22 ม.ค. 2021 เวลา 07:01 • การ์ตูน
and the review goes to.. "ดาบพิฆาตอสูร - ศึกรถไฟสู่นิรันดร์"
สวัสดีครับทุกคน โพสต์นี้จะมารีวิว the Movie ที่แฟน ๆ นักล่าสูรรอคอยอย่าง "ดาบพิฆาตอสูร - ศึกรถไฟสู่นิรันดร์" หรือ "Kimetsu no Yaiba - Mugen Train" ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดอันดับ 1 ตลอดกาลของญี่ปุ่น จะสุดยอดขนาดไหนมารีวิวกัน
ก่อนเข้าฉายมีดราม่าเกี่ยวกับการใช้ดารามาพากย์ตัวละครขวัญใจมหาชนอย่าง "เซนอิทสึ" ซึ่งผมจะพูดในประเด็นนี้อีกทีในตอนท้าย (ถึงผมจะดูซับไทยก็เถอะ)
ดาบพิฆาตอสูร - ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวต่อจากอนิเมดาบพิฆาตอสูร SS1 ซึ่งจบตอนที่ทีมงานนักล่าอสูร 3 คนคือ ทันจิโร่-อิโนะสุเกะ-เซนอิทสึ และเนซึโกะ ขึ้นรถไฟเพื่อไปปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับรถไฟปริศนาที่มีคนหายไประหว่างทางกว่า 40 คน ซึ่งนักล่าอสูรทั่วไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ ทำให้ภารกิจครั้งนี้ต้องถึงมือของ "เร็นโงคุ เคียวจูโร่" เสาหลักเพลิงแห่งสมาคมนักล่าอสูร
การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้จะจบลงเช่นไร ติดตามได้ใน ดาบพิฆาตอสูร - ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ 9 ธันวาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
หลังจากสร้างปรากฏการณ์ดังพลุแตกจากอนิเม 26 ตอนแรกด้วยงานภาพระดับเทพ ฉากแอคชันสุดเร้าใจ และเนื้อเรื่องที่ปล่อยให้ค้างคาในตอนจบ ทำให้ Mugen Train กลายเป็นหนังที่แบกรับความคาดหวังของแฟน ๆ ดาบพิฆาตอสูรทั่วโลกไว้อย่างเต็มเหนี่ยว ซึ่งหลังจากปล่อยออกมาให้รับชมแล้วก็บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังจริง ๆ กับความเล่นใหญ่ของ studio Ufoable ที่รักษามาตรฐานได้ดีบวกกับฉากจัดใหญ่สุดอลังการดาวล้านดวงสำหรับ the Movie โดยเฉพาะ
the Movie ภาคนี้เป็นการนำเนื้อเรื่องเล่ม 7-8 มาทำเป็นเวอร์ชันหนังโรง ซึ่งผมว่าเป็นการเดินเกมที่สุดยอดมาก เพราะเนื้อเรื่องช่วงนี้เหมาะสมที่จะทำเป็น the Movie จริง ๆ
นั่นคือ Mugen Train เป็นเหตุการณ์ที่ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป สามารถเริ่มเรื่องและเข้าสู่บทสรุปสวย ๆ ได้ภายในเวลาประมาณชั่วโมงครึ่งโดยที่เนื้อหายังครบถ้วนและเพียงพอสำหรับใส่ฉากแอคชันยาว ๆ แน่น ๆ รวมถึงมีการเปิดตัวตัวละครดีกรีเสาหลักเพิ่มจุดขายของหนังได้อีกด้วย
หนังยังคงเสน่ห์ของดาบพิฆาตอสูรไว้นั่นคือเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่าย+ดำเนินเรื่องไม่ซับซ้อน ทำให้สามารถสนุกไปกับหนังโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก และที่สำคัญคือหนังพาเราไปทำความรู้จักกับตัวละครในระดับที่ลึกมากขึ้น ทำให้ยกระดับความรู้สึกร่วมกับตัวละครได้มากขึ้นไปอีก เมื่อเข้าใจที่มาที่ไปและการกระทำของแต่ละตัวละครก็จะอินกับหนังไปโดยปริยาย
โดยที่ความสนุกจะขึ้นกับสถานการณ์ที่ตัวละครต้องเผชิญซึ่งค่อนข้างเล่นกับความรู้สึกของคนดู และการโชว์ความสามารถของตัวละครทั้งสองฝ่ายที่ปล่อยของแบบจัดเต็ม ประกอบด้วยการดำเนินเรื่องที่เรียกได้ว่า Climax ตั้งแต่ต้นยันจบ หนังดึงคนดูเข้าไปในเรื่องได้โดยใช้เวลาไม่นาน คิดว่าเกริ่น ๆ คุยกันไม่เกินสิบห้านาที ที่เหลือคือยำใหญ่ใส่สารพัด ดึงอารมณ์กันยาว ๆ จนจบเรื่อง
การดัดแปลงครั้งนี้เคารพต้นฉบับแบบมากถึงมากที่สุด ลำดับเนื้อเรื่องแทบจะเรียกได้ว่าเป๊ะ สิ่งที่ผมยกให้เป็นจุดเด่นที่สุดของหนังคือการ "ถ่ายทอดอารมณ์ของฉบับหนังสือ" ได้ดีมาก ๆ ด้วยน้ำเสียงของนักพากย์ เอฟเฟคของปราณ หรือโมเมนต์น่ารักต่าง ๆ ทำออกมาโดยให้ความรู้สึกว่าใส่ใจทุกรายละเอียด เป็นหนังที่ถ่ายทอดอามรณ์ต่าง ๆ ออกมาจากต้นฉบับได้เกินร้อยเปอร์เซ็น
ทำให้ "ทุกซีนอารมณ์" ในหนังเป็นซีนที่สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้ดีมาก ๆ
ทีนี้ผมขอแยกการรีวิวเป็น 2 ข้อ สำหรับ
1.คนที่ไม่เคยอ่านมังงะเล่ม 7-8
2.คนที่อ่านมังงะเล่ม 7-8
1. คนที่ไม่เคยอ่านมังงะเล่ม 7-8
เชื่อได้เลยว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ "คุมค่า" มากมากมากมากที่สุดสำหรับการดูหนังเรื่องนี้ ในขณะที่ทุกคนแตกฮือกันไปซื้อมังงะมาอ่าน การอดเปรี้ยวไว้กินหวานครั้งนี้ของคนที่ไม่ได้อ่านมังงะจะออกดอกออกผลเป็นผลลัพธ์ที่ถึงขั้นเสียน้ำตาได้เลย และเดินออกมาจากโรงด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกับความดีงามของหนังที่รอคอย
ทั้งฉาก Climax ฉาก Surprise การเติบโตของตัวละคร ทุกอย่างในเรื่องเป็น "การรับรู้ครั้งแรก" ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้รู้สึกได้เลยว่า Mugen Train นี้ "เหมาะสม" กับการเป็น the Movie มากขนาดไหน
2. คนที่อ่านมังงะเล่ม 7-8
ซึ่งก็คือตัวผมเองด้วย แน่นอนว่าการไปดูหนังที่รู้ตอนจบอยู่แล้วย่อมไม่สนุกเท่าคนที่ดูครั้งแรก แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะอย่างที่บอกไว้ในตอนต้นว่าการถ่ายทอดอารมณ์ทำออกมาได้เกินร้อยเปอร์เซ็น
มังงะนั้นมีขีดจำกัดในระดับหนึ่ง ซึ่งขีดจำกัดนั้นจะถูกข้ามผ่านด้วยการถ่ายทอดที่โคตรอลังการบนจอเงิน เชื่อว่าต่อให้รู้แล้วว่าใครจะชนะหรืออะไรจะเกิดขึ้นก็ยังสนุกอยู่ดี ในเมื่อเราเคยอ่านมาและรู้ว่าตอนนี้มันสนุก การมาดู event สนุก ๆ ในฉบับอนิเมชันจอยักษ์ต่อเนื่องกว่าชั่วโมงครึ่งยังไงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
สรุป
ดาบพิฆาตอสูร - ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ โคตร-คุ้ม-ค่า แก่การรอคอย ของดีมากไม่ว่าจะเคยอ่านมาแล้วหรือยังไม่เคยอ่าน คุ้มค่าน่าซ้ำ ผมก็กะจะไปซ้ำ (พากย์ไทย) อีกรอบเพราะว่ามีฉากต่อสู้ที่คุยกันเยอะ รู้สึกว่าเสพงานภาพได้ไม่เต็มที่
ส่วนพากย์ไทยก็ต้องทำใจไว้บ้าง แต่หลังจากดูผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมดาราถึงได้พากย์เซนอิทสึ เพราะเปรียบเทียบกันในหมู่ตัวละครหลักแล้วเซนอิทสึถือว่ามีบทน้อยที่สุดสำหรับ Mugen Train นี้
ซึ่งผลงานพากย์จะออกมาดีแค่ไหนผมคงต้องไปเจอกับตัวก่อน
สำหรับโพสต์นี้ก็จบลงเท่านี้ สนับสนุนการ์ตูนลิขสิทธิ์กันเยอะ ๆ เราจะได้มีการ์ตูนดี ๆ ดูในโรงหนังกันต่อไปนะครับ
สวัสดีครับ
โฆษณา