31 ม.ค. 2021 เวลา 16:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
⚠️[MUST READ]⚠️ วิกฤต GameStop ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ! หลังทาง CNBC พยายามจะช่วยกลุ่มนายทุน Wall Street โดยการบอกว่าฝั่งนักลงทุนรายย่อยที่ปั่นหุ้นควรโดนลงโทษ แต่กลับโดน Chamath แฉกลับกลางรายการสด ถึงความลับของเหล่านายทุน Wall Street #ที่พยายามโกงรายย่อยมาโดยตลอด !
5
#คลิปสัมภาษณ์นี้กำลังทยอยถูกลบ ออกจาก YouTube เพราะทาง Wall Street คงให้ปล่อยไว้ไม่ได้ แต่ทางแอดได้ฟังไปก่อนแล้ว จึงอยากมาสรุปทุกอย่างให้ทุกท่านฟังกัน
3
บทความนี้จะมีบทสรุปที่กระจ่างตอนสุดท้าย ลองอ่านกันดูจนจบนะครับ ตั้งใจเขียนจริงๆ
4
📌 GameStop #เกมส์ปั่นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงมีผลกระทบลูกโซ่อย่างต่อเนื่อง และมันอาจเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Wall Street เลยก็ว่าได้ เพราะต่อไปนี้กฎเกณฑ์ทุกอย่างกำลังอาจโดนเปลี่ยนไปตลอดกาล
5
1️⃣ หลายๆครั้งเวลาเราได้ยินคลิปสัมภาษณ์อะไรที่พูดถึงอนาคตอันไกล ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้กระทบอะไรกับชีวิตเราในวันนี้เลย เราอาจจะชอบฟังผ่านๆแล้วลืมมันไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปและเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเราเข้าจริงๆ เราจะกลับจำได้อย่างชัดเจนเลยว่า เราได้เคยฟังคำเตือนเรื่องนี้มาก่อนแล้ว !
4
ใครเคยมีอารมณ์แบบนี้บ้างไหมครับ ?
3
2️⃣ คล้ายๆกับคลิปที่ Bill Gates เคยออกมาเตือนพวกเราเกี่ยวกับการเตรียมตัวรับมือโรคระบาดทั่วโลกผ่าน TED Talk แต่ก็กลับไม่มีใครรับฟังหรือนำเอาไปทำอะไรต่อ แต่พอเกิดไวรัสระบาดขึ้นจริงๆในปีที่ผ่านมา ทุกคนกลับบอกว่า "รู้งี้ !" น่าจะฟังไว้ดีกว่า
6
3️⃣ คลิปสัมภาษณ์ของ Chamath Palihapitiya เมื่อ 2 วันก่อนนี้ ฟังผ่านๆแล้วอาจจะไม่มีอะไร แต่แอดรู้สึกได้เลยว่ามันกำลังจะเป็นคลิปที่มาเปลี่ยนโฉมวงการลงทุนทั่วโลก และมันกำลังทำให้ #นักลงทุนรายย่อยเริ่มได้เปรียบมากขึ้น
3
ไม่เช่นนั้นแล้วทาง Wall Street คงไม่มีทางสั่งให้ CNBC รีบลบคลิปนี้ออกจาก YouTube ให้หมดแน่ๆ
1
4️⃣ ความลับของเหล่ากองทุนเก็งกำไรใน Wall Street ที่ Chamath แฉออกอากาศแบบสดๆนั้น ทางแอดจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะอธิบายออกมาให้ละเอียดที่สุด แต่ถ้าใครอยากฟังคลิปเต็มๆก็ลองดูลิ้งค์ที่เราแนบให้ได้เลยครับ (ถ้ามันยังไม่ถูกลบ)
2
📌 ทางเพจได้เคยพูดถึง Chamath Palihapitiya บ่อยครั้งแล้ว แต่เชื่อว่าผู้คนเกินครึ่งคงยังไม่รู้จักเขา ทางแอดจึงขอแนะนำเขาอีกครั้ง เพราะเชื่อเถอะครับ เขากำลังจะมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลต่อโลกนี้ไปไม่น้อยกว่า Elon Musk เลยทีเดียว
3
5️⃣ Chamath Palihapitiya คือผู้ก่อตั้งกองทุน Social Capital และเป็นอดีคผู้บริหาร Facebook ที่บางท่านอาจจะคุ้นหน้าเขามาก่อนจากหนังเรื่อง Social Dilemma ใน Netflix ที่ออกมาแฉความลับของ Facebook
6
6️⃣ Chamath ได้เคยทำงานที่ Facebook มาก่อน ก่อนที่จะลาออกมาตั้งกองทุนลงทุนของตัวเองและทำกำไรเติบโตได้อย่างน่าอัศจรรย์ถึง 1,000% ภายในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและถือว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของโลกทีเดียว และได้ฉายาว่าเป็น Warren Buffett 2.0
5
7️⃣ Chamath ตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ แต่เขาได้สอนกับนักเรียนมหาวิทยาลัยว่า หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ไม่ว่าเขาพยายามจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้นอย่างไร (ดีขึ้นจากในมุมมองของเขา) ก็คงไม่มีใครยอมฟังเขา เพราะโลกไม่ได้เปลี่ยนแปลงด้วยเสียง #แต่โลกนี้เปลี่ยนแปลงได้ด้วยเงินทุน
13
8️⃣ นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาลาออกจาก Facebook เพราะว่าหากเขาอยู่ที่องค์กร Facebook ต่อไป เขาคงไม่สามารถมีเงินพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ไปในมุมที่เขาต้องการได้ (แม้แต่จะพยายามเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่าง Facebook ที่พยายามเน้นกำไรมากกว่าความถูกต้องในมุมของเขา เขายังทำไม่ได้เลย เพราะเขาไม่มีเงินพอ)
6
9️⃣ แต่แล้ววันนี้หลังจากที่ Chamath ได้ร่ำรวยขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีเขาตั้งใจที่ะนำเงินทุนของเขาไปช่วยเหลือและเปลี่ยนแปลงสังคมในมุมต่างๆที่เขามองไว้ และ 3 อย่างแรกที่เขาอย่างเร่งพัฒนาตอนนี้คือ การลดโลกร้อน ระบบดูแลสุขภาพประชาชน และระบบการศึกษา
7
🔟 และเมื่อ 2 วันก่อนทาง Chamath ก็เพิ่งประกาศที่จะลงสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ว่ารัฐ California ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกของเขาในวงการการเมืองอย่างแท้จริง
6
📌 หนึ่งคำคมที่ Chamath ได้ฝ่ากไว้กับเหล่านักเรียนในวันนั้นคือ
2
"ถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่และอยากเปลี่ยนแปลงสังคมหรือโลกใบนี้ คุณไม่ต้องพยายามส่งเสียงเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น คุณต้องตั้งหน้าตั้งตาทำเงินให้ได้เยอะๆก่อน เพราะไม่ว่าคุณจะชอบมันหรือไม่ ความจริงคือ โลกนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเงินทุนอย่างเดียวเท่านั้นในเวลานี้ เมื่อไหร่ที่คุณหาเงินได้เยอะพอ คุณค่อยนำเงินนั้นไปเปลี่ยนแปลงโลกนี้ในแบบที่คุณต้องการ
43
#แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง ขอจงอย่าลืมคติประจำใจในวันเริ่มแรกของคุณก่อนที่จะร่ำรวยขึ้นมาเท่านั้นเอง"
14
ทางแอดอยากให้ทุกท่านจับตา Chamath ไว้ และหวังว่า Chamath จะไม่ลืมคติประจำใจในวันที่เขาเริ่มเข้าไปเล่นการเมืองแล้วเองด้วย
2
📌 สิ่งที่ทาง Chamath และ CNBC ได้พยายามถกกันเมื่อวันก่อน
1️⃣1️⃣ เนื่องการล้างแค้นของแมงเม่าต่อนายทุน Wall Street ในครั้งนี้ ทางเหล่ากองทุนเก็งกำไรใน Wall Street ได้ขาดทุนเงินรวมกันในหุ้น GameStop ตัวเดียวไปกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญ (ุ6 แสนล้านบาทแล้ว) ยังไม่รวมหุ้นตัวอื่นๆใน Wall Street ที่คาดว่ากำลังเสียหายหนักไม่แพ้กันอีกด้วย
2
1️⃣2️⃣ ทางกองทุนใน Wall Street จึงได้มีการไปฟ้องหน่อยงานควบคุมตลาดหุ้นของสหรัฐ SEC (เหมือน กลต. ของไทย) ให้มาตรวจสอบเหล่านักลงทุนรายย่อยที่ทำการปั่นหุ้นกันอย่างหนัก และขอให้มีการระงับเทรด
4
1️⃣⃣3️⃣ ทาง CNBC ได้ต่อสายสดไปหา Chamath เพื่อหวังว่าจะได้ยินมุมมองของเขาในเรื่องนี้ แต่... พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะต้องเจอการสัมภาษณ์ที่โหดที่สุดในชีวิต
3
1️⃣4️⃣ ทาง Chamath เริ่มการสัมภาษณ์โดยการบอกว่า เขาได้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม Wall Street Bets ใน Reddit มาสองวันแล้ว และเขาก็ได้ทำการซื้อหุ้น GameStop ด้วยเงิน 100,000 เหรียญ และได้กำไรมา 5 เท่าในวันต่อมา (เขาซื้อ Call Options) แต่เขาจะนำเงินกำไรและเงินต้นทั้งหมดนี้บริจาดให้กับ Bar Stool Fund หรือกองทุนที่กำลังช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด
18
1️⃣5️⃣ Chamath เริ่มโจมตีทางกองทุน Wall Street ว่าทำไมต้องมาฟ้องทางเหล่านักลงทุนรายย่อย พวกเขาผิดอะไรที่มารวมตัวกันเทรด พวกเหล่ากองทุนเองก็มีการรวมตัวกันรุมรายย่อย ซื้อข้อมูลการเทรดของรายย่อยไปวิเคราะห์ มีนัดทานข้าวกันลับๆที่ร้านแาหารหรูเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอด แล้วทำไมถ้ารายย่อยจะทำกันเองบ้างถึงทำไม่ได้ ?
10
1️⃣6️⃣ และต้นเหตุที่ทำให้ทาง Wall Street เสียหายหนักขนาดนี้ก็เกิดจากความโลภมากของพวกเขาแบบไม่ระวังเอง โดยการเข้าไป Short หุ้นเยอะเกินไปจน Free Float เหลือน้อย และหากรวมการใช้สัญญาอนุพันธ์หรือการ Leverage เข้าช่วย พวกเขาได้ Short หุ้น GameStop มากถึง 138% หรือมากกว่าจำนวนหุ้นรวมเสียอีก
12
1️⃣7️⃣ และเมื่อรายย่อยเห็นช่องในการทำกำไรจากปริมาณ Short ที่เยอะขนาดนี้ พวกเขาก็รวมตัวกันดันราคาให้ทาง Wall Street ต้องยอมปิดขาดทุนไป Chamath มองว่านี่เป็นเกมส์ที่แฟร์มาก ไม่แน่ใจว่าทำไมรายย่อยจะต้องถูกเอาผิดด้วย หากจะมีใครโดนเอาผิดจาก SEC ควรจะเป็นเหล่ากองทุนมากกว่าที่เข้าไป Short หุ้นได้มากถึง 138% !
18
📌 ทางคนสัมภาษณ์ CNBC เริ่มตอบไม่ถูกเมื่อถูกโจมตี พวกเขาพยายามเปลี่ยนประเด็นไปเรื่อยๆ และพยายามถามว่าทำไม Chamath และเหล่าเศรษฐีชื่อดังคนอื่นๆอย่าง Elon Musk, Mark Cuban (เจ้าของทีม NBA Dallas Mavericks) และ 2 สองแฝด Winklevoss (ที่ฟ้อง Mark Zukerberg ว่าโขมยไอเดียของ Facebook) ถึงยืนอยู่ข้างนักลงทุนรายย่อย ?
8
ทำไมพวกคุณถึงพยายามเทน้ำมันและก่อให้แรงไฟในการประท้วงในตลาดทุนนั้นรุนแรงขึ้น ? พวกคุณจะรับผิดชอบอย่างไรถ้ารายย่อยหลายคนต้องเจ็บตัว
2
1️⃣8️⃣ Chamath จึงแฉความลับอย่างต่อเนื่องว่า เขาจะไม่ยืนอยู่ข้างนักลงทุนรายย่อยได้อย่างไร ในเมื่อนักลงทุน Wall Street นั้นเอาเปรียบรายย่อยมาหลายปีแล้ว และวันนี้พอรายย่อยเริ่มลุกขึ้นมายืนสู้ได้ เขามองว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทีเดียว โลก Internet ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่ารายย่อยไม่จำเป็นต้องเสียเปรียบตลอดไป
13
1️⃣9️⃣ Chamath อธิบายว่านอกจากทางกองทุนเก็งกำไรใน Wall Street จะได้เปรียบจากการที่มีเงินทุนเยอะ จากการที่พวกเขาเคยรวมตัวกันได้ง่ายๆ เพราะว่าหัวหน้าใหญ่ๆรู้จักกันและฮั่วกันอยู่แล้ว ทางกองทุน Wall Street ยังได้เปรียบจากการไม่ต้องรายงานหุ้นที่ตัวเองซื้อขายให้ประชาชนทราบอีกด้วย หรืออย่างน้อยก็รายงานแค่ไตรมาสละครั้งซึ่งน้อยไป
6
2️⃣0️⃣ Chamath กลับเรียกร้องแบบสดๆออกอากาศให้ทาง SEC เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ และยกตัวอย่างเหล่ากองทุน ETF ที่ต้องมีรายงานการซื้อขายหุ้นทุกวัน (เช่น ARK Invest ของ Cathey Woods เป็นต้น) ถ้า SEC อยากให้ตลาดหุ้นเป็นคลาดที่โปร่งใสจริงๆ ต้องเข้ามาปลดล็อคตรงนี้ให้ได้
7
2️⃣1️⃣ Chamath แฉต่อว่าในอดีตนั้นกองทุน Wall Street เคยเอาเปรียบรายย่อยหมดทุกทางทั้งขาขึ้นขาลง ในทางขาขึ้นเขาก็สามารถปั่นราคาขึ้นไปรอก่อน และในขาลงก็สามารถทำการ Short Sell และปล่อยให้รายย่อยมากมายต้องติดดอย (Chamath ใช้คำว่า Bag Holder แทนคำว่าติดดอย)
3
เราเห็นการกระทำเหล่านี้มานานในหุ้นหลายๆตัวมาเป็นเวลานานแล้ว และก็ไม่มีใครทำอะไรกับมันเลย พอรายย่อยรวมตัวกันไม่ได้ก็ไม่มีทางชนะ แต่วันนี้พอรายย่อยรวมตัวกันได้ ก็หาว่าพวกเขาปั่นหุ้น ??
2
2️⃣2️⃣ ซึ่งเอาจริงๆอย่าให้ผมเริ่มบอกเลยว่าการปั่นหุ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับกองทุน Wall Street พวกเขาไม่ได้แค่ปั่นด้วยตัวเองแต่ยังจ้างนักนักคณิตศาสตร์มาทำระบบเทรดอัตโนมัติเพื่อมากินเงินรายย่อยอีกด้วย !
5
2️⃣3️⃣ และนี่ยังไม่รวมถึงเหตุการณ์ในวิกฤตการเงินในปี 2008 ที่เหล่ากองทุนถือความเสี่ยงอย่างใหญ่มากผ่านการ Leverae (อธิบายไปในบทความก่อนหน้านี้) ซึ่งก็เป็นการปั่นตลาดจากฝั่งกองทุน แต่สุดท้ายพอตลาดล้มลงมาก ทางกองทุน Wall Street กลับได้เงินช่วยเหลือดูแลจากรัฐบาล (Bailout) ในขณะที่รายย่อยที่โดนหลอกเข้าไปซื้อก็ต้องสูญเสียหลายๆอย่างในชีวิตไป บางคนต้องขายบ้าน ขายรถทิ้ง
8
2️⃣4️⃣ ทำไมพวดคุณ CNBC และ Wall Street ถึงคิดว่านี่ยังเป็นตลาดที่แฟร์ ? และทำไมรายย่อยจะต้องยอมเล่นบนกฏของ Wall Street ไปตลอด ?
4
📌 ทางคนสัมภาษณ์ CNBC ไปไม่ถูกแล้ว จะตัดรายการกลางอากาศเลยก็ไม่ได้ เลยต้องเบนความสนใจไปในมุมอื่นแล้วถามว่า "แต่การซื้อหุ้น GameStop ที่ราคา 300 เหรียญนี้ มันไม่ใช่การปั่นอย่างไร ? มีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานไหมว่าราคาจะไปได้สูงกว่านี้ถึงเข้าซื้อ ?"
3
2️⃣5️⃣ Chamath บอกว่าคนเราซื้อหุ้นไม่ได้จำเป็นต้องมาจากปัจจัยพื้นฐาน คนเราซื้อหุ้นเพียงเพราะ 3 เหตุผลเท่านั้น
2
1) ซื้อจากการวิเคราะห์งบการเงินในอดีต
2) ซื้อจากการวิเคราะห์กำไรในอนาคต
3) ซื้อเพราะว่าเห็นช่องในการเล่นไปกับ Momentum ของตลาด
14
ซึ่งรายย่อยก็สามารถใช้เหตุผลข้อ 3 ในการเข้าซื้อได้ ทำไมจะต้องเป็นข้อ 1 หรือข้อ 2 ตลอดเวลา ซึ่งตอนนี้เราเห็นได้ชัดว่ามีคน Short หุ้น GameStop นี้สูงมากเกินไป ทำไมนั้นถึงจะไม่เป็นเหตุผลเพียงพอในการซื้อ ทาง SEC จะต้องการเหตุผลอะไรไปมากกว่านี้ ?
2
📌 Chamath ยังแฉต่อไปอีกว่านักลงทุน Wall Street ไม่ได้แค่เอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย #แต่ยังเอาเปรียบเจ้าของกิจการอีกด้วย
1
2️⃣6️⃣ การ Short Sell ของเหล่ากองทุนเก็งกำไรเป็นการกดราคาหุ้นในตลาดลงอย่างหนัก ทำให้บริษัทที่พื้นฐานกำลังย่ำแย่อยู่ไม่มีโอกาสในการออกทุนเพิ่มเติมเพื่อมาปรับธุรกิจได้
4
2️⃣7️⃣ บางบริษัทในอดีตอาจจะอยู่รอดได้และไม่ล้มละลายหากว่าทางกองทุนเก็งกำไรหรือที่เรียกว่า Hedge Funds เหล่านี้ไม่เข้ามากดราคาหุ้น เพราะการกดราคาหุ้นเสมือนกับเป็นการตัดลมหายใจสุดท้ายของบริษัทนั้นทิ้งไปและต้องล้มละลายไปจริงๆ
10
2️⃣8️⃣ Chamath ยกตัวอย่างหุ้น Tesla เมื่อ 2 ปีก่อนว่าโอกาสรอดเป็นรอดตายนั้น 50-50 เลยทีเดียว วันนี้กองทุนเข้ามา Short หุ้น Tesla กันเยอะมาก จนทาง Elon Musk ไม่สามารถเพิ่มทุนจากในตลาดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทได้ แต่โชคดีที่ทางนักลงทุนรายย่อยยังเชื่อในตัวของ Elon และช่วยกันดันราคาหุ้นขึ้นมากันได้เรื่อยๆ
15
2️⃣9️⃣ ทำไมมันถึงต้องเป็นสิทธิของ Wall Street ที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าบริษัทไหนควรอยู่รอดหรือบริษัทไหนควรตายไป ? พวกเขาไม่ใช่พระเจ้านะ และถ้าบริษัทอย่าง Tesla ล้มลงไปเราคงไม่เห็นนวัตกรรมที่ดีกับโลกแบบนี้ ไม่มีบริษัทที่จะมาช่วยลดโลกร้อนเช่นนี้
13
3️⃣0️⃣ และถ้าจะให้พูดลึกลงไปอีก กองทุนเก็งกำไรเหล่านี้ก็เป็นส่วนที่ทำให้ปัญหาโลกร้อนของเราไม่รู้จักจบสิ้น เพราะว่าธุรกิจน้ำมันและรถยนต์น้ำมันยังทำเงินได้ดีมาตลอด ยังให้ปันผลได้สูง ทำให้เงินทุนเหล่านี้ยังใส่เงินเข้าไปช่วยเหลือและสนับสนุนธุรกิจเหล่านี้ตลอดเวลา
11
📌 สุดท้ายแล้ว Chamath ได้ปิดท้ายว่า #แต่โลกในการลงทุนเรากำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว
3
3️⃣1️⃣ จากที่เขาสังเกตุมา 2 วัน เขาเห็นว่านักลงทุนรายย่อยมีหลายคนที่เก่งและฉลาดไม่แพ้เหล่ามันสมองในกองทุนเก็งกำไรของ Wall Street เลย หรือบางทีอาจจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ และเขาดีใจมากที่นักลงทุนรายย่อยเริ่มมารวมตัวกันได้อย่างแข็งแกร่ง
2
3️⃣2️⃣ เพราะในอนาคตการรวมตัวกันเช่นนี้ของรายย่อยจะทำให้อิทธิพลของรายใหญ่นั้นลดลงไป และตลาดหุ้นจะได้เป็น #ตลาดที่เสรีอย่างแท้จริง
3
3️⃣3️⃣ และสุดท้ายตลาดหุ้นที่เสรีจะมาเป็นตัวช่วยเหลือในการ #ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมลงได้ หากทุกคนมีโอกาสเท่าๆกัน ไม่ใช่ว่าหากทางฝั่งกองทุนยังได้เปรียบ เหล่าคนรวยก็จะรวยขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกคนรวยคือคนที่ลงทุนในกองทุนเหล่านี้อยู่ และปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำก็จะไม่มีวันแก้ได้
7
📊 #สรุป และนี่ก็คือข้อความที่สำคัญของ Chamath ที่ว่า ตลาดหุ้นที่เสรีจะเป็นทางออกของปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ และเขามองว่าสังคม Online ใน Internet จะมาเป็นจุดเปลี่ยนตรงนี้
และเพราะการที่ระบบ Wall Street Bets #อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นในแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำ ไม่ว่าทาง SEC อาจจะมาปรับกฏได้จริงหรือทางรายย่อยมีข้อมูลกันมากขึ้น ทางแอดมองว่านี่จะเป็นสิ่งที่มาเปลี่ยนแปลงโลกของเราในทางที่ดีขึ้น
3
เรื่องราวและปรากฏการณ์ของ GameStop นั้นยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอีกมากมายให้มาถกกัน มันเป็น #การประท้วงระบบตลาดทุน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เราเคยเห็นมาและมันจะยังไม่จบง่ายๆแน่
4
🙏 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับ ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากครับ 😊
2
#ทันโลกกับTraderKP
โฆษณา