24 ม.ค. 2021 เวลา 12:40 • หนังสือ
วันนี้ผมจะมารีวิวหนังสือ ‘ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ’
.
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคุณ นัตสึคาวะ โซสึเกะ
แปลโดยคุณ ฉัตรขวัญ อดิสัย
หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายญี่ปุ่น แนวแฟนตาซี
ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปมากกว่า 15 ประเทศทั่วโลก
.
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ นัตสึกิ รินทาโร่
ที่มีนิสัยชอบเก็บตัวและชอบอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก
ได้สูญเสียคุณปู่ที่เป็นเจ้าของร้านหนังสือมือสอง
ทำให้เขาต้องมารับช่วงต่อของร้านหนังสือ
แต่ป้าของเขาจะมารับไปอยู่ด้วย
แถมยังมีการได้พบกับแมวลายทางสีส้ม
ที่บอกว่าตนเป็นผู้พิทักษ์และขอยืมพลังจากรินทาโร่มาปลดปล่อยหนังสือ
ในเขาวงกตต่างๆ ผ่านการผจญภัยมากมาย
สุดท้ายเรื่องราวจะเป็นอย่างไร จะทำภารกิจสำเร็จแล้วรักษาร้านได้หรือไม่
สามารถไปอ่านกันได้นะครับ
ซึ่งผมจะเล่ากึ่งสปอยเล็กน้อย แถมด้วยความคิดส่วนตัวครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เนื้อเรื่องจะแบ่งออกเป็น 3 บทใหญ่ๆ และมีสรุปรวมเป็นบทสุดท้าย
ว่าด้วยการที่รินทาโร่และแมวสีส้มที่ชื่อ โทระ ได้ไปช่วยปลดปล่อยหนังสือ
โดยแบ่งเป็น 3 เขาวงกต และ1 บทสรุป
เขาวงกตที่ 1
ผู้กักขัง เป็นคนที่เร่งอ่านหนังสือตะบี้ตะบันอย่างหนักให้ได้เดือนละ 100 เล่ม เพื่ออ่านให้ได้มากที่สุด
เขาวงกตที่ 2
ผู้ตัดฉับ ๆ เป็นคนที่เร่งพัฒนาการอ่านหนังสือให้เร็วที่สุด
เขาวงกตที่ 3
ผู้ขายดี เป็นคนที่ตั้งใจพิมพ์หนังสือขายเฉพาะหนังสือที่สามารถขายได้
เพื่อทำกำไร
และเขาวงกตสุดท้ายเป็นการสรุปทั้ง 3 เขาวงกตที่ผ่านมา
.
.
ความคิดเห็นและข้อคิดที่ได้หลังอ่าน :
ในคำนำสำนักพิมพ์บอกไว้ว่า หนังสือที่เราเก็บเต็มตู้ เราเก็บไว้แบบไหน
หนังสือที่อ่านไปเพียงคร่าว ๆ นั้น เราเคยได้กลับมาอ่านอย่างละเอียดไหม
หรือในมุมของคนทำหนังสือเอง เราผลิตหนังสืออะไรออกมาให้คนอ่านกัน
และหนังสือให้อะไรกับเรา หนังสือเล่มนี้ได้บอกไว้แล้ว
แต่เสียดสีมากพอสมควรนะครับ
.
ตอนไปซื้อหนังสือเล่มนี้มา ผมได้มาตอนงาน winter fest
ที่สามย่านมิตรทาวน์ เมื่อปลายปีที่แล้ว
ด้วยความที่อยากลองอ่านอะไรใหม่ ๆ
อยากลองอ่านแนวนิยายดูและเห็นว่าเกี่ยวกับหนังสือ
เลยลองเลือกเล่มนี้มา อยากจะบอกว่าพี่ที่ร้าน Bibli แนะนำดีมาก ๆ ครับ
.
โดยหลังจากอ่านรู้สึกว่าภายในเล่มมีข้อคิดที่ทำให้มีความรักหนังสือมากขึ้น
สะถ้อนถึงการอ่านในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
มีการเสียดสีถึงนักอ่านในบทแรกและบทที่ 2
และผู้จำหน่ายหนังสือในบทที่ 3
แม้จะบอกว่ามีการเสียดสีมากมาย
แต่โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกชอบมาก ๆ ครับ ได้ข้อคิดดี ๆ
ได้เห็นความหมายของการอ่านหนังสือมากขึ้น
แม้การผจญภัยจะไม่หวือหวามากนัก
แต่ก็มีการดำเนินเรื่องที่ดี(ความคิดส่วนตัวครับ)
เพราะการนำมารีวิวนี้เป็นการอ่านรอบที่ 2 ของผม
หลังจากอ่านจบไปเมื่อปีที่แล้ว
.
.
.
ข้อความที่ชอบ :
“การอ่านหนังสือก็คล้ายกับการปีนเขา การอ่านหนังสือไม่ควรหวังแค่ความสำราญ
หรือความน่าตื่นเต้น บางครั้งเราต้องดื่มด่ำไปทีละประโยค อ่านเนื้อหาซ้ำไปซ้ำมา
หรืออ่านช้า ๆ พร้อมกับกุมขมับไปด้วย งานที่ยากลำบากนั้น ช่วยเปิดโลกทัศน์แบบไม่ทันตั้งตัว
เหมือนเวลาปีนยอดเขา แล้วเห็นทิวทัศน์กว้างไกล “
ในความคิดของผม ข้อความนี้เหมือนเป็นการบอกให้เรา
ใช้เวลากับหนังสือให้มากขึ้น ดื่มด่ำกับเนื้อหาของมัน
.
“ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่ายาก แปลว่าเรื่องที่เขียนนั้นเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา
การได้พบหนังสือยาก ๆ คือ โอกาสนะ ”
ข้อความนี้ทำให้ผมเข้าใจว่าเวลาอ่านแล้วเจออะไรยาก ๆ
นั่นเป็นโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น
.
.
ข้อคิดที่ตกผลึกได้จากการอ่าน :
1 การอ่านไม่จำเป็นต้องอ่านให้เร็วเสมอไป ค่อยๆซึมซับเนื้อหา
ก็เป็นการมองในมุมใหม่ ๆ และสัมผัสความสนุกจากการอ่านได้เหมือนเดิม
2 การอ่านเจอสิ่งยาก ๆ นั่นคือโอกาสในการเรียนรู้ที่มากขึ้น
3 คนที่อยากให้สังคมของหนังสืออยู่รอด คือ คนที่รักหนังสือ (อยากให้ลองไปหาตำตอบกันในเล่มนะครับ)
.
.
ด้วยความที่เป็นนิยายเล่มแรกๆที่เคยอ่าน แถมน่าจะเป็นนิยายญี่ปุ่นเล่มแรก
ถ้ามีคำแนะนำสำหรับการรีวิวก็ชี้แนะได้นะครับ
หรือมีหนังสือเล่มไหนอยากแนะนำก็บอกได้เลยนะครับ
หรือมีสำนักพิมพ์อยากส่งมาให้อ่านก็ได้นะครับ ^^
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
.
.
สำนักพิมพ์ Bibli
จำนวน 232 หน้า
1
โฆษณา