15 ม.ค. 2021 เวลา 04:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สวัสดีทุกท่านนะมุยย​ เรากลับมาในซีรี่ย์ของ​ AI​ หรือ​ ปัญญาประดิษฐ์​อีกครั้งนะมุย
สำหรับวันนี้หมีอ้วน​ จะพามาดูสิ่งประดิษฐ์ที่​ AI​ สามารถทำได้มากกว่าที่คุณคิดมีอะไรบ้างนะะ
สำหรับปัจจุบันนี้เทคโนโลยี​ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามามีผลต่อชีวิตประจำวันของเราค่อนข้างมาก ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ไหน เราก็มักจะเห็นสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยปัญญาประดิษฐ์เต็มไปหมด
หากท่านใดที่อ่านแล้วไม่เชื่อ ในขณะที่ท่านกำลังอ่านบทความนี้อยู่ คอมพิวเตอร์และมือถือของท่านก็กำลังเก็บภาพและข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อทำอัลกอริทึมอยู่ด้วย
จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีดังกล่าวเริ่มขยายตัวออกมาจากห้องทดลองหรือโรงงานและเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพวกเรามากขึ้น
ดังนั้น คงจะดีไม่น้อยถ้าหากเราได้รู้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยี AI ถูกพัฒนาและสร้างสรรค์กลายเป็นอะไรไปแล้วบ้าง​
เรามาดูกันเลยดีกว่านะมุยยย~
🎵🎶 1)​ AUXUMAN ปัญญาประดิษฐ์ที่แต่งดนตรีได้ด้วยตัวเอง
.
.
.
ใช้แล้วทุกคนฟังไม่ผิดและหมีอ้วนก็ไม่ได้หาข้อมูลมาผิด​ มันมีจริงๆนะะ(ล้ำมากก)
ที่มาของโปรเจ็กต์การสร้างนักดนตรีปัญญาประดิษฐ์นี้ เกิดจากบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ Auxuman ที่จะพัฒนา YONA ปัญญาประดิษฐ์ในเกมออนไลน์ที่เกิดข้อผิดพลาด
ทำให้มันไม่รับคำสั่งจากมนุษย์และลงมือสร้างสรรค์บทเพลงขึ้นเองในเกม ทำให้บริษัทดึงข้อมูลของ YONA มาสร้าง AI ขึ้นอีก 4 ตัวนั่นคือ MONY, GEMINI, HEXE และ ZOYA กลายเป็นวง AUXUMAN
โดยกลุ่มศิลปินดังกล่าวถูกพัฒนาโดยบริษัท Auxuman เริ่มจากการป้อนข้อมูล เรียนรู้ภาษา บทกวี รูปฟอร์มศิลปะต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต รวมถึงดนตรี ต่อมาทางบริษัทช่วยพัฒนาระบบเปล่งเสียงของเธอจนสามารถร้องเพลงได้
.
.
.
1
https://vrscout.com/news/virtual-being-pop-group-auxumans/
ในปัจจุบันกลุ่มวงดนตรีปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวได้ออกอัลบั้มแล้วชื่อ Auxuman Vol​.​1 มีทั้งหมด 10 เพลง มีดนตรีที่หากเราฟังด้วยหูของมนุษย์ก็จะบอกว่านี่คือดนตรีอิเล็กทรอนิกส์
แต่ทาง Auxuman กลับเขียนอธิบายเอาไว้ว่านี้คือเพลงโซลของเหล่า AI ที่ไม่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างสิ้นเชิงต่างหาก
ในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะได้ฟังเพลง​ที่​ AI​ แต่งขึ้นมาอีกหลายๆวงและอาจจะกลายเป็นแฟนคลับ​ AI​ ก็เป็นได้นะมุยยย😆😂
และถ้าใครอยากฟังเพลงที่​ AI​ แต่งล่ะก็สามารถฟังได้ที่นี่​ Auxuman Vol​.​1 https://auxuman.bandcamp.com/album/auxuman-vol-1 หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ
👻☠️ 2​ )​ Shelley ปัญญาประดิษฐ์ที่เขียนเรื่องผีให้คนอ่าน
.
.
.
ในเทศกาลฮาโลวีนปี 2017 นักวิทยาศาสตร์จาก MIT Media Lab เปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถแต่งเรื่องราวสยองขวัญได้ในชื่อ Shelley โดย AI ตัวนี้จะเขียนเรื่องราวสยองขวัญแปลกประหลาดมากมายผ่านบัญชีทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า@shelley_ai (ลองไปหาอ่านกันดูนะมุยย)​
Shelly ซึ่งตั้งขึ้นตามชื่อของ
Mary Wollstonecraft Shelly ผู้แต่งวรรณกรรมคลาสสิก​ เรื่อง แฟรงเกนสไตน์ โดยมีแนวคิดในการวิเคราะห์จากความหวาดกลัวของมนุษย์ที่มีต่อความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ในโลกอนาคต
ที่นับวันยิ่งพัฒนามากขึ้น และจะเป็นอย่างไรหากสามารถพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ที่กระตุกความกลัวของมนุษย์ได้จริงๆกันนะ
.
.
.
https://thematter.co/thinkers/shelly-the-ai-who-tell-horror-story/89241
นักวิจัยได้ป้อนข้อมูลจากดาต้าเบสโครงข่ายปราสาทเทียม ของ Shelly ด้วยเรื่องสยองกว่า 140,000 เรื่องจากฟอรัม nosleep ในเว็บบอร์ด reddit ที่ผู้คนต่างเข้ามาบอกเล่าและแต่งเรื่องเขย่าขวัญสั่นประสาทของตัวเอง
Shelly สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเรื่องหลอนๆ ที่ได้รับความนิยมสูงนั้นมีองค์ประกอบใดบ้างหรือคล้ายคลึงในความน่ากลัวอย่างไร และจากฐานข้อมูลนี้ก็สามารถแต่งเรื่องชวนขนหัวลุกของตัวเองได้
.
.
.
Shelley จะสร้างสรรค์เรื่องราวสยองขวัญผ่านการโพสต์ที่ไม่ซ้ำกันทุกๆ หนึ่งชั่วโมงและจะติดแฮชแท็กว่า #yourturn เพื่อเชิญชวนให้เราทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เรื่องราว
ทุกครั้งที่เราโพสต์ข้อความต่อจากมันและเมื่อมีการตอบโต้กันมากขึ้นเท่าไหร่ Shelley ก็จะมีประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์มากขึ้นเท่านั้น ในการทำงานของ Shelly จำเป็นต้องใช้ระบบอัลกอริทึม Online Machine Learning ที่ซับซ้อน
เพื่อช่วยเรื่องการตอบสนองเชิงโต้ตอบ และยังใช้โครงข่ายประสาทเทียมแบบย้อนกลับ (RNN) หลายชั้นมาเป็นข้อมูลในการประมวลผลอีกด้วย
🤖⚙️ 3​ )​ Euphonia หุ่นยนต์ช่วยเหลือผู้พิการ
.
.
.
การสื่อสารระหว่างคนปกติกับคนพิการในปัจจุบันยังมีปัญหาอยู่มาก จึงเป็นสิ่งที่ให้ Google คิดริเริ่มเทคโนโลยีด้านเสียงให้ผู้มีความบกพร่องดังกล่าวสามารถเข้าถึงในการสื่อสารกับผู้คนได้
โปรเจ็กต์นี้มีชื่อว่า Project Euphonia กับนักวิจัยจากหลายแขนง และยังจับมือกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
อย่าง ALS Therapy Development Institute (ALS TDI) และ ALS Residence Initiative (ALSRI)
เพื่อนำข้อมูลเสียงของผู้ป่วยมาศึกษารูปแบบการพูด คำ และประโยคต่างๆ เพื่อช่วยแปลงเสียงเป็นประโยคคำพูดที่พวกเขาต้องการจะสื่อสารได้อย่างแม่นยำ
.
.
.
http://www.tddf.or.th/news/detail.php?contentid=0072&postid=0020700
จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดของ Euphonia คือการเก็บข้อมูลเสียงจากผู้มีความบกพร่องด้านการพูด เพื่อช่วยแก้ปัญหา AI ของ Google Assistant ที่ถูกสร้างมาเพื่อโต้ตอบกับเสียงส่วนใหญ่จึงอาจใช้งานไม่ได้กับเสียงส่วนน้อย
อย่างผู้มีปัญหาด้านการออกเสียง ทาง Google จึงแก้ปัญหานี้โดยการขอให้คนทั่วโลกส่งตัวอย่างเสียงของตนมา เมื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้มาได้ก็จะนำไปพัฒนาอัลกอริทึมและอัพเดต Google Assistant
ถ้าคุณอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งไฟล์เสียงสามารถกรอกแบบฟอร์มได้ที่ 
🎴🀄4​ )​ AlphaGo Zero ปัญญาประดิษฐ์ผู้พิชิตการแข่งขันโกะทั้งมนุษย์และ AI ด้วยกัน
.
.
.
หลังจากที่อัลฟาโกะ (AlphaGo) ปัญญาประดิษฐ์ของบริษัท DeepMind ภายใต้การบริหารของ Google เคยสร้างความฮือฮามาแล้ว ด้วยการคว่ำผู้เล่นโกะบนโลกออนไลน์รวดเดียว 60 ราย
และยังกำราบเซียนโกะระดับโลกอย่าง​
เค่อเจี๋ย จากจีน และอีเชดอล จากเกาหลีใต้ไปอย่างราบคาบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดี อัลฟาโกะในช่วงเวลาดังกล่าวยังต้องอาศัยการป้อนข้อมูลและชุดคำสั่งจากทีมผู้พัฒนาอยู่
.
.
.
ล่าสุดบริษัท DeepMind ได้เปิดเผยข้อมูลว่า อัลฟาโกะเวอร์ชันใหม่ที่ตั้งชื่อว่า อัลฟาโกะ ซีโร (AlphaGo Zero)
จะไม่จำเป็นต้องพึ่งพามนุษย์ในการป้อนข้อมูลอีกต่อไป ซึ่งทำให้มันกลายเป็นนักเล่นโกะปัญญาประดิษฐ์ที่เก่งและฉลาดที่สุดไปโดยปริยาย
.
.
.
https://www.repaythailand.com/artificial-intelligence/%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-google-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3-10/
เดิมทีอัลฟาโกะรุ่นแรกต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนเกมโกะของมนุษย์ที่มีความยากระดับมือสมัครเล่นและมืออาชีพมากกว่า 1,000 เกม จึงจะสามารถเรียนรู้ทริกและกลยุทธ์ในการเดินหมากบนกระดานรูปแบบต่างๆได้
แต่อัลฟาโกะ ซีโรไม่จำเป็นต้องมีใครมาคอยสอนหรือป้อนข้อมูลต่างๆ ให้ มันสามารถเรียนรู้ด้วยการฝึกกับตัวเองตั้งแต่วันแรก จนกระทั่งกลายเป็น AI เซียนโกะเบอร์หนึ่งของโลกในเวลาแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้น!
.
.
.
ในวันแรกที่อัลฟาโกะ ซีโรถือกำเนิดขึ้นมา มันเล่นโกะไม่เป็นหรือไม่มีความรู้ใดๆเลย เกี่ยวกับศาสตร์เกมกระดานหมากล้อมมาก่อน
แต่มันก็เริ่มเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วผ่านการฝึกเล่นกับตัวเองและใช้ระบบการคำนวณและคาดเดาทิศทางการเคลื่อนที่ของผู้เล่นอีกฝ่าย
เมื่อแต่ละเกมจบลง มันจะเรียนรู้ข้อบกพร่องรวมถึงจุดแข็งของตัวเองแล้วเก็บมาพัฒนาขีดความสามารถในการเดินหมากเกมถัดไป ทั้งยังไม่มีข้อจำกัดเรื่องข้อมูลความรู้ของมนุษย์มาเป็นอุปสรรคในการพัฒนาฝีมือด้วย
สุดยอดเลยนะเนี่ยสำหรับเจ้า​ AI​ แต่ฉลาดเกินไปแบบนี้ก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะมุยย
🤖🤖 5​ )​ Pepper หุ่นยนต์ที่จะมาช่วยงานพวกเราในอนาคต
.
.
.
หุ่นยนต์แบบ humanoid หรือหุ่นที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ โดยบริษัท Aldebaran และบริษัท Softbank Mobile ที่มีความสูง 74 นิ้ว มีความสามารถจำจดใบหน้าและวิเคราะห์อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์
โดยในปัจจุบันมีการนำหุ่นยนต์ Pepper 15,000 ตัว ไปใช้ในงานบริการ เช่น เช็กอินในโรงแรมและสนามบิน รวมถึงการชำระเงินในศูนย์การค้า
.
.
.
https://www.theeleader.com/ai/4-process-development-ai-in-japan/
ปกติหุ่นยนต์ถูกสร้างขึ้นมาให้มีหน้าที่เพียงอย่างเดียว (Functional) แต่สำหรับ Pepper เป็นหุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถหลากหลายหน้าที่ มันสามารถวิเคราะห์ ตีความ และรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ที่เป็นคู่สนทนา
โดยรู้ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์สนุกสนาน, เศร้า, โกรธ หรือตื่นเต้นดีใจ ทั้งยังวิเคราะห์น้ำเสียงของผู้พูด สีหน้า ยิ้ม หรือหน้าบึ้ง ท่าทางการแสดงออกได้ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำไปประมวลผล
ทำให้ Pepper สามารถเลือกวิธีตอบสนองกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีผ่านทางสีของดวงตา หน้าจอแท็บเล็ต และน้ำเสียง ให้เหมาะสมและเป็นธรรมชาติ
โดยเป้าหมายสำคัญของ Pepper คือการสร้างความสุขให้กับคนรอบตัว สร้างชีวิตชีวาให้กับคนรอบข้าง และทำหน้าที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน
เป็นหุ่นยนต์ที่น่ารักมากก​ และล้ำสมัยขึ้นไปอีก
🎮🕹️6​ )​ OpenAI ปัญญาประดิษฐ์ที่แข่งชนะเกม DOTA 2 มาแล้ว
สำหรับสายเกมเมอร์ซึ่งบางท่านจะรู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับเจ้าตัว​ AI​ หรือ​ชาวเกมเรียกว่า​ BOT ในเกม​ DOTA​ 2​ ว่ามีความโหดแค่ไหน
.
.
.
ซึ่งเกมแนว MOBA อย่าง DOTA 2 นั้นต้องใช้ทักษะของสมองในการคิดวิเคราะห์ วางแผน และแก้ไขสถานการณ์อย่างสูง
นี่จึงเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์ซึ่งรับแต่เพียงคำสั่งจากมนุษย์ไม่สามารถคิดวิเคราะห์ได้เอง ทำให้มันยากจะสามารถเอาชนะมนุษย์ได้
แต่อีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัท SpaceX กลับต้องการพิสูจน์ว่า AI นั้นมีประโยชน์มากกว่าโทษอย่างที่ใครหลายคนคิด และสิ่งนี้จะเป็นนวัตกรรมที่สำคัญของมนุษยชาติในอนาคต
จึงสร้าง OpenAI ปัญญาประดิษฐ์ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเอาชนะเกม DOTA 2 โดยเฉพาะ โดยเขากล่าวว่าปัญญาประดิษฐ์นี้ถูกพัฒนาด้วยการใช้ CPU มากกว่า 100,000 ชิ้นในการคำนวณผล
นอกจากนี้ AI ยังเรียนรู้ในทุกๆ เกมที่เล่น ซึ่งใช้วิธีการคำ นวณและการโคลนตัวเองขึ้นมาแข่งกัน โดยหากเทียบกับการฝึกซ้อมของมนุษย์แล้ว 1 วันของ AI จะเท่ากับมนุษย์ใช้เวลาถึง 180 ปี
.
.
.
https://estnn.com/th/dota-2-openai-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-dota-2/
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของ OpenAI ได้แสดงให้เห็นแล้วในงาน TI 7 ซึ่งมีการเปิดตัว OpenAI ที่ถูกโปรแกรมมาให้ฝึกฝนต่อสู้กับผู้เล่นโดยเฉพาะ
ซึ่งในปีที่แล้วเป็นการต่อสู้กันระหว่าง AI และ โปรเพลเยอร์ในโหมด 1-1 Mid โดยใช้ฮีโร่ Shadow Fiend และความเทพของ OpenAI ก็สามารถเอาชนะมือโปรหลายคน
ไม่ว่าจะเป็น Dendi, Arteezy และ Sumail มีเพียงคนเดียวที่สามารถเอาชนะ AI ได้คือ Pajkatt เท่านั้น ส่วนในงาน TI8 มันก็มาในรูปแบบทีมและสามารถเอาชนะทีมโปรเพลเยอร์ฝั่งมนุษย์ได้ถึง 2 เกมติดต่อกัน
กลายเป็นเรื่องน่าสนใจมากหากปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้มีการพัฒนาต่อไปขึ้นเรื่อยๆ ในการแข่งขันระดับโลกคงจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างมวลมนุษยชาติและหุ่นยนต์อย่างแน่นอน
7​ )​ Edmond de Belamy ปัญญาประดิษฐ์ที่วาดภาพได้ด้วยตัวเอง
.
.
.
บริษัทประมูลชื่อดังของโลกอย่าง Christie’s ได้เปิดประมูลภาพที่วาดโดยปัญญาประดิษฐ์เป็นครั้งแรก ภาพวาดดังกล่าวมีชื่อว่า Portrait of Edmond Belamy
และเป็นผลงานของปัญญาประดิษฐ์นามว่า GAN ที่ถูกพัฒนาโดย Obvious Art Studio กลุ่มศิลปินและนักวิจัยจากฝรั่งเศส พวกเขาสร้าง Edmond de Belamy ขึ้นมาโดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า GAN (Generative Adversarial Network)
ที่ศึกษาภาพวาดคนจากศตวรรษที่ 14-20 จำนวน 15,000 ภาพ จากนั้นก็จะประมวลผลและสร้างสรรค์ภาพวาดที่เหมือนมนุษย์วาดขึ้นมา
.
.
.
http://www.magazine.org.tw/ImagesUploaded/news/15353370121540.htm
เครื่อง GAN มีองค์ประกอบสองส่วนคือส่วนผู้สร้างสรรค์ (the creator) และส่วนนักวิจารณ์ (the discriminator) ส่วนแรกจะวาดภาพโดยประมวลผลจากฐานข้อมูลที่ได้ศึกษาไป
และส่วนที่สองจะเปรียบเทียบหาความต่างของการวาดภาพระหว่างหุ่นยนต์และมนุษย์ เพื่อให้ AI เกิดการวาดเลียนแบบให้เหมือนมนุษย์มากขึ้น
ภาพวาดโดยฝีมือของระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ ถูกประมูลไปด้วยราคา 432,000 ดอลลาร์ฯ หรือราว 13.8 ล้านบาท
โหหห AI​ วาดรูปได้เองแถมยังทำรายได้มหาศาล​จากการถูกประมูลภาพถ่าย​ เจ๋งจริงๆเลยมุยย
🍺🍻 8​ )​ IntelligentX เบียร์ที่หมักโดย​เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์​
.
.
.
หลังจากมีเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือและเสริมสร้างชีวิตมนุษย์มากเพียงพอแล้ว หากมีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยผ่อนคลายด้วยความคิดสร้างสรรค์ระหว่างมันกับเราบ้างก็คงจะดี
บริษัท IntelligentX และบริษัท Intelligent Layer ที่เชี่ยวชาญในเรื่อง Machine Learning จึงร่วมกันสร้างเบียร์ที่ผลิตโดย AI ออกมาทั้งหมด 4 ชนิดคือ Golden, Amber, Pale และ Black
https://insidethecask.com/2018/11/09/alcohol-tech-the-future-of-drinks-marketing/
ซึ่งเบียร์เหล่านี้ได้รับข้อมูลส่วนผสมและฟีดแบ็กจากลูกค้าผ่านทางระบบ AI ที่ซ่อนอยู่ใน Facebook Messenger Bot ทำให้ทุกครั้งที่มีการปรุงเบียร์ขึ้นใหม่ สูตรของเบียร์ IntelligentX จะถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
ปัจจุบันเบียร์ทั้ง 4 ชนิดของ IntelligentX ผ่านการปรับปรุงมาแล้วถึง 11 ครั้ง โดยอาศัยข้อมูลที่เก็บมาจากลูกค้าตลอดระยะเวลา 12 เดือน
ซึ่งทางผู้สร้างหวังว่า AI จะมาช่วยให้พวกเขาชนะเอาการแข่งขันทำเบียร์ใหญ่ๆ ได้ในอนาคต
09 Tengai หุ่นยนต์ HR ตัวแรกของโลก
.
.
.
อาชีพผู้สัมภาษณ์งานหรือ Human Resource (HR) เป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะในการวิเคราะห์มนุษย์ทั้งสีหน้าท่าทาง สำเนียงและน้ำเสียงการพูดเพื่อพิจารณาว่าผู้สมัครงานเหมาะกับตำแหน่งที่เปิดรับหรือไม่
ฟังดูเป็นงานที่ซับซ้อนและยุ่งยาก ไม่มีทางที่หุ่นยนต์จะสามารถทำได้แน่ แต่บริษัท Furhat Robotics ได้ร่วมมือกับ TNG บริษัทชื่อดังในการจัดหาทรัพยากรทางบุคคล
เริ่มต้นพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2018 พวกเขาตั้งชื่อให้กับมันว่า Tengai ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีความสูง 41 เซนติเมตรและหนัก 3.5 กิโลกรัม
.
.
.
https://www.recruiter.co.uk/news/2019/05/unbiased-robot-tengai-used-recruitment-process
Tengai เป็นหุ่นยนต์สัมภาษณ์งานตัวแรกของโลก ถูกสร้างมาเพื่อสัมภาษณ์ผู้มาสมัครงาน มันถูกโปรแกรมให้สัมภาษณ์อย่างเดียวไม่มีการพูดคุยเล่น
เมื่อทำการสัมภาษณ์เสร็จมันจะส่งคำตอบของผู้ถูกสัมภาษณ์ให้กับนายจ้างที่เป็นมนุษย์ แต่ในอนาคตมันจะตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าใครจะได้ไปต่อ​ (ล้ำไปอีกนะเนี่ยยย)​
ข้อดีของหุ่นยนต์สัมภาษณ์งานคือไม่มีอคติและความลำเอียงที่ไม่เหมาะสม เพราะบริษัท TNG เคยสำรวจการเข้ารับงานทั่วประเทศ ( จริงที่คนส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธ​เพราะมีอคติและโดนละเอียงทั้งนั้น​ )​
ทำให้ทราบว่าประมาณ 73% ของผู้สมัครงานเคยถูกปฏิเสธและสาเหตุที่พวกเขาถูกปฏิเสธนั้นมีทั้งเชื้อชาติ, วัย, เพศสภาพ, รสนิยมทางเพศ, รูปร่างหน้าตา, น้ำหนัก ไปจนถึงด้านสุขภาพและความพิการ
เราจะเห็นได้ว่าเหตุผลเหล่านั้นมักมาจากอคติของผู้สัมภาษณ์แทบทั้งสิ้น​ (ก็จริงแหะ)​
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับบทความข้างต้น
หมีอ้วนเชื่อว่ายังมี​อีกหลายอย่างที่ เรายังไม่รู้ว่า​ AI​ สามารถทำอะไรได้อีกมากมาย​ ที่ได้อ่านกันไปนั้นเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยที่หมีอ้วนหยิบมาให้ดู
ในอนาคตเราอาจจะได้เห็น​ หุ่นยนต์ที่มีเนื้อหนังเหมือนคนจริงๆพูดคุยปกติได้จริงๆ​ หรือจะเป็นเทคโนโลยีอื่นๆนอกจากหุ่นยนต์​ ก็ยังมีอีกมากมายที่เรายังคงตั้งตารอต่อไป
สำหรับบทความนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้ถ้าอยากทราบว่าบทความต่อไปคืออะไร​ กดติดตามและ
รอติดตามที่​ Block​ ''​ IT​ หมีอ้วน​ ''​ ได้เลยนะครับ​
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับบบ🙏❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา