Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
10 ก.พ. 2021 เวลา 03:48 • นิยาย เรื่องสั้น
1.23. จากร้ายกลายเป็นดี
ซุนฮก กุนซือค้างคาว - โจหยิน เทพมุ่งมั่น - โจหอง เทพเสริมส่ง
ฝ่ายเตียวจูล่งรู้สึกงุนงงไปวูบหนึ่ง แสงสว่างวาบของฟ้าผ่านั้นเกิดขึ้นพร้อมเสียงดังสนั่นทำให้มันเสียสมาธิไปกับการบังคับม้าวูบหนึ่ง แล้วโจโฉที่อยู่ตรงหน้า พลันหายไปจากสายตาราวกับมีเวทมนต์ มันกวาดตามองไปรอบๆอย่างละเอียด เสียงลมหายใจหนักๆของคนสองคนยังคงอยู่ในบริเวณนั้นแทรกผ่านเสียงฝนที่ตกกระทบแผ่นดินและผืนหญ้า เพียงแต่มันมองไม่เห็นแม้เงาร่างผู้ใดเลย หรือว่า โจโฉเป็นลูกศิษย์เซียนตนใด สามารถฝึกฝนวิชาล่องหนหายตัวได้แล้วจริงๆ
จูล่งสังเกตเห็นหยดเลือดที่ด้ามทวน จึงรีบเพ่งมองตามพื้นดิน เพื่อมองหาร่องรอย และพบหยดเลือดหล่นตกกระทบพื้นดินไหลนองเจือจางอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างทาง มันค่อยๆดึงม้าเหยาะย่างเข้าไปให้ใกล้ตำแหน่งมากขึ้น เหมือนไม่ได้ตั้งใจ ห้าช่วงทวน สี่ช่วงทวน สามช่วงทวน และมันเตรียมจะผลักทวนเข้าใส่จุดหมาย อีกเพียงสองช่วงทวนเท่านั้นเอง ขออีกเพียงสองก้าวย่างเท่านั้น
ทันใดนั้น เสียงควบม้าศึกดังฝ่าสายฝนมาแต่ไกล กลุ่มสี่เทวะ และองครักษ์เตียนอุย พลันปรากฏกายขึ้นจากด้านหน้า และมุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว จูล่งรีบประเมินแล้ว ถึงโจโฉตาย แต่ตัวมันก็คงไม่รอดจากการรุมล้อม เรื่องอะไรจะเอาหยกไปแลกกระเบื้อง มันจึงได้แต่พุ่งทวนไปในตำแหน่งที่หมายตา แล้วไม่รอดูผลสำเร็จ มันก็รีบกระชากม้าเร่งหนีออกไปทางทิศตรงข้ามกันกับสี่เทวะในทันที
สามเทวะ และเตียนอุยควบม้าไล่ตามศัตรูออกไป เหลือแต่แฮหัวตุ้นยังหยุดรีรออยู่ตามเสียงเรียกของญาติผู้พี่ และคล้ายมึนงงที่เห็นร่างของโจโฉปรากฏกายขึ้นที่ใต้ต้นไม้นั้นอย่างกระทันหัน ทั้งที่เมื่อครู่ ยังดูคล้ายว่างเปล่า ไม่มีผู้คนชัดๆ
“เราคงตาฝาดไปเอง หรือว่าโรคตามัวของเรากำเริบขึ้นอีกแล้ว” มันคิดย้อนถึงอาการเก่าที่ถูก เผิงเสียน คู่แค้นวัยเด็กทำร้ายจนกลายเป็นโรคตามัวเรื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ภาพที่มองเห็น ผิดเพี้ยนบ้างเป็นครั้งคราว
“พี่ใหญ่ เป็นอย่างไรบ้าง” แฮหัวตุ้นตรงเข้าประคองตัวไว้ จึงเห็นทวนปักคาอยู่ที่ชายโครงด้านซ้ายของโจโฉ ดูท่าทางจะบาดเจ็บสาหัสนักแล้ว
“บาดแผลยังพอทนทานได้อยู่ ว่าแต่เจ้าตามมาพบข้าที่นี่ได้อย่างไรกัน” โจโฉสงสัยใจ พลันตระหนักว่า เสียงลมหายใจของท่านเซียนขาดหายไปแล้วเช่นกัน
“นายกองที่ท่านส่งไป เป็นคนแจ้งให้พวกข้าทราบว่าท่านรอความช่วยเหลืออยู่ที่นี่ พวกเราจึงได้ช่วยเตียนอุย ขับไล่ลิโป้ออกไป แล้วจึงตามมาพบท่าน”
แฮหัวตุ้นกล่าวเพียงสั้นๆ แต่ยิ่งกลับทำให้โจโฉเคลือบแคลงอยู่ภายในใจ “คนแรกคือคนที่หายตัวไปพร้อมกับข้า คนที่สองคือนายกองที่แอบอ้างชื่อ แสดงว่าต้องมีกลุ่มคนลอบแทรกแซงมาช่วยข้าในครั้งนี้ ไว้ข้าจะต้องสืบค้นให้กระจ่างต่อไป”
โจโฉยังบอกกับตนเองอีกว่า “พอถึงยามศึกกระชั้นชิด ขุนพลย่อมแยกย้ายไปจัดการรบตามวิถีทางศึก เราเองต้องเพิ่มองครักษ์ประจำตัวให้มากขึ้นในศึกคราวต่อๆไป หากจัดให้องครักษ์สองคนมาอยู่คู่กัน เราคงไม่ต้องลำบากถึงเพียงนี้”
โจโฉนับว่ารอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิดยิ่งนัก แต่ที่จริงแล้ว นี่คือผลงานแทรกแซงที่เกิดจากคนสามคน ผลงานของฟ้าฝนเป็นของอีกา การล่องหนอำพรางกายกลับเป็นของผู้วิเศษกระเรียน และผู้ที่ปลอมตัวเป็นนายกองแจ้งข่าวคือเหยี่ยวดำ ปฏิบัติการลับของหน่วยปักษาสวรรค์ยังคงสำเร็จลุล่วงอีกเช่นเคย
…
ภายหลังการรุมกระหนาบกองทัพโจโฉเสร็จสิ้นลงแล้ว จูล่งและพวกเล่าปี่พากันถอนทัพกลับสู่เขตแดนเมืองชีจิ๋วในทันที ด้วยว่าไม่อาจเชื่อใจกองทัพพรรคโจรฟ้าเหลืองฝั่งตรงข้าม จึงหยุดยั้งเพียงแค่การได้ชัยต่อโจโฉที่เป็นต้นเหตุแห่งปัญหาเท่านั้นหรือไม่ ส่วนเมืองกุนจิ๋วจะเป็นเช่นไร ค่อยว่ากล่าวกันในภายหลัง
วันต่อมา ข่าวการตายของโจโฉร่ำลือกันออกมาสอดคล้องกันกับสิ่งที่เตียวเลี้ยวได้รับทราบมาจาก “ท่านประมุข” ก่อนจากกันในสนามรบ จึงทำให้ลิโป้ย่ามใจนำทัพออกจากที่มั่นเมืองกุนจิ๋ว มุ่งหมายกำจัดกองทัพโจโฉที่หลงเหลืออยู่อีกครั้ง โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของตันก๋งแม้แต่น้อย
เพราะเชื่อมั่นในข่าววงในมากกว่า ทำให้กองทัพลิโป้เดินเข้าสู่กับดักวงล้อมกองทัพใหญ่ของพวกโจโฉ คราวนี้ ลิโป้เพียงคนเดียว ย่อมไม่อาจต้านทานการกลุ้มรุมของเตียนอุยจอมพลัง และค่ายกลสี่เทวะได้ จนต้องรีบหลบหนี และสูญเสียทหารไปแทบครึ่งค่อนกองทัพ
ทางด้านตันก๋งที่เฝ้ารักษาเมืองนั้น ก็โดนโจมตีจากกองทัพที่นำโดย อิกิ๋ม งักจิ้น และกุนซือหน้าใหม่ของโจโฉเช่นกัน ซ้ำชาวเมืองกุนจิ๋วรู้สึกผูกพันกับคนสกุลโจมากกว่า ยังลอบช่วยเหลือเปิดประตูเมืองด้วย สุดท้าย ตันก๋งได้แต่ตัดใจ นำเตียวเสี้ยนหนีออกจากเมืองมาสมทบกับลิโป้ก่อนจะไม่ทันการณ์
ในเมื่อเริ่มอับจนหนทาง ตันก๋งจึงเสนอให้ลิโป้ปกปิดฐานะผู้นำหน้ากากปีศาจ หลบหนีไปหาเล่าปี่ราวกับนักรบพลัดถิ่นทั่วไป ลิโป้เห็นว่า กำลังพลน้อยเกินต้านฝ่ายตรงข้าม จึงจำยอมให้เมืองกุนจิ๋วกลับสู่เงื้อมมือของโจโฉได้อีกครั้งหนึ่ง พร้อมทรัพย์สินมากมายที่พวกพรรคฟ้าเหลืองเพิ่งนำมาเก็บไว้ในคลังเมืองกุนจิ๋วนี้ด้วย
ที่จริง ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่นั้นเป็นสิ่งของที่ดาวอำพราง เตียวคีเพิ่งปล้นชิงมาจากโจโก๋และครอบครัวเมื่อช่วงเวลาก่อนหน้านั่นเอง หากแต่โจโฉไม่ทันตรวจสอบให้ละเอียด จึงพลาดข้อมูลส่วนนี้ไปอย่างน่าเสียดาย คนทั่วไปจึงเข้าใจเพียงว่า เป็นทรัพย์สินรากฐานของพรรคฟ้าเหลือง แต่ที่จริงคือ สมบัติดั้งเดิมที่โจโก๋สะสมมาตลอดทั้งชีวิต เพื่อให้บุตรชายได้ใช้เป็นทุนตั้งตัว
ทรัพย์สินมหาศาลกลับคืนสู่ลูกหลานสกุลโจตามเจตนาของโจโก๋ เจ้าของดั้งเดิม และเป็นทุนตั้งต้นให้กับโจโฉจริงๆ หากแต่เส้นทางการส่งมอบมรดกเลือดนั้น กลับทำร้ายผู้คนไปมากมายยิ่งนัก ไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของตนเอง
…
โจโฉกลับคืนสู่เมืองที่มั่นกุนจิ๋วได้อีกครั้ง จัดงานเลี้ยงขึ้นตอบแทนให้กับกุนซือสองคนสำคัญ คนที่หนึ่งคือ กุยแก กุนซืออมโรคที่ช่วยเหลือให้ที่ซ่อนตัวกับคนสกุลโจทั้งหลาย ตั้งแต่ โจซุน โจงั่ง โจผี และโจอันบิ๋น หลานชายที่ติดอยู่ในเมืองกุนจิ๋วไว้ได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่อาจช่วยนางเปียนสีไว้ได้ทัน
จากคำให้การของพ่อบ้านใหญ่เทียลิด ในขณะที่เกิดศึกชิงเมืองนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก กุยแกรีบนำทหารมาช่วยเหลือให้ไปยังสถานที่หลบภัย พอตรวจสอบแล้ว ทุกคนล้วนอยู่ในจวนที่พัก ยกเว้นแต่โจงั่งกับโจผีที่พากันออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก นางเปียนสีกังวลต่อความปลอดภัยของคนทั้งสอง จึงขอออกไปตามหาในตลาด ทั้งที่ถูกญาติมิตรช่วยกันห้ามปรามก็มิยอมรับฟัง
1
ดังนั้น นางจึงกลับสวนทางกันกับบุตรชายทั้งสองที่สามารถหาทางกลับมาจุดนัดพบฉุกเฉินได้เอง แต่การคลาดกันในเวลาสั้นๆนั้น กลับทำให้นางกลายเป็นเหยื่อสงคราม ถูกฆ่าตายไปอย่างไร้ความหมาย เฉกเช่นเดียวกันชาวบ้านร้านค้าทั่วไป
แน่นอนว่า กุยแก เทียลิด รู้สึกเศร้าสะเทือนใจต่อการตายของนางเปียนสี หากแต่โจโฉกลับปลุกปลอบใจให้กับลูกน้อง “หากท่านไม่คิดถึงภาพรวม สุ่มเสี่ยงยกพลไปช่วยเหลือเมียเรา ป่านนี้ คนสกุลโจอีกกี่ชีวิตเล่าที่ต้องสูญเสียไป พวกเจ้าทำได้ดีที่สุดแล้วสำหรับการศึกสงครามเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องขอบใจพวกเจ้านัก”
ส่วนคนที่สองคือ กุนซือคนใหม่ที่สร้างผลงานระหว่างศึกถึงสามเรื่อง นั่นคือ การชักนำให้พบตัวองครักษ์ใหม่ เตียนอุย ทวนวชิระ การปล่อยข่าวลวงการตายตามกระแส และการปลุกระดมมวลชนให้ช่วยยึดเมืองคืน มันคือซุนฮก
อันที่จริงมันควรจะระแวงซุนฮกอยู่ไม่น้อย เพราะในอดีตเมื่อครั้งยังอยู่ในเมืองหลวง มันเคยรับทราบมาว่า ซุนฮก บัณฑิตยากไร้ผู้นี้ เป็นเครือญาติกันกับซุนเกี๋ยน สหายเก่าของมัน แต่ดูเหมือนระยะหลังนั้น ทั้งสองจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่นัก จนตัดญาติขาดมิตรกัน
คำร่ำลือในยามนั้น เป็นเพราะซุนฮกประชดชีวิตต้อยต่ำ ติดหนี้ติดสินมากมายจากสุราและการพนัน อย่างไรก็ตาม ผีพนันที่มีมันสมอง กล้าคิดกล้าบอก ย่อมจะมีคุณค่าต่อกองทัพ มากกว่า บัณฑิตที่ไม่กล้ามีปากเสียง สักแต่รับเบี้ยหวัดไปวันๆ
“เราเพียงสืบเชื้อสายมาจากท่านบรรพบุรุษซุนจื้อในสมัยเลียดก๊กเช่นเดียวกันกับมัน แต่ด้วยความประพฤติที่เหลวแหลก และความคิดอ่านที่ประหลาดชอบกล ทำให้เรามิเคยนับญาติกันกับมันมานานแล้ว” ซุนเกี๋ยน สหายเก่าเคยเล่าถึงซุนฮกอย่างมีอารมณ์ไว้ในครั้งนั้น ต่อหน้าตนเองและอ้วนเสี้ยว ผู้เป็นเพื่อนรัก
ดังนั้น การที่ซุนฮกมาปรากฏกายในยามคับขันเช่นนี้ จึงน่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่อาจจะเป็นความคิดของซุนฮกที่หาโอกาสเข้าใกล้ตัวมัน เพื่อแสวงหาช่องทางรายได้ไว้ใช้จ่ายในวงการพนันของมันเอง
“คนทุกคนล้วนมีจุดอ่อนให้เกาะกุม จุดอ่อนของซุนฮกอาจจะเป็นเพียง อำนาจ เงินทอง หรือความลุ่มหลงในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เท่านั้น” โจโฉคิด
...
ในที่ประชุมทหาร โจโฉปรึกษากับกุนซือและนายทหารระดับสูง อันมี กุยแก ซุนฮก และกลุ่มสี่เทวะ ด้วยการเปิดประเด็นว่าสมควรมุ่งเป้าตามโจมตีลิโป้ที่ยังหลบหนีอยู่ และจัดการแก้แค้นกับพวกโตเกี๋ยมเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว หรือหันหัวหอกพุ่งเข้าโจมตีลิฉุยกุยกี ก่อนที่ทั้งสองจะทำลายล้างเมืองหลวงจนยับเยินไปกว่านี้
“หมากต่อไปของท่าน ควรใช้ทรัพย์สินที่ยึดได้จากลิโป้หรือพวกฟ้าเหลืองเอาไว้เป็นกำลังตั้งต้นของเราเสียเอง แทนที่จะส่งให้ลิฉุยกุยกีตามธรรมเนียมการศึก แล้วเร่งบุกยึดเมืองหลวง เตียงอัน เพื่อช่วยเหลือพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่ถูกลิฉุยกุยกีควบคุมอยู่ และพยายามยึดกุมอำนาจในเมืองหลวงนั้นให้ได้ก่อน เพราะขณะนี้ ลิฉุยกุยกี ยังไม่ทันระแวงต่อท่าน ต่อเมื่อท่านได้เป็นใหญ่ มีอำนาจแล้ว การล้างแค้นส่วนตัวกับพวกโตเกี๋ยมนั้นย่อมไม่ยากเย็นอีกต่อไป” ซุนฮกชิงกล่าวแนะนำโจโฉเพื่อสร้างผลงาน ส่วนกุยแกได้แต่รีบพยักหน้าสนับสนุนเช่นกัน
เพียงประโยคสั้นๆแค่นี้ ก็ทำให้โจโฉตาสว่าง และนับถือในความคิดของซุนฮกอย่างมากแล้ว การชนะศึกเมืองชีจิ๋วเป็นเพียงได้แก้แค้นแทนบิดา ได้ชื่อเสียงกลับมาเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการที่สามารถยึดเมืองหลวงช่วยกษัตริย์ได้นั้น กลับจะทำให้มันอยู่ในฐานะที่ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แล้วเรื่องอื่นๆย่อมไม่ยากเกินกว่าจะจัดการในภายหลัง เรื่องราวใดสำคัญเหนือกว่า ย่อมมองเห็นได้ไม่ยาก
ยิ่งไปกว่านั้น ซุนฮกก็ยังขันอาสาลักลอบเข้าเมืองหลวงด้วยตนเอง เพื่อบ่อนทำลายที่มั่นจากภายใน โดยอ้างว่า ยังคงมีเส้นสายภายในเมืองหลวงพอช่วยเหลือได้ ทำเอาที่ประชุมอึ้งไปกับคำกล่าวอวดอ้างนั้น เพราะนับว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงยิ่งนักสำหรับคนสายกุนซือที่่ปราศจากพลังยุทธ์สูงส่ง
โจโฉได้แต่ประเมินซุนฮก กุนซือคนใหม่ที่เปี่ยมด้วยสติปัญญา และมีความเชื่อมโยงกับขุมกำลังซ่อนเร้นด้วยความหวาดระแวง แต่ซุนฮกในยามนี้ กลับดูเหนือกว่ากุยแก ตรงที่สามารถลงสนามรบ คลุกคลีวงในถึงใจกลางสมรภูมิได้ทุกเมื่อ ซึ่งกุนซือสมบูรณ์แบบเช่นนี้ นับเป็นสิ่งที่มันต้องการมากเป็นที่สุด
กุยแกตระหนักถึงสถานการณ์ตรงหน้าเช่นกัน ซุนฮกมีความพร้อมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ จิตใจก็ห้าวหาญกล้ารุกกล้าถอย ดูแล้วช่างคล้ายคลึงกับโจโฉผู้เป็นนายใหญ่ไม่น้อย เห็นที ตำแหน่งกุนซือใหญ่ของมันอาจจะเริ่มสั่นคลอนเสียแล้ว
…
ยามนั้น ลิฉุย กุยกี สองผู้สำเร็จราชการกำลังสืบทอดพฤติกรรมเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นในยุคทรราชย์ตั๋งโต๊ะแทบไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม นอกเสียจากว่า ครั้งนั้น พวกมันเป็นเพียงลูกสมุนอ้างคำสั่งเจ้านาย แต่บัดนี้ กลับกลายเป็นตัวพวกมันเองที่กุมอำนาจในฐานะหุ้นส่วนที่ทัดเทียมกัน การกระทำชั่วช้าจึงไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนคราวก่อนอีกแล้ว
แต่พอส่วนแบ่งต้องถูกจัดสรรเป็นสองส่วนเช่นนี้ น้ำหนักการต่อรองรีดไถจึงคล้ายหนักหน่วงกว่าแต่ก่อนเสียด้วยซ้ำ ทำเอากลุ่มพ่อค้าต้องรวมตัวกันหาทางออกเพื่อความอยู่รอด นโยบายสหพันธ์การค้าจึงถูกปัดฝุ่นขึ้นมาใช้อีกครั้ง โดยมีสหายเก่ารุ่นน้องของเจ้าสัวเกียวชวน นามว่า จงฮิว เป็นตัวหลักในการประสานงาน
อันที่จริง เกียวชวน เจ้าพ่อการค้าที่ลงใต้ไปกับซุนเกี๋ยนนั้น ยังมีน้ำหนักต่อวงการค้าไม่น้อย เมืองหลวงเตียงอันแต่เดิม พลังเศรษฐกิจยังอ่อนด้อย ต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากกลุ่มพ่อค้าวาณิชที่มาจากเมืองหลวงเดิมลกเอี๋ยงกว่าครึ่งค่อน ดังนั้น พอเจ้าสัวเกียวส่งสัญญาณให้จงฮิวออกหน้าเปิดตัว ก็สามารถระดมพรรคพวกได้อย่างรวดเร็ว โดยที่คนการเมืองน้อยคนจะล่วงรู้ความนัย
เพียงไม่นาน สหพันธ์การค้าหมาป่าเงินจึงถือกำเนิดขึ้น สร้างเครือข่ายธุรกิจภายใต้ร่มเงาความเปลี่ยนแปลงของระบบการปกครองใหม่ได้สำเร็จ กลับพอเป็นความหวังให้เมืองหลวงเตียงอันมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะเติบโตไปได้บ้าง หลังจากที่คลังหลวงขาดแคลนเครื่องบรรณาการจากเมืองอื่นๆมานาน
“หมาป่า” เป็นสัญลักษณ์ดั้งเดิม แต่แรก เป็นการสื่อถึงตั๋งโต๊ะ ผู้มีเชื้อสายชนเผ่า นับถือสัตว์ป่าประเภทนี้เป็นทุนเดิม ส่วน “เงิน” ที่เกียวชวน จงฮิว เพิ่มขึ้นมา ก็คือ เงินทอง จึงเป็นภาพความเชื่อมโยงอิทธิพลระหว่างกองทัพกับพ่อค้าอย่างแยบยล
มิติด้านเศรษฐกิจได้รับการแก้ไขไปแล้วบ้าง หากแต่มิติทางการเมืองกลับตกอยู่ในความมืดมนเช่นเดิม กลุ่มขุนนางนายทหารภายในราชสำนักแตกออกเป็นฝักเป็นฝ่าย บ้างอ้างอิงขุมกำลังเชื้อพระวงศ์ หรือขันทีที่เคยรุ่งโรจน์ บ้างรวมตัวคนในลัทธิการเมืองเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นขงจื้อ ม่อจื้อ แต่กลับไม่มีกลุ่มใดสามารถมีน้ำหนักคานกำลังอิทธิพลของฝ่ายตั๋งโต๊ะเก่าอย่างลิฉุย กุยกีได้เลย
กาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ จึงขอให้สองพี่น้องสกุลเอียว เอียวปิด อดีตหัวหน้าสายข่าวที่ยังคงเป็นผู้แทนพระองค์ กับเอียวปิว เสนาบดีผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นคนสำคัญสายม่อจื้อออกหน้า ให้ทำตัวเป็นดั่งในอดีตที่อ้องอุ้นทำลายสองสัมพันธ์ตั๋งโต๊ะ-ลิโป้ เพียงแต่ครั้งนั้น จุดอ่อนของสองพ่อลูกสามานย์คือหญิงงาม แต่จุดเปราะบางของสองคู่หูอันธพาลคือ ทรัพย์สินเงินทอง
แผนการปั่นหัวสองคู่หูทรราชย์จึงดำเนินขึ้นจากน้ำมือของเอียวปิด เอียวปิว โดยได้รับความร่วมมือจากจงฮิว หัวหน้าสหพันธ์การค้าหมาป่าเงิน วางแผนส่งส่วยรีดไถให้ผิดเพี้ยนกัน ทำให้ลิฉุย กุยกี แตกคอกันจนได้
…
ซุนฮกที่อาสามาก่อกวนวงในนั้น สอดแทรกเข้ามาพอดีในจังหวะที่สองคู่หูกำลังบาดหมางกันเพราะผลประโยชน์ถึงขีดสุด สองทรราชย์ถึงกับส่งคนออกไปรบพุ่งกันเอง ราวกับกลุ่มอันธพาลยกพวกตีกันที่ใจกลางเมืองหลวงแบบไม่เกรงใจใคร จนบาดเจ็บล้มตายอย่างมาก และเกิดไฟไหม้ลุกลามไปทั่วเมือง
ขุนนางสำคัญอันได้แก่ เอียวปิด เอียวปิว เกรงความรุนแรงจะไม่สงบลงง่ายๆ จึงได้แต่อัญเชิญฮ่องเต้ลี้ภัยสงครามออกนอกเมืองเป็นการชั่วคราว โดยมี เอียวฮอง ซิหลง เป็นสายทหารที่รับหน้าที่คุ้มกันภัยให้
ในจังหวะนั้น คนสกุลเอียวกำลังลังเลใจด้วยเอียวฮองมีจิตใจห้าวหาญ เสนอให้เอียวปิด เอียวปิว ร่วมมือกันกับตังสิน กาเซี่ยง เพื่อยึดอำนาจเอาไว้เสียเอง เช่นเดียวกันกับที่อ้องอุ้น-ลิโป้เคยทำในคราวก่อน แต่คนดังทั้งสองยังกริ่งเกรงอยู่ว่า ตังสิน ซิหลง อาจจะต้านทานลิฉุย กุยกีไม่ไหว และยิ่งไม่แน่ใจว่า กาเซี่ยงจะมีความจริงใจจริงจังเพียงไรต่ออุดมการณ์การเมืองแบบนี้
เหตุการณ์การเมืองจึงพลิกผันไปอีกทิศทางหนึ่ง กองทัพระลอกคลื่นซึ่งเคลื่อนที่ได้รวดเร็วของโจโฉและขุนพลสี่เทวะ ถึงกับสามารถบุกผ่านเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวง และเข้าถึงตัวพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้อย่างง่ายดาย หากแต่ลิฉุย กุยกี กาเซี่ยง สามตัวการหลักกลับหายสาบสูญไปก่อน
จากความชุลมุนวุ่นวายของสถานการณ์ เอียวฮอง ตัวตั้งตัวตีที่ต้องการผลักดันสกุลเอียวให้ยึดอำนาจ กลับถูกสังหารตายไปอย่างมีเงื่อนงำ ทำให้สองพี่น้องคนดัง เอียวปิด เอียวปิวเกรงกลัวภัยมืดลุกลามถึงครอบครัว ยินยอมล้มเลิกความคิดเป็นใหญ่ไปโดยปริยาย
ขุมกำลังกุนจิ๋วของโจโฉจึงยึดครองอำนาจการบริหารของรัฐบาลฮั่นได้เฉกเช่นครั้งก่อนที่ตั๋งโต๊ะแห่งเสเหลียงเคยทำ แต่โจโฉ และบรรพชนสกุลโจในอดีต โจเท้ง โจโก๋ มีสายสัมพันธ์กับผู้คนมากมายหลากหลาย และมีภาพพจน์ต่อต้านทรราชย์ชัดเจน จึงทำให้เหล่าขุนนางนายทหารล้วนยอมรับได้โดยง่าย
ฮ่องเต้หนุ่มน้อยเคยพบเห็นโจโฉมาก่อนบ้างแล้ว ย่อมรับรู้ว่า ขุนทหารผู้นี้เข้มแข็งองอาจ ผู้คนสนับสนุนหลากหลาย และมีความคิดลึกซึ้งพอให้พึ่งพาได้มากกว่าพวกคนสกุลเอียวที่อยู่เคียงข้างกายมานาน แต่ไม่มีผลงานจับต้องได้ จึงยอมแต่งตั้งโจโฉให้ขึ้นเป็นมหาอุปราช และผู้สำเร็จราชการไปพร้อมกัน หวังให้ช่วยกันกอบกู้แผ่นดินราชวงศ์ฮั่นให้กลับมายิ่งใหญ่ได้เช่นเดิม
จากการที่ขั้วอำนาจเดิมทั้งหลายล้วนเสื่อมโทรมลงไปมาก จึงง่ายต่อฝ่ายโจโฉที่จะรื้อโครงสร้างราชการครั้งใหญ่ด้วยการสั่งปลดประจำการพวกสูงอายุ หรือไม่มีผลงานชัดเจน แต่งตั้งคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาอยู่ในตำแหน่งสำคัญ โดยรื้อฟื้นสายสัมพันธ์เดิมที่มีมาก่อนกับฝ่ายขันที ฝ่ายทหาร และฝ่ายขุนนาง จนคล้ายเปลี่ยนโฉมหน้าวงการการเมืองในราชสำนักเลยทีเดียว
ซึ่งต้องถือว่า โจโฉมีภาพลักษณ์โดดเด่นในการประสานความสัมพันธ์กับกลุ่มต่างๆได้เป็นอย่างดี ด้วยชีวิตการทำงานในเมืองหลวงที่ผ่านมายาวนาน ขุนนางนายทหารมีชื่ออย่างเช่น เอียวปิด เอียวปิว ตังสิน และซิหลง ก็ให้การสนับสนุน ทำให้โจโฉมอบตำแหน่งสมุหกลาโหมและสมุหนายกให้กับเพื่อนเก่าอย่างสองพี่น้องสกุลเอียวเป็นการตอบแทนน้ำใจ
งานใหญ่แรกเริ่มที่กระทำก็คือ การย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองฮูโต๋ทางด้านเหนือแทนเตียงอันที่บอบช้ำสาหัสด้วยภัยสงคราม อย่างน้อย ฮูโต๋ยังมีพื้นที่สมรภูมิรบที่ดีและมั่นคงกว่าเตียงอันที่เสี่ยงต่อการโจมตีจากขุมกำลังตะวันตกได้ง่าย
พอเปลี่ยนจากกลุ่มสองทรราชย์มาเป็นวีรบุรุษกู้ชาติโจโฉ กระแสการเมืองย่อมกระเพื่อมไหวไม่น้อย บรรดาเจ้ามณฑลเจ้าเมืองที่เคยแข็งขืนย่อมต้องชั่งใจว่า จะเลือกสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ฮั่น ยอมรับรัฐบาลใหม่ หรือจะยังแสดงตนกระด้างกระเดื่องให้เป็นเหตุต้องถูกปราบปรามในฐานะขบถแห่งแผ่นดิน ซึ่งสองกุนซือเชื่อมั่นว่า ขุมกำลังทั้งหลายยังไม่พร้อมจะแตกหักในเร็ววันนี้
ต่อมา ซุนฮก ยังเสนอให้รื้อฟื้นระบบคุณธรรม จริยธรรม ในรูปแบบลัทธิขงจื้อที่ถูกละเลยเสื่อมโทรม หลังจากอ้องอุ้นถูกสังหารตายไป โดยดึงตัวนักปราชญ์อาวุโส ขงหยง ทายาททางสายเลือด และผู้นำลัทธิขงจื้อคนปัจจุบัน ที่เป็นเจ้าเมืองปักไฮ ให้ขึ้นมาเป็นผู้นำทางการศึกษารุ่นต่อไป
ขงหยงที่เป็นเสาหลักการศึกษาสายขงจื้อมาตลอดนั้น มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทำให้วงการบัณฑิตเกิดกระแสตื่นตัวคึกคักยิ่งนัก พวกบัณฑิตต่างพากันออกหน้าผลักดันแนวความคิดการปกครอง เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้เกิดความจงรักภักดีในระบอบกษัตริยาธิราช ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มก้อนต่างๆ หันมาเข้าร่วมมือกับรัฐบาลของตนต่อไป
ฝ่ายกุยแกก็เสนอแนวทางการสร้างกระแสความนิยมให้กับโจโฉ ด้วยการแจกข้าวสาร เมล็ดพันธุ์พืช และทรัพย์สินเงินทองในคลังหลวงให้กับราษฎรทั้งหลาย รวมไปถึงการยกเลิกภาษี และเพิ่มพลังเศรษฐกิจให้กับฮูโต๋ เมืองหลวงใหม่ด้วยการสนับสนุน จงฮิว หัวหน้าสหพันธ์การค้าหมาป่าเงินอย่างเต็มที่ จนเกิดเป็นความหวังครั้งใหม่ของราชวงศ์ฮั่น หลังจากตกอยู่ในช่วงเวลากลียุคมาเนิ่นนาน
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนด้วยนโยบายกระถางสามขา ทั้งระบบราชการ (กองกำลัง) แนวความคิด (ขุนนาง) และประชานิยม (ราษฎร) ในที่สุด โจโฉก็ก้าวขึ้นสู่เส้นทางอำนาจอันยิ่งใหญ่ได้สำเร็จแล้ว จากการทำงานประสานกันของยอดกุนซือทั้งสองคนนี้ ภายใต้ช่วงเวลาสูญญากาศทางการเมืองเช่นนี้เอง
พอศึกในลงตัว หมดปัญหา ก็เหลือเพียงศึกนอกกับเหล่าเจ้านครผู้ปกครองเมืองทั้งหลายแล้ว
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 1 - มัจฉากลางวารี
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย