตัดสินใจเรื่องยากๆ ไม่ต้องเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ
3. ความเกรงใจบั่นทอนความตั้งใจ
....อยากให้คนอื่นรู้สึกดี จึงไม่เปิดเผยความต้องการของตัวเอง และ อดทนอยู่เงียบๆ คือความขี้ขลาด อาจอ้างศีลธรรมมาเป็นกรอบว่าควรทำ เคยทำ ไม่เหมาะสม
4. หลีกเลี่ยงการผูกมัด
....พูดลอยๆโดยไม่ผูกมัด หรือตั้งเงื่อนไข เช่น น่าจะ.....คงดีกว่านี้ถ้า.....น่าจะลอง....ใครสักคนควรจะ....
5. การผัดผ่อนประวิงเวลา
....เช่น อยากลดน้ำหนัก.....แต่ทำไม่ได้ เพราะต้องไปทำ.....ก่อน เป็นการผัดวันประกันพรุ่ง
6. ปลอบใจตัวเอง
....ไม่แย่ขนาดนั้น ....ไม่ใช่เรื่องใหญ่....ไม่สำคัญ....คนอื่นทำเหมือนกัน.....ไม่คิดว่าสำคัญขนาดนั้น.....คิดว่ามีเวลาอีกเยอะ
7. ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ก็ไม่ต้องทำ
....ทำไมต้องเป็นฉัน....เหมือนนกกระจอกเทศที่มุดหัวใต้ทราย ก็ปิดหูปิดตาไม่รับรู้ แต่อาจเสียใจเพราะพรุ่งนี้ไม่สามารถแก้ไขอะไรแล้ว
8. ธรรมเนียมปฎิบัติเดิมๆ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
....เราไม่เคยทำแบบั้นมาก่อน....เราทำแบบนี้มาตลอด....คิดว่าตัวเองเป็นใคร.....จะรู้ได้ว่าเป็นยังไงถ้าไม่ลองทำ
9. ปลอดภัยไว้ก่อน
....ไม่ยอมทิ้งชีวิตที่คุ้นเคยไปเสี่ยงกับอะไรที่ไม่เห็นอนาคต เช่น ....อย่าเสี่ยงเลย....อย่าหวังน้ำบ่อหน้า....อย่าหวังลมๆแล้งๆ
10. สบายอยู่แล้ว
.....ไม่คิดจะทำอะไรหากไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษ
11. ลองทำ
....ลองทำแต่ไม่ทำจริง เป็นคำพูดที่พวกขี้แพ้ชอบพูด คิดว่าอยากทำอะไรสักอย่างแต่มันไม่เหมาะ มีข้อจำกัดในบางเรื่อง เช่น ....ลองทำดู ...จะหาเวลาดู
12. ความไม่ชัดเจน
....เช่น ....มากกว่านี้ ....ดีกว่าเดิม....เมื่อไหร่เมื่อนั้น....อนาคตอันใกล้....จะหาเวลา...เร็วๆนี้ ....จะกินอาหารที่มีประโยชน์นี้
13. ไม่มีแผนงาน ไม่มีเส้นตาย
....ปล่อยความตั้งใจไปตามยถากรรม ยิ่งมีอิสระมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่ลงมือทำ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมระยะยาว
14. บ้าพลัง ทะเยอทะยานเกินไป
....เปลี่ยนแปลงมากไปไม่มีทางสำเร็จ หักโหมมากเกิน จะทำทุกอย่างเดี๋ยวนี้ ช่วงกระตือรือร้นเป็นเหมือนเฮอคิวลิส ให้วางแผนตามความจริง
15. ไขว้เขว
....เพราะรู้สึกกลัว หรือ รู้สึกยาก เราจะเหนื่อยกับงานที่คั่งค้าง ไม่ใช่งานที่ทำอยู่ เพราะไม่มีสิ่งใดบั่นทอนกำลังได้มากไปกว่าการไม่ทำอะไรเลย
....สิ่งที่ทำให้ไขว้เขวเช่น จัดของให้เป็นระเบียบ ....ทำความสะอาด....หาข้อมูลเพิ่ม....ขอทำอันนี้ก่อน....ตรวจสอบบางอย่าง....จัดเอกสาร
....รอให้มีอารมณ์ คิดว่าต้องรอให้มีแรงบันดาลใจ รอให้จังหวะเหมาะ คือ ไม่อยากทำ เพราะฉะนั้น แค่ลงมือทำ จดจ่อกับมันจะเกิดอารมณ์เอง
16. ทำบางอย่างด้วยความรู้สึกผิด ปล่อยการกระทำไปกับสิ่งยั่วยุ หรือ มีข้อยกเว้น
....ปล่อยมันทิ้งไป ....ปล่อยมันผ่านไป ....ปล่อยมันเป็นไป
....เราหลีกเลี่ยงสิ่งที่เรากลัว ลังเล หนีออกมาก เป็นกรณีพิเศษ แค่ครั้งเดียวไม่เป็นไร...มีครั้งแรก ...ก็มีครั้งที่สองตามมา ทำให้ต้องชดใช้ด้วยความรู้สึกที่แย่กว่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องไม่มีข้อยกเว้น
17. ยอมแพ้กลางคัน
....ตอนเริ่มเหมือนดี แต่พอเจอความลำบาก อุปสรรค ความกระตือรือร้นก็หายไป เช่น มันคุ้มจริงๆหรือ.....ไม่ใช่เรื่องที่เราถนัด....คิดดูว่าทำสิ่งนี้แล้วพลาดอะไรไปบ้าง....มันใช้ความพยายามมากเกินไป เพราะฉะนั้น เราต้องหนักแน่น เดินหน้าต่อ ต้องสู้ให้สำเร็จ (ยิ่งมีแรงกดดัน ยิ่งทำให้เราต่อต้านมากขึ้น)
18. มีคนล้มเลิกเหมือนกัน คนอื่นก็ทำเหมือนกัน
....เขาก็ทำ ...ใครๆก็ทำ เพราะฉะนั้น หากอยากเปรียบเทียบ ให้เปรียบกับคนที่จดจ่อแน่วแน่ยึดมั่นในเป้าหมาย
19. มองหาแพะรับบาป ..โทษคนอื่น
....เช่น....อากาศแบบนี้ใครจะไปทำได้.....ฉันต้องไปกินข้าวกับลูกค้า ....ห้ามใจตัวเองไม่ได้....โชคไม่เข้าข้างเรา....เป็นไปไม่ได้ที่จะสุขภาพดีในโลกทุกวันนี้....ฉันทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว....รู้สึกไม่มีทางเลือก....เราโยนความผิดให้คนอื่น จะไม่มีโอกาสเรียนรู้ โทษว่าเป็นปัจจัยภายนอก เราจึงไม่ต้องเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น เราต้องรู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไร ค้นหาสาเหตุที่เกิดจากตัวเรา ต้องรับผิดชอบ
20. คร่ำครวญ
....ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก ....ทุกครั้ง...ทุกอย่าง...ไม่เคย ....ไม่เคยทำอะไรสำเร็จทุกอย่าง
แก้โดย เขียนสิ่งที่เคยทำสำเร็จที่ผ่านมา
....เรามองว่า วินัย อดทน สำเร็จ การฝ่าฟันเป็นเรื่องดี การถอดใจ การเฉื่อยแฉะ เกลียดคร้าน จุดอ่อนอื่นๆ เป็นเรื่องเลวร้าย แต่การต่อสู้กับตัวเอง ใช้พลังมหาศาล เพราะฉะนั้นเราต้องรับมือตัวเขมือบด้วยความเข้าใจมันว่า เราไม่มีวันหนีตัวเขมือบได้พ้น และไม่สามารถขังตัวเขมือบไว้ได้ตลอด โดยใช้ชีวิตตามกฎเหล็กที่เข้มงวด แต่อย่าปล่อยให้ตัวเขมือบเข้ามาควบคุมทั้งหมด เราต้องมีจุดยืน และต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเขมือบด้วยการฝึกมันด้วยความเข้าใจ
1. ยิ่งเราต่อต้าน เรายิ่งต้องรับมือกับมันบ่อย
....ต้องรู้จักปล่อยวาง ยึดหลักการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เดินทางสายกลาง โดย
A: ควรให้ความสนใจมัน หากรู้สึกถึงข้อจำกัด โดยเฉพาะตอนที่ทำอะไรมากไป เราต้องใส่ใจตัวเองบ้าง
B: สอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน ทำตัวเป็นเด็กบ้าง ตามใจตัวเองบ้าง
C: วางขอบเขตให้ตัวเขมือบ เพื่อจดจ่อกับเป้าหมายได้
2. ปล่อยให้ตัวเขมือบชนะบ้าง มันก็จะปล่อยให้คุณชนะเช่นกัน
....ต้องรักษาสมดุลระหว่างความสบายกับความเอาจริง
....กุญแจสู่การบรรลุเป้าหมาย คือ การมองตัวเองอย่างตรงไปตรงมา มองโลกในแง่ดี ใช้ถ้อยคำเชิงบวก เพื่อให้เราเห็นทางออกและลงมือทำ เราต้องแปลความหมายสิ่งที่เราพูดออกมาให้ถูก เช่น ....ฉันทำไม่ได้หรอก คือ..ฉันไม่อยากทำ
....เราต้องเลือกใช้คำให้ถูกต้องกับสิ่งที่เราตั้งใจเพราะว่าส่งผลต่อแรงจูงใจ ความรู้สึกในการทำ เช่น ....สามารถ....อาจจะ....อยากจะ เพื่อให้รู้สึกว่าเราเป็นคนเลือกและจัดลำดับความสำคัญด้วยตัวเอง เป็นโอกาสแทนแรงกดดัน เช่น....แทนที่จะพูดว่าต้อง เป็น ....ฉันควร...ฉันน่าจะ ..ฉันอยากจะ...ฉันต้องการจะ..ฉันได้รับโอกาสให้ ...ทำให้รู้สึกซาบซึ้งที่มีโอกาสเข้ามาในชีวิต
....ถามตัวเองให้ถูก จะพบทางออก ทำให้มุมมองเปลี่ยน เช่น
ฉันทำไม่ได้ เป็น....อะไรคือวิธีที่ดีที่สุดในการทำสิ่งนี้
มันไม่ได้ผลหรอก เป็น....มีทางเลือกอะไรบ้าง
ฉันติดแหง็ก เป็น....ฉันจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรดี
ฉันไปไม่รอดหรอก เป็น....ขั้นแรกที่ต้องทำคืออะไร
....เปลี่ยนคำเรียกปัญหาและความยุ่งยาก เป็นคำที่นำไปสู่ความสำเร็จ
ปัญหา เป็น....ภารกิจ โอกาส
ความยุ่งยาก เป็น....ความท้าทาย โอกาสในการฝึกฝนตัวเอง
ความผิดพลาด เป็น....การชี้ทางสว่าง โอกาสในการเรียนรู้
ความล้มเหลว เป็น....ก้าวแรกสู่ความสำเร็จ
....จากการทดลองเรื่องมา์ชแมลโลว์ของ แดเนียล โกลแมน พบว่า เด็กที่สามารถหักห้ามใจจากความสุขระยะสั้นและเห็นแก่ประโยชน์ระยะยาวจะประสบความสำเร็จ
....ความสำเร็จไม่เกี่ยวกับเชาว์ปัญญา การคิดวิเคราะห์ แต่เกี่ยวกับการรับมือกับอารมณ์ของตนเอง และ ผู้อื่น คือ สามารถจูงใจตัวเอง ควบคุมตัวเองได้
กลยุทธสร้างแรงจูงใจของทฤษฎีเฮิร์ซเบิร์ก
1. เตะตูด
....การสร้างแรงจูงใจโดยกดดัน ขู่ ลงโทษ บีบบังคับ ขึ้นเสียง ตำหนิ ทำให้รู้สึกผิด เป็นการกดดัน ถีบตัวเองไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกผิด ตัวเขมือบจะรู้สึกว่าต้องการแก้แค้น และ ข้อเสียคือ ไม่สามารถทำได้ในระยะยาว
2. แครอต
....สร้างแรงจูงใจโดยใช้รางวัล โบนัส ผลประโยชน์ การเลื่อนตำแหน่ง คำชม การยอมรับ การชื่นชม ข้อเสียคือ แครอตที่ใช้ล่อมีจำกัด เราจะเบื่อ ไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติในระยะยาว
....การทำงานของสมองและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเรา คือ ความชอบ ผูกกับ 2 อย่าง คือ ความสุข และเลี่ยงความเจ็บปวด ...เป็นแรงขับ2ขั้ว เป็นกลยุทธตีขนาบ
...ผลดี ..สิ่งที่ได้ รู้สึกดี เมื่อทำสิ่งนั้นสำเร็จ จะรู้สึกสนุก ตัวเขมือบชอบ ในระยะยาว แรงจูงใจต้องใสจากความสุข ...อะไรที่ทำให้มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่
....ผลเสีย ความรู้สึกแย่ หากไม่สำเร็จ ยอมแพ้ หรือ ล้มเลิก สมองจะเลี่ยงความเจ็บปวดมากกว่าหาความสุข
....การโฆษณามีโครงสร้างแบบเดียวกับการตีขนาบ คือ ชีวิตจะแย่ขนาดไหน หากขาดผลิตภัณท์ของเรา....และ ชีวิตจะดีขนาดไหนด้วยสิ่งที่เรานำเสนอ
....ภาวะลื่นไหล คือ สนุกกับสิ่งที่ทำ ต้องมีสมดุลระหว่าง ความท้าทายกับความสามารถ
ความท้าทาย มากกว่า ความสามารถ = ท้อแท้ เครียด
ความท้าทาย น้อยกว่า ความสามารถ = เบื่อ
ความท้าทาย เท่ากับ ความสามารถ = สนุกสนาน ตื่นเต้น คือ ภาวะลื่นไหล จะถูกผลักดันให้ใช้ความสามารถเต็มที่ ก้าวข้ามขีดจำกัดตัวเอง
....กลยุทธ5ขั้น เพื่อเติบโตไปพร้อมกับตัวเขมือบ
1. ตัดสินใจแน่ชัด
....ความตั้งใจขึ้นกับความชัดเจนของการตัดสินใจ รู้ว่ากำลังทำอะไร นึกถึงผลลัพธ์ก็จะลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
โดย
....เขียนสิ่งที่ตั้งใจจะทำ โดยแยกเป็นสอ่งที่สำเร็จได้ภายในครั้งเดียว เช่น จัดห้อง กับ สิ่งที่ต้องอาศัยการเปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาว เช่น ลดน้ำหนัก
....แล้วพิจารณาว่า อยากทำ / เก็บไว้ก่อน
...เขียนข้อดี / ข้อเสีย ของการลงมือทำ
....เหตุผลที่ไม่ยอมเปลี่ยน เพราะไม่รู้จะเปลี่ยนให้สำเร็จได้อย่างไร คิดว่ายากแต่ความจริงง่ายกว่าที่คิด เพราะฉะนั้น รวบรวมข้อมูลที่จำเป็น หาเหตุผล หาวิธีที่ทำง่ายๆ
2. วางแผนสู่เป้าหมายให้ชัดเจน ...เป็นไปได้ ..มีกำหนดแน่นอน
ความตั้งใจจะเป็นไปได้ ต้องมีลักษณะ 5 ข้อ
A: เป็นไปได้จริง / ทำได้จริง
....เป้าหมายและความท้าทายสอดคล้องกับความสามารถ (หากเป้าหมายสูงเกิน ไม่ว่าแน่วแนาแค่ไหน ก็จะมีการต่อต้านเกิดขึ้นภายใน ความท้อแท้จะมา คิดว่าไม่มีทางสำเร็จ)
....หากมีเป้าหมายใหญ่ ต้องรู้สึกก่อนว่าทำได้จริง โดยให้ความรู้ที่จำเป็นกับตัวเอง และ ซอยเป้าหมายออกเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เป็นเรื่องที่ทำเสร็จในครั้งเดียว ทำทุกวัน (เหมือนจะกินช้าง ต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆกินทีละคำ) ช่วยลดแรงต้านภายใน และ เริ่มต้นง่ายถึงแม้แรงจูงใจไม่เยอะ ต้องให้รู้สึกว่า ฉันทำได้ ไม่มีอะไรมาขวางตอนเริ่ม (ถามตัวเองว่าจะทำยังไงให้รู้สึกว่าทำสิ่งนั้นได้ / ทำยัไงให้ก้าวแรกง่ายขึ้น)
B: ใช้คำพูดเชิงบวก (ไม่ใช้คำปฎิเสธ เช่น จะไม่กินข้าว)
....ต้องระบุสิ่งที่จะทำให้ชัดเจน ระบุสิ่งที่อยากทำจริงๆ เช่น ใช้คำว่า กลับบ้านตอน5โมงเย็นทุกวัน แทน คำว่า จะกลับบ้านเร็วขึ้น หรือ ทำงานน้อยลง
C: ชัดเจน / วัดผลได้ เช่น ท่องศัพท์วันละ 10 คำ
D: กำหนดเวลาที่ตายตัว (ให้เหมือนนัดออกเดท ต้องรู้เวลา สถานที่แน่นอน)
....กำหนดเส้นตายของเป้าหมายย่อยๆด้วย ให้จดลงปฎิทิน อย่าคิดวางแผนในหัว
โดยที่
....ต้องเผื่อเวลาเพิ่มยืดหยุ่น 30% เพราะเราชอบประเมินเวลาน้อยไป
....เผื่อเวลาพักให้เพียงพอ
....วางแผนให้รางวัลกับตัวเอง ว่ามีเรื่องดีๆรออยู่ช่วยสร้างแรงจูงใจ
....จัดลำดับความสำคัญ ทำเรื่องที่สำคัญสุดก่อน
....หมั่นนึกถึงความตั้งใจนั้นเอาไว้ นึกสิ่งที่ต้องทำบ่อยๆ
E: มีภาพผลลัพธ์ในหัวชัดเจน
....เพราะภาพในหัวกระตุ้นความรู้สึกได้ ยิ่งผลลัพธ์ชัด ยิ่งรู้สึกดี
....อย่าเอาเหตุผลมา เพราะไม่ได้ทำตามสมอง แต่ทำตามความรู้สึก
...จะได้ในสิ่งที่เราเห็น ถ่ายทำภาพยนตร์ในหัว เล่าเรื่องราว ขั้นตอนอย่างละเอียดที่สุด ยิ่งละเอียด ยิ่งเสร็จเร็ว และ ง่ายขึ้น
3. ลงมือทำ
แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงเริ่มต้น กับช่วงเดินหน้าต่อ
....ช่วงเริ่มต้น ก้าวแรกเป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุด ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ การคาดหวังให้สมบูรณ์แบบเป็นสาเหตุของการผัดวันประกันพรุ่ง ถึงแม้ไม่มีอารมณ์ก็ให้ลงมือทำ จะช่วยขจัดความหดหู่ และ อารมณ์แย่ๆ
....ช่วงเดินหน้าต่อ เคล็ดลับเล็กน้อยๆ
ก. อย่ายอมแพ้ เพราะอารมณ์ชั่ววูบ อย่าล้มกระดานทันที คิดทบทวนให้รอบคอบโดยปราศจากอารมณ์
ข. ฝึกตัวเองให้อดทนกับความรู้สึกแง่ลบ หากวอกแวกไปทำสิ่งอื่น ให้ถามตัวเองว่าต้องทำตอนนี้ไหม เช่น ต้องดูTV เดี๋ยวนี้ไหม ให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
ค. ถ้ารู้สึกทุกอย่างเริ่มหนักหนา ให้ลดเกียร์ลง ลดความเร็ว ลดสิ่งที่กำลังทำอยู่ หั่นซาลามี่ให้บางลงอีก
ง. หากรู้สึกทำต่อไปไม่ไหวจริง ให้วางลงเฉพาะวันนี้ พรุ่งนี้ให้มาทำใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จ. อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น ...โดยเฉพาะคนที่ดีกว่ามากๆ จะทำให้หมดกำลังใจ หรือ คนที่ล้มเลิกยอมแพ้ เราก็จะล้มเลิกตาม หากอยากเทียบ ให้เทียบกับคนที่ไม่ย่อท้อ และยึดมั่นกับสิ่งที่ตั้งใจทำ เพื่อก้าวต่อไป
4. ติดตามผลตลอดการเดินทาง
....มีประโยชน์ 2 ทางคือ ได้เห็นภาพรวม รู้ว่าตัวเองมาไกลแค่ไหน / มีแรงจูงใจมากขึ้นเมื่อเห็นตัวเองสำเร็จมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่ทุกอย่างขลุกขลัก
5. ให้รางวัลกับตัวเอง ...ห้ามโกงโดยไม่ให้รางวัล
เคล็ดลับการเปลี่ยนพฤติกรรมระยะยาว
....อยากสร้างพฤติกรรมใหม่ ต้องทำสิ่งนั้นซ้ำๆ ในสถานที่เดิม เวลาเดิมๆ ให้เป็นระบบอัตโนมัติ ทำซ้ำๆ อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งทำสิ่งใดบ่อย แรงต้านจะน้อย
....แรกๆต้องเข้มแข็งพอที่จะว่ายทวนความเคยชิน และยิ่งรู้สึกว่าได้ผลตอบแทนต่ำ เช่น ปวดเมื่อยตอนออกกำลังกาย ....แต่หากตั้งใจ และ พยายามไปเรื่อยๆ จะถึงจุดพลิกผัน คือ ผลตอบแทนเริ่มมากกว่าการลงทุน จะสามารถสร้างนิสัยใหม่ได้สำเร็จ เป็นจุดที่ถอยกลับไม่ได้ พฤติกรรมใหม่ใช้เวลาประมาณ4-6สัปดาห์
....หากรู้สึกว่าเลิกทำแล้วเหมือนขาดอะไรไปในชีวิต คือ พฤติกรรมนั้นผ่านจุดพลิกผันมาแล้ว ...แต่ถ้ารู้สึกโล่งอก คือ ทำต่อไป
เคล็ดลับการผ่านเทือกเขาเขมือบความตั้งใจ ให้ถึง จุดพลิกผัน
1. อย่าเริ่มต้นให้ยาก
....เริ่มให้ง่าย เริ่มด้วยก้าวเล็กๆ ให้สำเร็จก่อนค่อยเพิ่มปริมาณ (ความท้าทายมากเกินเป็นตัวทำลายความจูงใจอันดับ1) เช่น อ่านหนังสือวันละ 5 หน้า วิดพื้นวันละ5ครั้ง
2. อย่าล้มเลิก แม้มีเหตุการณ์เข้ามาแทรก
....ต้องระวังให้มาก เคล็ดลับคือ
A: บททดสอบข้อยกเว้น ...ดูว่าเราใช้โอกาสพิเศษเป็นข้ออ้างไม่ให้เราทำตามแผนไหม ว่าเราเสียดายว่าไม่ได้ทำตามแผน / โล่งอก
B:เทคนิคชดเชย ต้องหาทางชดเชยในวันรุ่งขึ้น แต่ต้องไม่เกิน 7วัน หากต้องชดเชยบ่อยๆ ให้ล้างกระดานแล้วเริ่มต้นใหม่
C: เคล็ดลับ5 นาที คือ กรณีไม่มีเวลาพอที่จะทำตามแผน ให้ทำเล็กน้อย ดีกว่าไม่ได้ทำ
3. กลเม็ดแซนด์วิช
....แทรกกิจกรรมใหม่ ระหว่างพฤติกรรมเดิม 2 อย่างที่ทำเป็นประจำ เช่น แทรกการอ่านหนังสือระหว่างการเดินทางกลับบ้าน และ ดูTV (พฤติกรรมใหม่ต้องทำให้รู้สึกดีกว่าเดิม หากไม่ดีให้เปลี่ยนพฤติกรรมอื่น
4. หาพันธมิตร
A: หาเพื่อนที่ทำไปด้วยกัน ...สำคัญคือ ต้องมีความสามารถระดับเดียวกัน
B: ช่วยกันจัดการเรื่องที่ทำเสร็จภายในครั้งเดียว
C: ทำข้อตกลงกับคนอื่น ช่วยให้ทำได้ตลอดรอดฝั่ง
D: พาตัวเองไปที่ๆมีคนคิดแบบเดียวกัน แรงกะรตุ้นดีเยี่ยมเมื่อเห็นคนอื่นพยายามเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
E: หลีกเลี่ยงคนที่มีทัศนคติลบ อยู่ห่างคนช่างจับผิด ขี้หงุดหงิด มองโลกแง่ร้าย เยาะเย้ยถากถาง จู้จี้ขี้บ่น คาดการณ์เลวร้าย
F: อย่าเปรียบเทียบกับคนที่เก่งกว่า ทำให้เสียกำลังใจ
5. รักษาความตั้งใจด้วยการสร้างข้อผูกมัด
....ประกาศให้คนรับรู้เป้าหมายของเรา และ รายงานความคืบหน้าของสิ่งที่ทำอยู่เสมอ
6. ใช้พลังของการลงทุนไปแล้ว
....เสียเงินไปแล้ว ...ลงทุนไปแล้ว ต้องทำให้สำเร็จ
7. ต่อรองกับตัวเขมือบ
....สื่อสารกับจิตใต้สำนึกอย่างเปิดใจ ฟังว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แล้วมีตัวเลือกให้เลือกทำแทน เช่น ต้องดูTV เปลี่ยนมาเป็น เดินเล่น /นั่งสมาธิ เพื่อการพักผ่อนแทน
8. ลงมือทำสิ่งที่กลัว
....เป็นวิธีเอาชนะความกลัวที่ดีที่สุด. ใช้ได้กับ ความวิตก ความกลัว ความลังเล ให้ทำซ้ำๆ
....เข้าหาความท้าทาย ไม่ว่าจะเอาชนะสำเร็จหรือไม่
....หากลังเล ให้ลงมือทำเลย ประเด็นคือได้ฝึกฝน จดบันทึกว่า เรารับมือกับตัวเขมือบมาได้ยังไง
การฝึกเผชิญหน้ากับตัวเขมือบแบบเล็กน้อยทุกวัน เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
1. ยิ้ม ทักทาย พูดคุยกับคนแปลกหน้า
2. ทดลองนิสัยใหม่ๆ / ทำอะไรแตกต่างจากเดิม เช่น เดินทางไปทำงานด้วยวิธีอื่น ฝึกฟังแทนการพูด งดนิสัยบางอย่าง ใช้เวลาช่วงกลางวันให้แปลกไป ไปในที่ๆไม่เคยไป
3. ลงมือทำสิ่งที่คุณยังทำ เช่น โทรไปจัดการเรื่องที่ลำบากใจ
4. ทำสิ่งดีๆเพื่อใครบางคนแบบที่เค้าคาดไม่ถึง เช่น ให้ดอกไม้กับใครสักคน ชมเพื่อนร่วใงาน
5. กล่าวคำขอบคุณ
6. เรียนรู้ที่จะเป็นผู้รับ เพื่อตอบแทนในภายหลัง
7. สร้างความเป็นระเบียบเล็กๆน้อยๆ การจัดการภายนอกให้เป็นระเบียบส่งผลต่อความรู้สึกภายใน เช่น ก้มเก็บขยะบนพื้น
8. ปิดสวิตซ์ตัวเขมือบด้วยการทำสามธิทุกวัน ปิดตัวเองจากสิ่งรอบข้าง จดจ่อกับตัวเอง
ฝึกเผชิญหน้ากับตัวเขมือบใหญ่ อย่างน้อยปีละครั้ง
1. โละข้าวของครั้งใหญ่....การโละข้าวของสามารถปลดปล่อยพลังงานออกมา สัมผัสได้ถึงความอิสระและความพึงพอใจ
2. จัดการของเสียในร่างกาย....เช่น ดีท็อกจิตใจโดยการงดดูTV 1เดือน
3. เผชิญความท้าทายเรื่องกีฬา ...เช่น วิ่งมาราธอน / โดดร่ม
4. ปลีกตัวออกจากโลกสักพัก ...ไปอยู่วัดฝึกสมาธิ 1-2 สัปดาห์
5. ฉีกความจำเจในชีวิตด้วยการผจญภัย ...ไปกางเต้นท์แทนนอนโรงแรมหรู
6. เข้าร่วมงานสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง
....สิ่งสำคัญในชีวิต คือการหมั่นเผชิญหน้ากับความท้าทาย ค่อยๆเปลี่ยนแปลง ก้าวไปทีละก้าว ทีละ1องศา #องศาที่หายไป ตัวเขมือบจะไม่แผลงฤทธิ์ ผูกมิตรกับมัน ทำให้คุณมีชีวิตที่ดีมีคุณค่า
เพิ่มการพัฒนาตัวเองวันละนิด
เหมือนเติมวันละ 1 องศา
1 วัน อาจจะไม่มีอะไร
10 วันไม่มีความต่าง
แต่ 100 วันล่ะ 1000 วันล่ะ
จะเปลี่ยนแปลงไปโดยแทบไม่เห็นร่องรอยเดิม
มาพัฒนาวันละ 1 องศา เพื่อเติมเต็มวงล้อชีวิตให้สมบูรณ์ไปด้วยกัน...กับเพจ #องศาที่หายไป
👍🏻เลื่อนนิ้วโป้งกด Like กด Share ให้จูลสักนิด..เพื่อชีวิตที่มีกำลังใจให้จูลนะคะ..ขอบคุณค่ะ
⭐️ติดตามที่ Blockdit
❤️ติดตามที่ Youtube
🥰คุยกับจูลได้ใกล้ชิดมากขึ้น ที่Line ค่า
#

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา