17 ก.พ. 2021 เวลา 02:01 • นิยาย เรื่องสั้น
1.30. หมู่มัจฉาระเริงชล (จบภาค 1)
เตียวล่อ อดีตจ้าวลัทธิข้าวเปลือก - เทียลิด กุนซือในเงามืด - ซิหลง ขุนพลพยัคฆราช
เตียวล่อไปแล้ว นกฮูก-ฮัวโต๋จ้องมองกระตั้ว-กาเซี่ยงด้วยความงุนงงสงสัย หลากหลายเรื่องราวที่รับฟังเข้าหู แต่ยากเย็นที่จะย่อยกลืน จนกระตั้วต้องกระตุ้นเตือนเพื่อนสนิท “ในเมื่อพวกเรารับภารกิจสำคัญมาแล้ว ก็ต้องกระทำให้ถึงที่สุด คำกล่าวของมันฟังดูไร้เหตุผล แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง ในเมื่อท่านก็ตรวจสอบความเป็นมาของมันอย่างชัดเจนแล้ว คงไม่อาจปฏิเสธเรื่องราวเบื้องหลังเช่นนี้ได้”
นกฮูกพยักหน้ารับคำ นึกย้อนไปถึงความหลังสมัยที่พวกมันยังอยู่ในองค์กรย้อนเวลา ตัวมันอยู่ในลำดับสี่ กระตั้ว ลำดับห้า และอีกา ลำดับหก ถือเป็นเพื่อนสามคนในกลุ่มนักเดินทางย้อนเวลา ที่มีอายุไล่เลี่ยกัน และอยู่ในสายบุ๋นด้วยกันทั้งสิ้น
ครั้งหนึ่ง คนทั้งสามแอบดื่มเหล้าเมามายอยู่ในห้องพัก อีกาที่มีพลังจิตพิเศษใช้น้ำเสียงแปร่งหูตามสำเนียงต่างชาติดั้งเดิม ถามกระตั้วด้วยความคะนอง “หากเราย้อนเวลากลับไปแล้วแอบแหกกฏลอบใช้พลังพิเศษ เพื่อสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง หรือเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ จะมีเกิดอะไรขึ้นมั้ย”
“องค์กรจะมีเวลาช่วงระยะหนึ่งในการตรวจสอบผลกระทบทางประวัติศาสตร์ หากใครทำอะไรนอกลู่นอกทาง ย่อมต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด ไม้ตายขององค์กรคือการจัดการกับเวลา เพราะฉะนั้น มันอาจจะสูญหายไปกับกาลเวลาตลอดกาล โดยที่เราท่านที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกัน อาจจะไม่เคยรับรู้การคงอยู่ของมันเลยด้วยซ้ำ” กระตั้วพยายามอธิบาย ทั้งๆที่รู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามเอื้อนเอ่ยโดยไม่ต้องการคำตอบจริงจัง เพราะเมาพับหมดสติไปก่อนแล้ว
“แต่ข้ากลับไม่เชื่อว่า องค์กรจะเก่งกาจถึงปานนั้น ไม่งั้น องค์กรป่วนอดีตบ้าบอนั่นคงล่มสลายไปนานแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากใต้เตียง เห็นชายหนุ่มผมยุ่งเหยิงคลานออกมา หน้าตายิ้มเยาะ “พวกเราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตกันตั้งหลายรอบ แต่เหมือนทำได้แค่ตั้งรับ ไม่เคยรุกตอบโต้ใส่พวกองค์กรบ้าๆนั่นสักที ถ้าท่านผู้นำทำตัวเป็นผู้รอบรู้ได้จริง ก็สมควรล้มล้างคู่ปรับกระจอกกลุ่มนั้นได้ตั้งนานแล้วสิ”
กระตั้วหรุบตาลงกระทันหัน แต่ยังกล่าวตอบ “น้องสิบสองกล่าวได้ดี พวกเราก็รู้สึกประหลาดใจในท่าทีของท่านผู้นำอยู่บ้างเหมือนกัน แต่อย่างไร เราก็เป็นหมากเบี้ยให้ท่านใช้สอยอยู่แล้ว ไม่ควรต้องคิดฟุ้งซ่านมากจนเกินไปดอก”
นกฮูกคาดเดาได้่ว่า กระตั้วเป็นนักการเมืองในสายเลือด ตราบใดที่ไม่แน่ใจว่า ฝ่ายตรงข้ามอยู่ฝ่ายใด ก็จะไม่ผลีผลามแสดงท่าทีให้ชัดเจน จนกลายเป็นหลักฐานพยานในการเอาผิดกับพวกมันได้ เด็กหนุ่มสติเฟื่องซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง อาจจะมีความนัยซ่อนเร้น ดังนั้น นกฮูกจึงเออออรับคำ แล้วแสร้งเมาหลับไปตามอีกาอีกคน
เด็กหนุ่มอัจฉริยะ แต่นิสัยประหลาด ยืดตัวบิดกาย ก่อนถือวิสาสะ คว้าเอาแก้วเหล้าที่วางบนโต๊ะพับ ยกขึ้นดื่มพรวด ก่อนกระแทกแก้วลง จนน้ำเมากระจายเป็นวงกว้าง ซ้ำยังใช้ท่อนแขนเช็ดเหล้าที่มุมปาก สะบัดไปด้านข้างอย่างไม่เสียดาย แล้วค่อยเดินออกไปจากห้อง “รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เถิด ฮ่าฮ่าฮ่า”
นกฮูกแอบเผยอตามองกระตั้ว เห็นเพื่อนสนิทหลับตานิ่งเฉยเหมือนเคลิ้มหลับไปแล้ว มันจึงล้มตัวปล่อยใจตัวเองให้หลับนอนบ้าง แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ภวังค์ คล้ายรู้สึกเหมือนเงาคนเคลื่อนผ่านข้างกายวูบหนึ่ง เป็นคนที่ไม่มีใครมองเห็น
หลังจากเหตุการณ์ตกใจเสียงฟ้าผ่าในงานเลี้ยงเผยแพร่ออกไปแล้วด้วยฝีมือของใครก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ ชื่อเสียงของเล่าปี่ก็ดูตกต่ำลงบ้างในสายตาคนทั่วไป คล้ายกับเป็นคนอ่อนแอ ไม่มีความองอาจกล้าหาญดังที่ควรจะเป็น
หากแต่กษัตริย์เหี้ยนเต้ยังไม่ลดความพยายาม คงเดินหมากให้พระเจ้าอาเล่าปี่ช่วยเป็นผู้นำในการล้มล้างโจโฉ ถึงกับอ้างความเป็นญาติสนิทจัดประชุมลับในสวนหลวงเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างพวกตังสิน เอียวปิด เอียวปิว ให้กับเล่าปี่ อีกหลายครั้ง เพื่อหาทางดึงอำนาจคืนกลับจากอุปราชโจโฉ
ประเด็นสำคัญครั้งนี้ เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆที่กษัตริย์เหี้ยนเต้และขุนนางคู่พระทัย เริ่มไม่ไว้วางใจต่อขุมกำลังโจโฉที่แห่กันเข้ามาเกาะกุมอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จ จนอาจจะกลายเป็นการแทรกซึมยึดอำนาจเปลี่ยนแผ่นดิน ทำให้ทั้งหมดต้องการดิ้นรนล้มล้างกลุ่มอำนาจใหม่โดยเร็ว เพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม
ซึ่งสุดท้าย หัวหน้าองครักษ์ตังสินใจร้อน เสนอให้องค์กษัตริย์เรียกตัวโจโฉเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวในสวนหลวงนี้ และให้เล่าปี่จัดส่งกวนอู เตียวหุย เข้ามารอสังหารโจโฉ เลียนแบบเหตุการณ์โฮจิ๋นที่เคยถูกเรียกตัวเข้าวังมาสังหารในอดีต
ยังดีที่สองพี่น้องสกุลเอียวช่วยกันทัดทานไว้ เอียวปิด สมุหกลาโหมในฐานะที่เคยเป็นทหารสายข่าว ให้ความเห็นว่า โจโฉมิใช่คนประมาทเลินเล่อ ย่อมเข้าออกพร้อมองครักษ์เคาทู และทหารผู้ติดตามจำนวนมาก ยากที่จะทำการเช่นในอดีตนั้นได้แล้ว ตังสินยังไม่ใคร่เห็นพ้องนัก แต่ไม่อาจขัดแย้งกับเสียงส่วนใหญ่ได้
ส่วนเล่าปี่แอบสังเกตสีหน้าแววตาของกษัตริย์น้อย จึงพอเดาได้ว่า เหี้ยนเต้ก็ยินดีกับข้อเสนอของตังสิน จนอาจจะเคยพูดคุยนัดแนะมาก่อนแล้วด้วยซ้ำ ทำให้เริ่มรู้สึกได้ว่า การอยู่ร่วมใกล้ชิดกับกษัตริย์น้อยเช่นนี้ น่าจะสร้างความลำบากให้กับตนเอง และพวกพ้องร่วมขบวนการได้ในไม่ช้า
บทสรุปทิศทางที่เอียวปิด เอียวปิว เสนอให้ คือ การใช้ตำแหน่งสมุหกลาโหม และสมุหนายกที่มีอยู่ในมือนั้น ควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองเอาไว้ก่อน และนัดหมายให้อ้วนเสี้ยว อ้วนสุด ที่ถือเป็นญาติสนิท ประสานกันกับพวกเล่าปี่ทั้งสาม บุกสังหารโจโฉ จากนั้น ค่อยอาศัยกองกำลังของอ้วนเสี้ยว อ้วนสุด ในการยึดอำนาจ เฉกเช่นเดียวกันกับแผนการที่กาเซี่ยงเคยจัดการให้กับลิฉุยกุยกีเมื่อคราก่อน
เพียงแต่ความยากลำบากของเอียวปิด เอียวปิว ก็คือ การที่สี่เทวะและพวกขุนพลในสังกัดโจโฉได้ยึดครองตำแหน่งสำคัญทางทหาร ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าสายข่าว เสนาธิการ และการรบไปจนหมดสิ้น ทำให้สมุหกลาโหมเป็นเพียงตำแหน่งลอย ไม่อาจสั่งการเคลื่อนไหวกองทัพเหมือนแต่ก่อน
ส่วนฝั่งของขุนนางบริหาร ก็ถูกเหล่ากุนซือมีชื่อช่วยกันจัดคนเข้าไปตามตำแหน่งสำคัญไว้หมดแล้ว สมุหนายกจึงคล้ายเป็นตำแหน่งลอยเช่นกัน ดังนั้น การเคลื่อนไหวจากภายในจึงเป็นไปได้ค่อนข้างลำบากยิ่งกว่าในอดีต นับว่า พวกโจโฉแก้เกมไว้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่แรกแล้ว
และแล้ว ความโชคร้ายก็มาเยือนคนสกุลเอียวทั้งสองก่อนผู้อื่น เพราะเมื่อซุนฮกสืบค้นปูมข่าวย้อนหลังไปแล้ว พบว่า เอียวปิด เอียวปิวเคยทำหนังสือถึงขบถอ้วนเสี้ยว อ้วนสุด ขอให้บุกยึดเมืองหลวงจากลิฉุยกุยกี ก่อนที่โจโฉจะเป็นผู้ที่ทำสำเร็จได้ก่อน และเอียวปิวเองยังเชื่อมโยงเป็นเครือญาติด้วยการแต่งงานกับน้องสาวของพวกสกุลอ้วนด้วย ดังนั้น ตามธรรมเนียมการศึกแล้ว เอียวปิด เอียวปิว พัวพันกับคนขบถ สมควรมีความผิดขั้นประหารชีวิตทั้งตระกูล
แผนการจู่โจมปฏิวัติยังไม่ทันเริ่มต้นเคลื่อนไหว ผู้ก่อการสำคัญกลับตกอยู่ในที่นั่งอันตรายด้วยคดีความที่ค้างคามาแต่เดิมด้วยความบังเอิญพ้องต้องกันไปเสียแล้ว
ในห้องหนังสือส่วนตัว โจโฉกับเหล่ากุนซือ อันได้แก่ กุยแก ซุนฮก ตันกุ๋น กำลังพูดคุยปรึกษาเรื่องราวของพวกสกุลเอียว โจโฉยังลังเลใจเล็กน้อย เพราะเอียวปิดเคยเป็นสหายร่วมกองทัพกันมาเนิ่นนาน และเมื่อครั้งกุมอำนาจเมืองหลวงนั้น สองพี่น้องก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ดูไม่ออกว่าเคยปันใจให้พวกสกุลอ้วนแต่อย่างใด หรือเป็นเพียงเพราะเป็นไปตามสถานการณ์การเมืองบีบคั้นในช่วงนั้น
แต่แล้ว เสียงคุกเข่าโครมใหญ่ดังขึ้นภายนอกห้อง พวกโจโฉมองเห็นเป็นบัณฑิตวัยหนุ่มแปลกหน้า วัยเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี คงได้รับเลือกให้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแลการเรียนหนังสือให้กับโจผีบุตรชาย และเดินผ่านมาได้ยินโดยบังเอิญ แต่ไม่ทราบว่า เกี่ยวพันกับเรื่องราวอย่างใด
เสียงพ่อบ้านใหญ่เทียลิดดังลอยตามมา “บัณฑิตแซ่เอียว เจ้าเป็นอะไรไปหรือ จึงเข่าอ่อนทรุดตัวลงอยู่ตรงนั้น หรือว่าร้อนนักจนเป็นลมหน้ามืดไปชั่ววูบ”
บัณฑิตตอบคำเทียลิด แต่เหมือนตั้งใจให้คนในห้องหนังสือได้ยินไปพร้อมกัน “หามิได้ ที่จริง ท่านพ่อเอียวปิวกับท่านลุงเอียวปิดสนิทสนมคุ้นเคยกับท่านลุงโจมาช้านาน ข้าน้อยเอียวสิ้วเองก็เคยพบเห็นและได้ยินเสียงของท่านมาบ้าง จึงอดไม่ได้ที่จะต้องขอคารวะท่านผู้อาวุโสจากภายนอกสักคราหนึ่ง หวังให้พระคุณท่านคุ้มครองพวกเราไปอีกยาวนาน”
พ่อบ้านเทียลิดรีบฉุดรั้งพาตัวบัณฑิตน้อยให้พ้นไปจากหน้าห้องหนังสือตามหน้าที่ โจโฉกับเหล่ากุนซือสบตาวูบ รอคอยให้ภายนอกเงียบสงบ ตันกุ๋นค่อยว่ากล่าวต่อ “เด็กน้อยเอียวสิ้ว ร้ายกาจนัก ใช้คำพูดไม่กี่คำ ก็กระตุ้นเตือนพวกเราไม่ให้ทำการอุกอาจต่อพวกผู้อาวุโสของมันเสียแล้ว”
โจโฉยิ้มหยัน สบตากับตันกุ๋นเหมือนเข้าใจความนัย พลางสั่งความให้กับซุนฮกไปดำเนินการต่อในฐานะที่เป็นกุนซือต้นเรื่อง
ตอนแรก โจโฉยังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ “มัดก่อนหรือฆ่าก่อน” แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามบังเอิญมารับรู้เรื่องราวความลับนี้เสียแล้ว จึงจำเป็นต้องรีบเคลื่อนไหว ไม่ให้ทันได้ตั้งตัวได้
เอียวปิด เอียวปิว จึงจำต้องถูกกำจัดทิ้งก่อนที่จะกลายเป็นเภทภัยในภายหน้า นี่อาจจะนับได้ว่า เป็นเพราะความปากไวของหนุ่มน้อยเอียวสิ้วโดยแท้
วันถัดมา หลังจากที่เอียวปิด เอียวปิวเข้าเฝ้าหน้าท้องพระโรงเสร็จสิ้นแล้ว มหาอุปราชโจโฉจึงเดินเข้าไปทักทายตามปกติ และมอบกล่องอาหารพิเศษให้เป็นสินน้ำใจคนละกล่อง แต่พอกลับถึงบ้านแล้ว มาเปิดออกดูในห้องหนังสือส่วนตัว กลับพบเห็นแต่ความว่างเปล่าทั้งสองกล่อง
เอียวปิวงุนงงไม่เข้าใจความนัย แต่เอียวปิดเคยอยู่สายข่าว ย่อมทราบรหัสลับดังกล่าว จึงค่อยๆทำใจกล่าวเฉลยให้น้องชายรับฟัง “กล่องอาหารว่างเปล่า เป็นรหัสลับในวงการทหารสายจารชน ความหมายของมันก็คือ จงฆ่าตัวตายให้รวบรัดในทันที แล้วเบื้องหลังจะช่วยดูแลครอบครัวที่เหลือให้เอง หรือมิฉะนั้น จะถูกสังหารทิ้งล้างทั้งตระกูลภายในสามวัน ในช่วงเวลาที่เรารับรหัสลับเช่นนี้ ก็จะมีมือสังหารเฝ้าติดตามจับตาดูท่าทีของเราแล้ว”
เสียงกุกกักดังขึ้นจากบนหลังคา ในเมื่อเอียวปิดล่วงรู้รายละเอียดเช่นนี้แล้ว องครักษ์หมีทมิฬ ฉายาใหม่ของเคาทู จึงไม่จำเป็นต้องปกปิดร่องรอยอีกต่อไป ถึงกับเปิดกระเบื้องหลังคา จ้องมองลงมาอย่างท้าทาย
เอียวปิด เอียวปิว สองพี่น้องมองตากันแล้วยิ้มแห้งแล้งด้วยความจนใจ สถานการณ์การเมืองบีบคั้นให้คนไม่เป็นตัวของตัวเอง ครอบครัวพวกมันคลุกคลีอยู่ในวงการราชการมานาน จนพอจะทำใจได้ไม่ยาก ทางเลือกที่หนึ่งย่อมเป็นข้อเสนอที่ผ่อนปรนที่สุดแล้วของฝ่ายตรงข้าม
เช้าวันรุ่งขึ้น จึงมีผู้พบศพของสองพี่น้องสกุลเอียวเชือดคอตายอยู่ในห้องหนังสือนั้นเอง โดยไม่ปรากฏเบาะแสใดๆให้สืบสาว กลายเป็นคดีปริศนาอีกคดีหนึ่งในเมืองหลวง ส่วนเอียวหงี ลูกเอียวปิด เอียวสิ้ว ลูกเอียวปิว และครอบครัวทั้งหลาย ก็ได้รับการดูแลค้ำจุนจากอุปราชโจโฉตามสมควรแก่ฐานะต่อไป
ผลกระทบดังกล่าวย่อมทำให้ฝ่ายกษัตริย์เหี้ยนเต้ร้อนรุ่มใจ ไม่กล้าเรียกหาคนสนิทให้กลายเป็นที่ผิดสังเกต ปล่อยให้วันเวลาค่อยๆสะสางคลี่คลายในภายหลัง
ขุนพลซิหลง ที่พอคุ้นเคยกันกับพวกสกุลเอียวมาสักระยะหนึ่ง ย่อมสังเกตออกว่า การตายอย่างปริศนานี้เป็นกลการเมืองที่โจโฉเป็นผู้ลงมือสั่งการ แต่ตัวเองก็จนใจที่ไม่อาจช่วยเหลือเพื่อนฝูงเอาไว้ได้
ตัวมันคลุกคลีในวงการการเมืองมาสักระยะหนึ่ง ย่อมพบเห็นการเข่นฆ่าสังหารที่มีเงื่อนงำมากมาย บ้างสมควรยื่นมือช่วยเหลือ บ้างสมควรเพิกเฉยโง่งม มิเช่นนั้น ตัวเองจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ครั้งหนึ่งในอดีต มันที่แอบหมายปองซัวบุ้นกี ธิดาของราชครูซัวหยง แต่มิอาจเปิดเผยให้ใครล่วงรู้ เพราะตระหนักว่าหญิงงามมีเยื่อใยอาลัยต่อโจโฉ อดีตคนดังเมืองหลวง ได้แต่ซ่อนตัวติดตามเหตุการณ์ล้มล้างตระกูลบัณฑิต หมายใจเพียงช่วยเหลือหญิงที่ตนแอบรัก จึงได้พบเห็นภาพที่บัณฑิตโง่งมฉุดลากสาวน้อยให้หลบหนีไปได้ และอีกฟากฝั่ง เป็นจอมยุทธ์ลึกลับที่เข่นฆ่าสังหารทหารโฉดอย่างบ้าคลั่ง
มันประเมินฝีมือแล้ว หากเปิดเผยตัวตน ก็ไม่แน่ว่าจะได้ชัยโดยง่าย ในเมื่องานนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับมัน มันจึงได้แต่จากไปอย่างร่องรอย เก็บเรื่องราวไว้ในความทรงจำ ลาก่อน สาวน้อยผู้อาภัพรัก
ตั้งแต่นั้น มันตั้งใจมุ่งมั่นเพียงให้แผ่นดินสงบสุข ยามนี้ ภาพของแผ่นดินฮั่นที่รุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นกำลังจะกลับมา และมันจะเป็นหนึ่งในกลุ่มขุนพลที่ช่วยทำให้ปณิธานนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี รัฐบาลทหารอาจจะเหมาะสมแล้วต่อสถานการณ์เช่นนี้ และมันพร้อมจะพลีชีพเพื่อชาติตามประสาขุนพลมืออาชีพแล้ว เรื่องการเมืองซับซ้อนเช่นไร มันขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย
ในห้องลับที่แอบซ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมสราญรมย์ แหล่งบันเทิงชื่อดังประจำเมืองฮูโต๋ ที่เทียบเท่าชื่อเสียงของโรงเตี๊ยมสุขสำราญในเมืองหลวงเก่า ซุนฮกนั่งโต๊ะสนทนาอยู่กับอาคันตุกะแดนไกลสี่คน คนแรกเป็นคนเล่นพิณในชุดเสื้อผ้าหรูหรา คนที่สองหนุ่มใหญ่ผิวดำกร้าน คนที่สามถือทวนใหญ่ท่าทางองอาจ และคนสุดท้ายคือ ซุนแจ้ง ผู้นำตระกูลซุนคนปัจจุบันนั่นเอง
“หวังว่าอาการทางประสาท และความทรงจำของเจ้าจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว น้องเรา” คนเล่นพิณกล่าวด้วยความห่วงใย
“ขอบคุณพวกท่านที่ส่งหมอฮัวโต๋มาดูแล นับจากที่ข้าสำลักควันไฟหมดสติไปในโรงเตี๊ยมสุขสำราญครั้งนั้น ความทรงจำของข้าเหมือนจะขาดหายไปบางส่วน ทำให้ตัวเองก็ไม่รับรู้ว่า เกิดอาการผิดปกติขึ้นภายใน ยังดีที่พวกท่านช่วยกันนำพามันมารักษาให้ความทรงจำกลับคืนมาได้ แต่ก็ต้องขออภัยด้วยที่ปัญหาของข้าทำให้งานใหญ่ล่าช้าออกไปกว่าที่กำหนด” ซุนฮกออกตัว
“ช่างมันเถอะ ข้ากำลังต้องการบอกกล่าวกับเจ้าในเรื่องที่สำคัญกว่าเดิม เป้าหมายของพวกเราได้ถูกปรับเปลี่ยนไปแล้ว” คนเล่นพิณหยุดเล็กน้อย ค่อยกล่าวต่อ “แว่นแคว้นแดนใต้อยู่ในเงื้อมมือของพวกเราแล้วตามเป้าหมายเดิมที่เราวางกันเอาไว้ แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับเอื้ออำนวยมากขึ้นกว่าเดิม ข้าจึงมุ่งหมายยึดครองแผ่นดิน ครองบัลลังก์ราชันย์แทนที่ราชวงศ์ฮั่นเสียเลย”
ซุนฮกตาลุกวาว ขบคิดอยู่อึดใจค่อยกล่าว “หนทางสายนี้ย่อมทำได้อยู่ หากแต่ต้องอาศัยเวลา และกำลังคนเพิ่มเติมมากกว่าเดิม”
“ใช่แล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เรามาพบกับเจ้าในวันนี้ เพราะเจ้าจะต้องรับบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางของห่วงสัมพันธ์ประสานเหนือใต้่ ร่วมกันกับซุนแจ้งที่แฝงตัวในที่ลับ และควบคุมสถานการณ์เมืองหลวงเอาไว้ให้อยู่ในทิศทางที่เราต้องการ” คนเล่นพิณเข้าประเด็น “โจโฉกำลังอยู่ในตำแหน่งที่ดี ปล่อยให้มันหลงระเริงดีใจ ปราบปรามกองกำลังต่างๆให้เสื่อมโทรมไปให้หมดสิ้นไปก่อน แล้วพวกเราค่อยจัดการกับมันในภายหลังแบบไม่ให้ทันตั้งตัว”
กุนซือค้างคาว ซุนฮก ไม่ต้องการคำขยายความพร่ำเพรื่อ กลับสวนคำในข้อข้องใจ “แล้วตัวประหลาดผู้นั้น จะมีบทบาทอันใดต่อไปหรือไม่”
คนเล่นพิณแย้มยิ้ม พลางตอบ “แน่นอน มันจะกลายเป็นหุ่นเชิด ออกหน้าแทนให้กับพวกเรา ใครจะมีเวลาไปสนใจกับผู้เฒ่าประหลาดไร้ชื่อเสียงเช่นนั้น จึงสมควรยกย่องเชิดชูให้มันกลายเป็นหัวหน้าขบวนการลับไปเสียเลย”
“แต่อย่างไร เราก็ควรจะมีชื่อเรียกให้กับมันบ้าง” ซุนแจ้งแทรกขึ้น
“ได้ เรียกมันว่า บังเต๊กกง ก็แล้วกัน” ซุนฮกสวนคำ
“บังเต๊กกง ประมุขคนแรกแห่งหุบเขาละทิ้งอดีต ประเสริฐยิ่งนัก” หนุ่มผิวดำกร้านกล่าวขึ้นเป็นครั้งแรก แต่คล้ายทำให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันในทันที
“ซุนแจ้ง แจ้งข่าวกับมันให้ประสานงานกับพ่อบ้านใหญ่ แต่อย่าให้ตัวประกันข้างกายของมันจับพิรุธได้ ได้ยินว่า คนผู้นั้นมีความสำคัญกับมันไม่น้อยเลยทีเดียว”
คนเล่นพิณสั่งงานเสร็จสิ้น ผู้คนก็แยกย้ายจากกันไปหมดสิ้น ทิ้งให้ห้องลับว่างเปล่าอีกครั้ง ซุนฮกคนสุดท้ายในฐานะเจ้าถิ่นถอนหายใจยาว พลันยกมือขึ้นกุมขมับอีกครั้ง พร้อมร่างกายที่สั่นสะท้านคล้ายไม่อาจควบคุมตัวเองอีกแล้ว จนต้องร่ำร้องระบายความเจ็บปวดออกมา
ที่แท้ อาการทางประสาทของมันยังไม่ได้หายขาด แต่สำหรับขุมกำลังลับแล้ว มันมิอาจเปิดเผยจุดอ่อนออกไปให้เป็นที่น่ากังวลใจกันอีก
บุคคลลึกลับร่างเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แอบมองการเคลื่อนไหวของเหล่าคนลึกลับ และซุนฮกที่ทะยอยเดินทางออกมาจากโรงเตี๊ยม แสงไฟจากตะเกียงโคมสาดส่องให้เห็นใบหน้าชัดเจน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันเป็นปมลึก พลางส่ายหน้าเบาๆ เป็นพ่อบ้านใหญ่เทียลิดในสังกัดจวนมหาอุปราชโจโฉนั่นเอง
เทียลิดเดินออกจากมุมมืดไปอีกทิศทางหนึ่ง จนถึงเรือนพักโอ่อ่าแบบจวนขุนนาง แต่กลับรีบเดินอ้อมไปยังประตูเล็กทางด้านหลัง และมองดูให้แน่ใจว่าปลอดคน ค่อยตบประตูเบาๆเป็นสัญญาณ พอประตูเล็กแง้มออก เทียลิดเบียดตัวหายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงหัวเราะหยอกล้อเบาๆของบุุรุษหนุ่ม นี่ย่อมไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันนัดหมายกันเช่นนี้แน่นอน จังหวะการเคลื่อนไหวถึงได้กระชับรัดกุมยิ่งนัก
อาศัยเพียงแสงจันทร์สวยงาม มองเห็นพ่อบ้านเทียลิดเดินคล้องแขนกระซิบหยอกล้อกันกับกุยแก บัณฑิตอมโรค หายลับเข้าไปยังที่พักด้านในแล้ว
ภายในสุสานหลวงจิ๋นซีที่ถูกพวกตั๋งโต๊ะปล้นทำลายจนว่างเปล่า เตียวล่อในชุดพ่อค้าเร่ร่อน ภายใต้ความคุ้มครองเฝ้าระวังภัยของเหล่าองครักษ์คู่ใจ กำลังลูบคลำไปรอบๆโลงพระศพที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ครบถ้วนของอดีตกษัตริย์จิ๋นซี คนอื่นปล้นชิงค้นหาทรัพย์สมบัติ แต่มันกลับเสาะหาของวิเศษเพื่อใช้งาน
ช่วงบั้นปลายชีวิตของจิ๋นซีฮ่องเต้งมงายในเรื่องการค้นหาอายุวัฒนะ ถึงกับส่งผู้คนมากมายออกไปเสาะหายาวิเศษต่อชีวิตถึงดินแดนอันไกลโพ้น ดังนั้น เตียวล่อจึงมีความเชื่อว่า คนพรรค์นี้ไม่น่ายินยอมตายง่ายๆ แต่ต้องซุกซ่อนสิ่งของพิเศษอันใดไว้ใกล้ตัว มุ่งหวังปาฏิหาริย์ขั้นชุบชีวิตคืนวิญญาณ
และแล้ว ฝ่ามือกระทบปุ่มกลไกนูนต่ำที่ซุกซ่อนอยู่บนเกล็ดหนึ่งในลวดลายมังกรเก้าตัว หากไม่ลูบคลำละเอียด ไม่มีทางค้นพบ ทำให้แตกตื่นยินดี ตัวมันเป็นคนสายนักประดิษฐ์ ไม่เกรงกลัวกลไกทำร้าย จึงเบี่ยงตัวกดปุ่มกลไกในทันที
เสียงฟู่ดังขึ้นสั้นๆ เป็นน้ำพิษฉีดพุ่งกระจายออกมาจากปากมังกรทั้งเก้า ตกกระทบพื้นเป็นควันสีขาวคละคลุ้ง หากไม่เตรียมพร้อมเบี่ยงตัวแนบชิดเมื่อครู่ เห็นที จะถูกน้ำพิษหลอมละลายให้เหลือเพียงโครงกระดูกแล้ว
เตียวล่อรู้สึกสะใจได้แต่ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ กดปุ่มต่อไปจนลึกสุด แล้วเกี่ยวหมุนหนึ่งรอบ กลไกช่องลับจึงค่อยปรากฏขึ้นที่ตำแหน่งตรงกับหัวใจคนตายภายใต้โลงศพ แสดงให้เห็นกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมเรียบง่ายใบหนึ่ง
เตียวล่อพิจารณาโดยรอบ ไม่เห็นกลไกพิสดารเพิ่มเติม จึงค่อยๆเปิดออก ภายในวางไว้เพียงวัตถุลึกลับคล้ายก้อนหินสีดำสะท้อนแสงแวววาว ส่งพลังตอบสนองต่อโลหะอย่างรุนแรง เป็นแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์จากฟากฟ้า ที่เรียกขานกันว่า อุลกมณี (สะเก็ดดาว) หรือ เหล็กไหลต่างดาว ตามความเชื่อส่วนบุคคล
สายตาของเตียวล่อเปล่งประกาย ในที่สุด มันก็ค้นพบแร่ธาตุที่จะช่วยทำให้งานสร้างสิ่งประดิษฐ์ในฝัน และเติมเต็มให้กับแผนการล้างแค้นอันยาวนานของมัน
...
จบภาค 1 จินตนิยายสามก๊ก - มัจฉากลางวารี (พ.ศ. 727 - 741)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา