22 ม.ค. 2021 เวลา 06:01 • หุ้น & เศรษฐกิจ
แนะนำ3กองทุนที่น่า DCA !!
การลงทุนแบบ DCA (dollar-cost averaging) นั้นคือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน ซึ่งการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ DCA ก็คือ การที่เรากำหนดการลงทุนเป็นงวด ๆ งวดละเท่า ๆ กัน อาจลงทุนเป็นรายเดือน รายไตรมาส โดยไม่สนใจว่าราคาหน่วยลงทุนที่เราจะซื้อตอนนั้นเป็นราคาเท่าไร (โดยแอดมินจะเลือกออมเป็นรายเดือนทุกๆวันที่3ของเดือน) โดยการ DCA ไม่ใช่สินทรัพย์ลงทุนทุกอันที่ควรลงทุนแบบนี้ เนื่องจากสินทรัพย์ที่เราจะ DCA ต้องเป็นสินทรัพย์ที่มีการเติบโตในอนาคต เนื่องจากถ้าเราDCA ตัวสินทรัพย์ที่อนาคตอาจจะด้อยกว่าปัจจุบันเราจะขาดทุนจากการลงทุนแบบ DCA ยับเยิน เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนในรูปแบบ DCA
1
โดยผมจะแนะนำ 3 กองทุนที่ผมคิดว่าเหมาะสมต่อการลงทุนแบบ DCA ในการลงทุนระยะยาว (5ปีขึ้นไป)
1.กองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (One-UGG-RA)
โดยเป็นกองทุนที่จะลงทุนในกองทุนต่างประเทศอย่างกองทุน Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund (Class B) กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในตราสารทุนที่เติบโตทั่วโลก เช่น หุ้นของบริษัท Amazon.com, Tesla , Illumina, Tencent และ Alibaba เป็นต้น โดยเป็นกองทุนที่ไม่จ่ายเงินปันผล (ส่วนตัวแอดแนะนำว่าถ้าลงทุนระยะยาวแบบ DCA เลือกกองทุนที่ไม่จ่ายเงินปันผลจะดีกว่า เพราะกองทุนที่จ่ายปันผล ปันผลที่เราได้รับก็ต้องเสียภาษี อีกทั้งเมื่อถึงรอบระยะเวลาที่ต้องจ่ายปันผลกองทุนจำเป็นต้องกันเงินสดไว้เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ถือกองทุนส่งผลให้กองทุนจะบริหารพอร์ตการลงทุนได้ไม่ยืดหยุ่นเท่ากองไม่จ่ายเงินปันผล และอาจทำให้การดำเนินงานของกองทุนมีประสิทธิภาพน้อยกว่า)
1
ทางด้านผลการดำเนินงานของกองทุนนี้จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงาน1ปีที่ผ่านมา ทำผลตอบแทนได้สูงถึง 82.83% ซึ่งโดยส่วนตัวแอดคิดว่าเป็นผลมาจากการอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed ที่ทำให้หุ้นอเมริกาและอีกหลายๆประเทศขึ้นมาทำ New High ทั้งๆที่สถานการณ์โควิท 19 ก็ยังไม่ได้หายไป แต่ถ้านับผลตอบแทนต่อปีเฉลี่ยในระยะเวลา 3 ปี กองทุนนี้ก็ยังให้ผลตอบแทนสูงถึง 30.12% ต่อปีซึ่งถือว่าสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยจากตราสารทุนที่อยู่ประมาณ 8-10%
2.กองทุน TMBCOF
เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นในประเทศจีน โดยเป็นกองทุนแบบ Active ซึ่งทางผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นที่ทำธุรกิจในจีนและมีการเติบโตสูง เช่น Alibaba, Tencent, TAL Education
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศจีนกำลังก้าวมาเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกที่กำลังมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี และ นวัตกรรมใหม่ๆไม่แพ้อเมริกา เพราะงั้นเราควรแบ่งเงินลงทุนมาลงทุนกองทุนประเทศจีนด้วยซึ่งแอดคิดว่ากองทุน TMBCOF เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีมากๆเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆที่ลงทุนในประเทศจีน
ทางด้านผลการดำเนินงานของกองทุน TMBCOF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในการลงทุน 5 ปี สูงถึง 20.09% ต่อปี ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่สูงเลยทีเดียว
3.กองทุน TSF-A
เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย โดยมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active (ไม่ได้เคลื่อนไหวตามดัชนีตลาดเหมือน Passive แต่ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้จัดการกองทุน) กองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 15 ตัวและจะโยกตัวไปเรื่อยๆตามโอกาสที่ผู้จัดการกองทุนได้เล็งเห็น ซึ่งแอดคิดว่าในตอนนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยซึ่งมีผลการดำเนินงานดีที่สุด เนื่องจากราคา Nav ในปัจจุบันทำ New High ไปแล้วทั้งๆที่ดัชนี Bench mark อย่าง Set index ยังอยู่ที่แค่ 1,500 จุดน้อยกว่ายอด High เดิมที่ประมาณ 1,800 จุดพอประมาณเลยทีเดียว หมายความว่าผู้จัดการกองทุนดำเนินงานได้ Outperform กว่าตลาด
ทางด้านผลการดำเนินงานของกองทุน TSF-A มีผลการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 12.39% ต่อปี ถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของดัชนี Set index ที่อยู่ประมาณ 8-10% ต่อปี โดยเฉพาะผลการดำเนินงานใน1ปีล่าสุดทางกองทุนนี้ให้ผลตอบแทนสูงถึง 35.97% ซึ่งมากกว่าดัชนี Set index ที่ให้ผลตอบแทน -4.48% ใน1ปีที่ผ่านมามากเลยทีเดียว
เขียนบทความโดย นักลงทุนตัวอ้วน
โฆษณา