14 ม.ค. 2021 เวลา 12:30 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากรถยนต์ไฟฟ้า วิ่งเต็มถนนเมืองไทย
1
อีก 9 ปีข้างหน้า ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ในไทยจะต้องมีกำลังผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 30%
อธิบายง่ายๆ คือสมมติค่ายรถยนต์ มีกำลังผลิต 1 ล้านคัน ก็จะต้องผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 3 แสนคันต่อปี
6
โดยเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทาง BOI หรือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตั้งเป้าหมายไว้
2
แต่.. รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า บนถนนเมืองไทยรวมกันแค่ 180,000 คัน
ขณะที่ รถยนต์ทั้งหมดบนท้องถนน มีประมาณ 40 ล้านคัน
อธิบายให้เห็นภาพคือ หากมีรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป 200 คันบนถนน
ก็จะมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพียงแค่ 1 คัน..
4
เพราะฉะนั้น คำตอบที่ได้ในตอนนี้คือ
ท้องถนนเมืองไทย ยังห่างไกลจากภาพที่วาดฝันไว้
6
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ก็เลยทำให้ BOI หรือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
มีนโยบายกระตุ้นให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่มีฐานการผลิตในบ้านเรา หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยมาตรการส่งเสริมและสิทธิประโยชน์มากมาย
จากเดิมช่วง 2 ปีที่แล้ว ก็มีนโยบายส่งเสริม แต่อาจยังไม่ดึงดูดใจค่ายผู้ผลิตรถยนต์
1
มาตรการที่น่าสนใจครั้งนี้ก็คือ
ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ อาจไม่ต้องจ่ายภาษีนิติบุคคล 3 ปี เมื่อลงทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป
และหากลงทุนเพิ่ม มีการตั้งโรงงานในไทยผลิตชิ้นส่วนสำคัญในการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ก็จะได้สิทธิประโยชน์เพิ่ม อาจไม่ต้องจ่ายภาษีนิติบุคคลสูงสุดถึง 8 ปี
(เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณารายละเอียด)
5
ทำให้สิ่งที่เราจะเห็นในปีนี้และปีถัดๆ ไป
คือค่ายรถยนต์ต่างๆ จะเปิดตัว EV Car และ Plugin Hybrid กันมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
5
ซึ่งแนวโน้มก็น่าจะมีราคาขายที่ถูกลงเรื่อยๆ เพราะนอกจากนโยบายกระตุ้นของภาครัฐแล้วนั้น
เมื่อมีกำลังการผลิตที่มากขึ้น ก็ย่อมทำให้ต้นทุนในการผลิตถูกลงตามหลัก Economies of scale
7
สิ่งที่ตามมาก็คือ ในทุกๆ ปี จำนวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นบนท้องถนนเมืองไทย
แล้วเรื่องนี้ก็จะทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลง อย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
3
สิ่งแรกสุดคือเราอาจจะเห็นร้านสะดวกซื้อ, คอนโดมิเนียม, ศูนย์การค้า
มีธุรกิจใหม่คือบริการชาร์จพลังงานไฟฟ้า
2
และแน่นอนบริษัทพลังงานต่างๆ ที่ทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ก็กำลังเริ่มปรับตัว
เราคงได้ยินว่า ปตท. เริ่มทดลองให้บริการชาร์จไฟฟ้าใน 25 ปั๊มน้ำมัน และกำลังมีแผน ที่จะเพิ่มบริการขึ้นอีก
3
ขณะที่ สถานีบริการน้ำมันอื่นๆ ก็มีนโยบายเดินตามรอยเท้านี้เหมือนกันหมด
3
เรื่องนี้ความน่าสนใจมันอยู่ที่พฤติกรรมคน เพราะไม่ว่าจะเป็นคนขับ EV Car หรือ Plugin Hybrid
หลายคนน่าจะชาร์จพลังงานไฟฟ้าตอนที่รถจอดนิ่งๆ อยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน
การจะชาร์จพลังงานจาก สถานีบริการน้ำมัน หรือที่อื่นๆ น่าจะเป็นในยามฉุกเฉินจริงๆ
9
สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นและเป็นการ “แก้เกม” ของกลุ่มธุรกิจพลังงาน
ก็คือต้องพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จไฟฟ้าที่รวดเร็วกว่าการชาร์จจากที่อื่นๆ
8
และที่สำคัญที่สุดก็คือ ราคา ก็ต้องถูกกว่าชาร์จจากที่อื่นๆ ด้วย
ซึ่งน่าจะเป็นการบ้านข้อใหญ่ ที่กลุ่มบริษัทพลังงานกำลังเร่งมือคิดค้น ณ ตอนนี้
5
ขณะเดียวกัน อู่ซ่อมรถต่างๆ ก็ต้องปรับตัวจากที่เคยซ่อมเครื่องยนต์สันดาป ที่มีอะไหล่มากชิ้น
แต่เมื่อต้องมาซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า ที่ระบบหลายๆ อย่างขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
ซึ่งทำให้มีชิ้นส่วนอะไหล่ในการซ่อมน้อยกว่า ก็น่าจะทำให้ อู่ซ่อมรถเหล่านี้ มีรายได้น้อยลง
3
ที่น่าสนใจก็คือ หากรถยนต์ไฟฟ้า เกิดขึ้นในอนาคต
การใช้ชีวิตของเราก็อาจเปลี่ยนไป
1
เราอาจจะต้องติดตั้ง App ไว้ใช้สารพัดการสั่งงาน และตรวจสอบสภาพรถยนต์
เหมือนอย่างที่ MG ทำให้เห็นมาแล้ว
4
หรือ เราอาจจะดึงพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ มาใช้ในบ้านเหมือนอย่างที่ Mitsubishi Motors
ที่ใส่ฟังก์ชันนี้ให้แก่รถรุ่น Outlander PHEV
4
จนถึงอนาคต เราอาจจะมีระบบ AI อัจฉริยะที่ไว้ใจได้
มาช่วยขับรถให้ โดยเราแค่นั่งอยู่เฉยๆ ก็จะถึงปลายทางที่ปักหมุดไว้บน App
1
โดยมีการคาดการณ์ว่า วันที่เมืองไทยจะมีรถยนต์ไฟฟ้า EV Car และ Plugin Hybrid
วิ่งบนถนนราวๆ 50% หรือ 20 ล้านคันขึ้นไป อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 15 - 16 ปี เลยทีเดียว
13
และหากวันนั้นมาถึง ภาพถนนเมืองไทย จะไม่ใช่เหมือนอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้
เพราะรถประเภทนี้ “ไร้เสียง ไร้ควัน”
 
ตาของเรา แทบจะมองไม่เห็นควันดำ
จมูกของเรา แทบจะไม่ได้สูดควันพิษ
หูของเรา แทบจะไม่ได้ฟังเสียงดัง จากเครื่องยนต์
9
และนั่น อาจกลายเป็นถนนในฝัน ที่คนไทยทุกคนโหยหามาตลอด ก็เป็นได้..
9
อ้างอิง :
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จํากัด
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด
2
โฆษณา