5 ก.พ. 2021 เวลา 09:30 • ความคิดเห็น
คำชมและคำวิจารณ์ จัดการรับมืออย่างไรดี
การให้ข้อเสนอแนะหรือ Feedback เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานครับ เพราะการวิจารณ์งานของอีกฝ่ายนั้นอาจทำร้ายความรู้สึกและบั่นทอนกำลังใจของอีกฝ่ายได้ง่ายๆครับ
แต่การแสร้งชมก็ไม่ช่วยอะไรเหมือนกัน
คำชมและคำวิจารณ์นั้นส่งผลต่อการตัดสินใจของเราครับ หากเราฟังคำชมมากเกินไปจะก็ทำให้เราหลงละเลิงและประมาท ในกรณีเดียวกัน การยึดติดกับคำวิจารณ์มากเกินไปก็จะทำให้เราหมดกำลังใจและตัดสินใจผิดพลาดไปครับ
ภาพจาก https://depositphotos.com/stock-photos/criticize.html
ในหนังสือ The Decision Book กล่าวถึงการถามตัวเองในเชิงที่ว่า “เราคิดว่าอะไรดี และเราคิดว่าอะไรแย่” นั้นอาจจะไม่ได้ช่วยให้เราได้เรียนรู้จาก Feedback นั้นๆครับ
ให้เราลองถามตัวเองว่า “เราจะทำอย่างไรกับคำวิจารณ์นั้นดี” หรือก็คือ อะไรที่เราเห็นว่ามันดีอยู่แล้วและทำมันต่อไปได้ กับอะไรที่เมื่อก่อนอาจจะดีแต่ตอนนี้ต้องปรับเปลี่ยนแล้วครับ
คำชมและคำวิจารณ์เกิดขึ้นตลอดเวลาครับ ไม่ว่างานนั้นจะเสร็จแล้วหรือกำลังดำเนินอยู่ สิ่งที่สำคัญคือเราจะตอบสนองและจัดการมันอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับเรามากที่สุดครับ
ซึ่งในหนังสือ The Decision Book แนะนำการศึกษาวิธีคิดโดยใช้ The Feedback Box ครับ
ภาพจากหนังสือ The Decision Book
ใน feedback box นี้จะมี 4 ส่วนครับ เป็นแนวคิดที่ช่วยให้เราแยกแยะว่า feedback ที่เราได้รับมานั้นเป็นประเภทไหนครับ
👍 ส่วนที่ 1 คือ Compliment หรือคำชม มักจะเป็นเชิงบวกมากครับ และทำให้เราได้เห็นว่าส่วนไหนในการทำงานของเราที่ดีอยู่แล้วและยังสามารถใช้ได้ต่อไปในอนาคตครับ ส่วนนี้เราต้องพิจารณาให้ดีครับ ว่าคำชมที่เราได้รับนั้น เป็นเพราะฝีมือของเราจริงๆหรือเพราะโชคช่วยครับ เพื่อไม่ให้เราหลงไปกับความเข้าใจผิดครับ
📝 ส่วนที่ 2 คือ Advice หรือคำแนะนำ มักจะเป็นเชิงเสนอแนะครับ ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นว่าส่วนไหนที่เราอาจจะคิดว่าดีอยู่แล้วยังสามารถพัฒนาและปรับปรุงได้อยู่ครับ นับเป็นส่วนที่มีประโยชน์มากในการทำงานครับ ควรให้เวลาและความสำคัญในการพิจารณาให้ดี
💭 ส่วนที่ 3 คือ Suggestion หรือความคิดเห็น มักจะมีความแตกต่างและหลากหลายตามแต่ละบุคคลครับ ซึ่งในส่วนนี้เราอาจรับฟังไว้แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนักครับ
⚡ ส่วนสุดท้ายคือ Criticism หรือคำวิจารณ์ มักเป็นเชิงลบและบั่นทอนกำลังใจครับ แม้หลายๆคนจะไม่อยากได้ยินนัก แต่เป็นส่วนที่ควรรับฟังมากที่สุดครับ การที่เรารับฟังและมองเห็นข้อผิดพลาดในงานของเราจะทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาขึ้นไปในอนาคตครับ
ผมเชื่อว่า feedback เป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีครับ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับครับ สิ่งที่ควรพิจารณาสำหรับผมมีสองมุมมองครับ
ภาพจาก https://commonoutlook/learning/articles/criticize-or-critique/
📤 มุมมองของผู้ให้ feedback จะต้องให้ด้วยความจริงใจ ชัดเจน สร้างสรรค์ และไม่มีอคติครับ เพื่อให้ผู้รับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด การให้ feedback ที่ดีนั้นต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้รับครับ บางคนอาจสามารถพัฒนาได้ดีหากได้รับความเห็นที่ตรงไปตรงมา บางคนอาจเหมาะกับความเห็นแบบแนะนำและให้ไปศึกษาอง หรือบางคนอาจต้องการให้แนะนำควบคู่ไปกับการสั่งสอนครับ
📥 และมุมมองของผู้รับ จะต้องเปิดใจรับฟังความเห็นนั้น โดยไม่ยึดติดกับความคิดตัวเองจนเกิดไปหรือพยายามหาข้อแก้ต่างความเห็นนั้น หากรู้สึกว่าไม่เห็นด้วยกับความเห็นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจนักครับ แต่อย่าให้ตัวเองยึดติดกับ feedback ที่ได้มากจนเกินไปทำให้เสียความเป็นตัวเองหรือเป้าหมายไปครับ พยายามมองในเชิงบวกเพื่อให้เราได้เรียนรู้จากความเห็นนั้นครับ
ผมอยากให้ลองมองคำพูดเป็นก้อนหินครับ ไม่ว่าจะเป็นคำชมหรือคำวิจารณ์ ถ้าเราให้มันอยู่เหนือเรา มันจะกดเราลงครับ แต่ถ้าเราให้มันอยู่ใต้เรา มันจะช่วยยกตัวเราให้สูงขึ้นครับ
📌 ใส่ใจในความคิด
เพราะมันจะกลายเป็นคำพูด
ใส่ใจในคำพูด
เพราะมันจะกลายเป็นการกระทำ
ใส่ใจในการกระทำ
เพราะมันจะกลายเป็นนิสัย
ใส่ในใจนิสัย
เพราะมันจะกลายเป็นตัวตนของคุณ
ใส่ใจในตัวตนของคุณ
เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดโชคชะตาของคุณ
The Talmud
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
อ่านเสร็จแล้วก็กดติดตามกันด้วยนะครับ เพื่อที่จะไม่พลาดตอนต่อไปครับ💫
สำหรับคนที่อ่านแล้วอยากแชร์ความคิดเห็นหรือมุมมองที่น่าสนใจ คอมเมนต์ได้เลยครับ😁😁

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา