Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เขมานันทะในใจเรา - ชาติพันธุ์ภาวนา
•
ติดตาม
31 ม.ค. 2021 เวลา 22:00 • ปรัชญา
เปลวไฟกลางสายธาร (ประกายไฟกลางสายธาร) (๑๒)
ชำแรกเข้ากระแสธรรมชาติ
โลกที่เราอาศัยอยู่นี้ เรามักจะคิดว่ามันสะสมประวัติศาสตร์ของมัน แต่โลกจริงๆ ไม่เคยสะสมประวัติศาสตร์ของมัน มันสะสมอยู่ที่ความจำและความคิดของมนุษย์
ธรรมชาติทั้งหมดบริสุทธิ์ ไหลไป เปลี่ยนไป ไม่มีทิศทาง เหมือนสายน้ำที่หลั่งไหลไป ไม่ได้สะสมประวัติศาสตร์ของมัน เราพูดเท่านั้นว่าสายน้ำไหลจากจุดหนึ่งไปถึงจุดหนึ่ง แต่มันไม่เคยสะสมความจำเอาไว้ ประวัติศาสตร์ของโลก โลกก็ไม่ได้จดจำไว้ แต่มนุษย์เรียนรู้ว่าโลกนี้มีที่มาด้วยหน่วยข้อมูลที่ทรงจำไว้ และคาดคิดย้อนอดีต และพยากรณ์ไปในอนาคตได้
ท่าทีเช่นนี้เป็นการเรียนรู้แบบนักคิด หาเหตุผล แต่การเรียนรู้ของนักปฏิบัติธรรมนั้น เราไม่ได้เรียนอย่างนั้น เราชำแรกเข้าไปในท่ามกลางกระแสของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นทั้งการอิงเหตุผลและเหนือเหตุผล
เหตุผลเป็นเพียงเครื่องทำความเข้าใจชีวิต เป็นสิ่งจำเป็น แต่ว่าอาจจะเป็นอุปสรรคถ้าวิธีคิดเช่นนั้นไม่มีความรู้สึกตัว การทำความรู้สึกตัวทั่วถึงอยู่ จะทำให้ค่อยๆ ลืมอัตตาแปลกปลอม เราจะค่อยๆ แทรกตัวคืนสู่สภาพธรรมดั้งเดิม เป็นการก้าวไปเหนือเหตุผล
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ามีแต่ธรรมชาติล้วนๆ เท่านั้นที่ไหลไป เป็นการสืบต่อของสังขารธรรมล้วนๆ เท่านั้น ไม่มีความหมายว่าเป็นตัวเราหรือของเรา
ความผิดพลาดของเรานั้นเป็นผลสืบต่อจากความเข้าใจผิดเรื่องตัวเอง, ตัวตน วันแล้ววันเล่าที่เรามุ่งเข้าเสริมความเชื่อมั่นว่า ตัวเรามี และของของเรามี และดังนั้นโอกาสที่เราจะล่วงรู้ถึงว่าทุกสิ่งเป็นเพียงธรรมชาติบริสุทธิ์นี้ทั้งยาก
จินตนาการแบ่งแยกว่ามีตัวเราผู้เห็น จะเป็นอุปสรรคกางกั้น ให้เราไม่อาจเห็นแจ้งและบริสุทธิ์ได้ ในการฟังก็เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเราฟังเป็น เราจะรู้สึกถึงว่าเสียงน้ำไหลคือตัวเรา ตัวเราคือเสียงน้ำไหล คือแสงเดือน เสียงเขียด เสียงกบ
ความรู้สึกนี้ต้องไม่พลัดไปสู่ลักษณะที่เป็นกวีหรือความพยายามให้เกิดอารมณ์รัญจวนใจกับธรรมชาติ จะต้องเป็นความรู้สึกที่สมัครสมานลงไปในใจเพราะความปรองดองของกายและจิต
ความรู้สึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างทุกสิ่งซึ่งรวมลงในหนึ่ง ความเป็นเอกภาพเดียวของหลายๆ สิ่ง ปัจเจกลักษณะกับอนันตภาพนั้นกลมกลืนกัน และดังนั้นจึงมีคำพูดที่ว่า ถ้าท่านอยากจะรักษาหัวใจของพุทธธรรมไว้ ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำหยดหนึ่ง ขอท่านจงไปฝากไว้ในมหาสมุทร และน้ำค้างคืนหนึ่งแปดหมื่นสี่พันหยด ไม่มีน้ำค้างใดเลยที่มันจะสมบูรณ์ไปได้ ไม่มีปัจเจกใดที่เป็นอัตตาสมบูรณ์
ตัวเราที่เป็นลักษณะเกิดจากการแบ่งแยก เป็นสิ่งสมบูรณ์ไม่ได้ สมบูรณ์และไม่สมบูรณ์เป็นวิกัลลปะ เป็นความคิด เป็นภาษา แต่เมื่อเราซึมซาบถึงธรรมชาติดั้งเดิม เราจะข้ามพ้นจากคำพูดที่ว่าสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ ข้ามความมีเหตุผลหรือไร้เหตุผล
ปีแล้วปีเล่าที่เรามัวแต่โอ้เอ้สาละวนแต่เรื่องไม่มีสาระอะไร เราไม่เคยเลยที่จะสนใจธรรมชาติจริงๆ อย่างเต็มเปี่ยมหัวใจ เราเป็นคล้ายๆ พวกสุนัขที่เห่าหอนอะไรอยู่โดยรอบ สนใจแต่เรื่องปลีกย่อย เรื่องเพลิดเพลินทางตา ทางหู คิดนึก พะเน้าพะนออัตตาของตัวอยู่ วันแล้ววันเล่า สูญเสียเวลาให้แก่สิ่งเหล่านั้นมากเกินไป
เราอาจจะมีความรอบรู้ว่าชีวิตของเราต้องพัฒนาไปตามลำดับ นี้เป็นเหตุผลของผู้ที่วกวนอยู่ในอารมณ์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงชนิดที่ค่อยๆ พัฒนาไปแล้วจะเข้าถึงได้ ความเชื่อเช่นนี้ เป็นความเชื่อผิดๆ มาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลแล้ว ที่ว่าตัวของเรานี้เปรียบเหมือนดั่งขดด้าย เมื่อกลิ้งออกไปจนถึงที่สุด เส้นด้ายนั้นก็หลุดออกจากเครื่องผูกพันเอง ซึ่งก็ไม่ต่างจากความเชื่อที่ทำให้เกิดโอ้เอ้กับเรื่องอื่นๆ เลย
ถ้าเราเห็นสิ่งทั้งปวงตามที่เป็นจริงนั้น หมายความว่าเราเห็นแจ้งต่อชีวิต ชีวิตก็คือการเห็นแจ้งนั่นเอง การเห็นแจ้งคือเห็นแจ้งสิ่งทั้งปวง เห็นแจ้งสิ่งทั้งปวงคือเห็นแจ้งชีวิต
ชีวิตก็คือสิ่งทั้งปวง ชีวิตมิได้แยกจากสิ่งทั้งปวง ความสงบสุข ความเป็นนิรันดร ความยุบตัวลงของอดีต อนาคต ความขาดลงของการสืบต่อเป็นสิ่งที่พึงรู้ประจักษ์แจ้ง
จิตที่หายดิ้นรนก็เป็นจิตที่สงบแล้ว จิตที่ดิ้นรนก็เป็นจิตที่ยังเสาะแสวงหาอยู่ จิตที่เสาะแสวงหาก็เนื่องจากวิกัลลปลักษณะแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย เมื่อสาละวนแยกแยะก็ยิ่งพบแต่กองอุปสรรคนานัปการ
1
เราไม่อาจทำลายกองมืดได้ด้วยวิธีการแยกแยะสิ่งทั้งปวงออกตามที่ตัวเราต้องการ เจตนาที่แยกแยะนั้นเป็นเจตนาที่เลือก แต่สภาวะธรรมชาตินั้นอยู่นอกเหนือการเลือกของมนุษย์ เราเลือกใส่เสื้อผ้าตัวนี้ หรือรองเท้าคู่นี้ ไม่เลือกใส่คู่โน้น แต่การเลือกชีวิตนั้นไม่มีวันเลือกได้ เราอาจจะเลือกว่าเรามีอาชีพเป็นสถาปนิก เป็นครู หรือเป็นบรรพชิต
แต่ตัวชีวิตอยู่นอกเหนือการเลือก เหนือการรับหรือการปฏิเสธ ด้วยการเข้าไปซึมซาบอยู่กับธรรมชาติแท้ ความรัก เมตตา ปรานี ความไม่รุนแรง และอคติทั้งหลายจึงจะจางคลายจากเราไป
มิตรผู้ร่วมกันไปในทางของการรู้แจ้งนั้น ก็กลับกลายเป็นเครื่องประเทืองอารมณ์ เป็นที่ดูดดื่มใจต่อกัน
เปลวไฟกลางสายธาร (ประกายไฟกลางสายธาร)
การบรรยาย ท่ามกลางป่าเขา น้ำตก และความหนาวเหน็บบนดอยในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๒ หลายชีวิตไปรวมกันอยู่บนม่อนผาลาด ดอยสุเทพ
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เปลวไฟกลางสายธาร
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย