4 ก.พ. 2021 เวลา 15:31 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ส่องอนาคตหุ้นโรงไฟฟ้าไทย
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์หุ้น
BGRIM VS GULF VS GPSC
เชื่อว่าทุกคนก็น่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า “หุ้นโรงไฟฟ้า” นั้นจะว่าเป็น Defensive stock หรือกลุ่มหุ้นที่มีความมั่นคงสูงซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะถูกใช้ในการหลบภัยจากความผันผวนและความวุ่นวายต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่คงจะไม่ใช่กับวิกฤติโควิดในรอบนี้ที่ทุกๆคนกำลังเผชิญหน้ากับมันอย่างแน่นอน เพราะขนาด Defensive stock อย่างหุ้นโรงไฟฟ้าก็ยังโดนเช็คบิลกันไปเป็นแถบๆ
ซึ่งปีที่ผ่านมาเพื่อนๆก็คงจะเห็นแล้วว่าภาพรวมความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศเรานั้นได้หดหายไปกว่า 6% ส่งผลให้ปริมาณสำรองไฟฟ้ามีการปรับตัวพุ่งขึ้นไปสูงถึงระดับ 60% จากระดับมาตรฐานที่กำหนดไว้เพียง 15% เท่านั้น
จึงไม่น่าแปลกใจที่หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้านั้นจะมีราคาที่อ่อนตัวกันลงมาแทบจะทั้งกลุ่ม แต่หลังจากที่มีข่าวคราวความคืบหน้าของวัคซีนออกมาแล้ว ความกดดันต่างๆที่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าโดนกดทับอยู่นั้นก็ดูเหมือนว่าจะคลี่คลายลงไป
อีกทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของทางฝั่งสหรัฐอเมริกาก็ชัดเจนกันแล้วว่าคุณ “โจ ไบเดน” คือผู้ชนะ ทำให้ภาพเชิงบวกเกิดขึ้นกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามากขึ้น ก็เพราะว่าหนึ่งในนโยบายหลักของเขานั้นคือการผลักดันพลังงานสะอาด
1
ส่งผลให้หุ้นกลับนี้เริ่มถูกนำกลับมาพูดถึงกันมากขึ้นอีกครั้งในมุมมองของการลงทุน “ระยะยาว” เนื่องจากว่าถ้ามองไปยังภาพใหญ่ในระยะยาวแล้ว ธุรกิจพลังงานในกลุ่มประเทศ SEA(South East Asia) ก็ยังเป็นอะไรที่น่าจะยังเติบโตได้อีก
ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของไฟฟ้าซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี(CAGR) อยู่ราวๆ 5% ในอีก 10 ปีข้างหน้า จากจำนวนประชากรและเศรษฐกิจที่น่าจะเติบโตขึ้น, เทรนด์ของโลกและนโยบายที่น่าจะหันมาสนับสนุน
และสุดท้ายคือปริมาณสำรองไฟฟ้าที่น่าจะกลับมาเป็นปกติได้ โดยเฉพาะหุ้นโรงไฟฟ้าที่มีสัดส่วนของ SPP(โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก) ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมมากที่สุดอย่าง BGRIM(30% จากปริมาณการขายทั้งหมด) และ GPSC(53% จากปริมาณการขายทั้งหมด)
1
เนื่องจากว่าแนวโน้มราคาก๊าซที่เป็นต้นทุนหลักของโรงไฟฟ้าเหล่านี้นั้นคาดว่าจะลดลงในปีพ.ศ. 2564 ในขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยยังคงเท่าเดิม และความต้องการใช้ไฟฟ้าจากกลุ่มผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมที่เริ่มกลับมาได้อย่างชัดเจน
โดยหุ้นโรงไฟฟ้าที่เหล่าสำนักโบรกฯได้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการเติบโตของกำไรได้ดีที่สุดก็คือ GULF จากความคืบหน้าล่าสุดที่ทางบริษัทได้รับใบอนญุาตการขนส่ง LNG ซึ่งจะทำให้ GULF ประหยัดต้นทุนและมีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นได้
ส่วน BGRIM ก็จะเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่นในเรื่องของพอร์ตธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมากที่สุด(32%) และจำนวนโรงไฟฟ้า SPP ที่มีอยู่เยอะ รวมไปถึงความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่น่าจะสามารถรับภาระหนี้ได้ในระยะยาว
แต่ถ้าหากใครชอบธีมการลงทุนที่หวังผลไปยังกลุ่มผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมแล้วล่ะก็ GPSC ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี จากความสามารถของการแข่งขันในกลุ่มตลาดผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมที่สูงที่สุดและการร่วมทุนกับปตท. ซึ่งอาจจะนำไปสู่การเติบโตในอนาคตได้อีก
2
ทั้งหมดนี้ก็คงจะเป็นไอเดียที่เราอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆฟังเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ส่วนใครที่สนใจหรือชอบหุ้นตัวไหนก็สามารถไปศึกษาให้ละเอียดและวิเคราะห์กันให้ดีอีกที กับหุ้นโรงไฟฟ้าทั้ง 3 ตัวที่เราได้กล่าวถึง
1
และสำหรับในวันนี้ สวัสดีครับ...
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05 %
TFEX สัญญาละ 25
กรอกข้อมูลได้ที่
โฆษณา