Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
alive
•
ติดตาม
8 ก.พ. 2021 เวลา 04:12 • ปรัชญา
Own Your Breath: รู้ใจ รู้กาย อยู่กับลมหายใจแห่งโยคะ
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับภาพของครูโยคะในอินสตาแกรมสวยๆ แต่เบื้องหลังภาพชวนอัศจรรย์ โยคะเป็นมากกว่าแค่ท่าโพสเท่ๆแสนฉาบฉวย หลายคนฝึกโยคะอย่างจริงจังจนได้ค้นพบตัวตนใหม่ ถึงขั้นหันหลังให้กับวิถีชีวิตแบบเดิมๆ มาฟังเรื่องราวของเหล่าครูโยคะที่ผันตัวมาจากหลากหลายสาขาอาชีพกัน
จากครีเอทีฟที่หน้าที่การงานกำลังรุ่งบนสายงานโฆษณา นวรัตน์ ตีรประเสริฐ หรือ คุณเน้า เริ่มฝึกโยคะ เพื่อเป็นการออกกำลังกายในยามเช้า เพราะเธอเป็นคนตื่นเช้ามาก ก่อนไปทำงานไม่รู้จะทำอะไรก็มาออกกำลังกายด้วยการฝึกโยคะ จนเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ โดยเจ้าตัวเล่าว่า “ความรู้สึก ณ เวลาหนึ่ง ณ อายุหนึ่ง เราเอ็นจอยกับการเป็นครีเอทีฟ มันเป็นแรงผลักดันและแพสชั่นของเรา แต่พอทำงานครีเอทีฟมานานเป็นสิบปี มาถึงจุดหนึ่ง แพสชั่นของการเป็นครีเอทีฟมันน้อยลง รู้สึกว่าอยากบริหารเวลาของตัวเองได้ อยากยุ่งกับคนให้น้อยลง ทุกวันที่ฝึกโยคะเป็นการใช้เวลากับตัวเอง ไม่ต้องยุ่งยากกับคนอื่นมากนัก พอเริ่มฝึกไปเรื่อยๆก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและสมาธิของตัวเอง โดยเริ่มแรกเป็นโยคะที่ฟิตเนสซึ่งยังไม่มีรายละเอียดอะไรมากมาย เขาไม่ได้สอนเรื่องการหายใจและความเคลื่อนไหวของร่างกาย พอเราเริ่มเรียนวิธีการฝึกโยคะที่ถูกต้องในรายละเอียด ทำให้เรารู้ว่านี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่ต้องการ มันไม่ใช่แค่เรื่องของกายภาพภายนอก แต่มันเป็นเรื่องของการจัดการภายในร่างกาย”
นวรัตน์ ตีรประเสริฐ หรือ ครูเน้า อดีตครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ บริษัทโฆษณา
เมื่อเริ่มฝึกอย่างจริงจังและศึกษาลึกลงไปเรื่อยๆ เธอจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นครีเอทีฟมาสอนโยคะอย่างเต็มตัว และกลายเป็น ‘ครูเน้า’ ของลูกศิษย์ลูกหา ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเป็นสองอาชีพที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่ในความเป็นอาชีพแล้วมีทั้งความเหมือนและความต่าง “ระหว่างการเป็นครีเอทีฟและการเป็นครูสอนโยคะ ในความเป็นอาชีพ (profession) มันไม่ได้ต่างกัน มันมีเส้นทางมีเป้าหมายอะไรเหมือนกัน แต่ในแง่ความรู้สึกส่วนตัว มันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เป้าหมายของการเป็นครีเอทีฟ คือการทำงานให้ขายได้ ถ้าทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าเราก็จะไม่ค่อยจะแฮปปี้ แต่ถ้าทำแล้วได้รางวัลเราก็จะแฮปปี้ แต่พอมาเป็นครูสอนโยคะ สิ่งที่ตอบโจทย์คือ เรามีสัมผัสในเรื่องของรายละเอียดส่วนตัว เราเห็นพัฒนาการและรายละเอียดของการฝึกของแต่ละคนจริงๆ มันอาจจะเรียกว่าเป้าหมายได้ไม่เต็มปาก แต่มันชูใจ มันมีความหมายของการสอนและการแชร์ประสบการณ์ ซึ่งมันชัดเจนกว่า”
เธอเล่าว่าเมื่อก่อนยังไม่ค่อยรู้จักตัวเอง ยังติดอยู่กับกระแสโลก แต่พอฝึกโยคะแล้วได้อยู่กับตัวเอง ได้เห็นตัวเองมากขึ้น เลยทำให้รู้ว่าอะไรที่ทำให้ ตัวเองในปัจจุบันแตกต่างไปจากเดิม “เราไม่ต้องพยายามที่จะเปลี่ยน แต่เรารู้ว่าอะไรที่จะเป็นแนวทางที่ทำให้มันดีขึ้น เรียกว่าเพิ่มความพยายามมากกว่า อะไรที่มันมีโอกาสจะทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งการฝึกและการสอนทุกอย่างมันจบได้ด้วยตัวเราเองคนเดียว มันเห็นพัฒนาการต่อหน้าเรา ตรงหน้าเรา โดยที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนมากมายหลายสเต็ปกว่าจะเห็นผล อันนี้คือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า ทุกอย่างรอบๆตัวหรือแม้แต่ตัวเราเองเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้น”
และเมื่อเริ่มสอนโยคะ ความเปลี่ยนแปลงนั้นก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ “หลังจากเป็นครูแล้ว คำว่า ‘อาสนะ’ มันจะไกลจากเรามากขึ้น หมายความว่าไม่ได้เริ่มเบอร์หนึ่งที่อาสนะ แต่เราเริ่มต้นเบอร์หนึ่งจากคนที่เรามาสอนหรือตัวเราเองก่อน เพราะเราต้องมองจากตัวเองเป็นจุดเริ่มต้น ตัวเราเองคือพื้นฐาน ทิศทางและเป้าหมายในการฝึกโยคะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องหาตัวเองให้เจอก่อน หลังจากนั้นจะเห็นคุณค่าของโยคะที่มีมิติมากกว่าแค่คำว่าอาสนะ หรือ final pose ที่เราเห็นตามอินสตาแกรมสวยๆ ซึ่งเป็นแค่ภาพมายา เราไม่ได้เปลี่ยนแค่ร่างกาย แต่เราต้องเปลี่ยนให้ลึกถึงความรู้สึกของตัวเอง”
“โยคะเป็นเรื่องของการค้นหาตัวเอง หรือ Self Discovery ทุกอย่างเริ่มจากตัวเราเป็นพื้นฐานก่อน journey ของคำว่า self มันคือตลอดชีวิต มันยังทำได้ตลอดชีวิต เจอเร็ว เริ่มเร็ว มันก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้เร็ว”
คนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เคยได้ลองสัมผัสกับโยคะ อาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องของโยคะ แม้จะมีหลากหลายแขนง แต่ครูเน้ายืนยันว่าโยคะไม่ใช่ลัทธิ ไม่ใช่ศาสนา แต่ถามว่าเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ หรือ Spiritual ได้หรือไม่ เธอตอบว่าได้ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดในการฝึกของแต่ละคน บางคนอาจจะต้องการแค่ความแข็งแรงทางกายภาพ บางคนอาจจะได้ในเรื่องของสมาธิ เป็นสมาธิแบบเคลื่อนไหว เพราะหัวใจของโยคะอยู่ที่ลมหายใจ หนึ่งลมหายใจต่อหนึ่งการเคลื่อนไหว สติของการเคลื่อนไหวหนึ่งลมหายใจก็เหมือนกับการทำอานาปานสติ สามารถประยุกต์จากการฝึกบนเสื่อไปใช้ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็เรียกสติตัวเองได้เสมอ
ถึงทุกวันนี้ครูเน้าสอนโยคะมาร่วมสิบปีแล้ว และได้ก่อตั้ง Ashtanga Samasthiti สตูดิโอโยคะสายอัชทางก้า หรือ อัษฎางค์โยคะ ด้วยความที่อยากสอนในแบบของตัวเอง “คือสอนให้ทุกคนรู้ตัวเอง หาตัวเองให้เจอก่อน ที่นี่เราจะเริ่มตั้งแต่การที่เรารู้จักลมหายใจของเรามากน้อยแค่ไหน คุณภาพของลมหายใจเป็นอย่างไร ยังไม่ต้องห่วงในเรื่องท่าสุดท้าย แต่ทำอย่างไรให้การเคลื่อนไหวกับการหายใจสัมพันธ์กัน ทุกวันนี้ไม่มีวันไหนที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่อยากฝึก ไม่อยากสอน มีแค่ว่าระดับของพลังงานมันมีมากน้อยแค่ไหน ไม่มีวันไหนที่เควสชั่นตัวเองว่าเลือกทางผิดหรือเลือกทางถูก คิดว่านี่คือสิ่งที่เราสนใจและอยากจะทำทุกวัน ดังนั้นก็คิดว่าจะทำต่อไปจนกว่าจะหมดแรง”
อ่านเรื่องราวของผู้คนที่มีแบ็คกราวน์ดจากหลากอาชีพหลายที่มา แต่ต่างมีใจรักในศาสตร์แห่งโยคะ และเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา
https://read-alive.co/november2019-faces/
#โยคะ #ashtanga #people
2 บันทึก
2
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Own Your Breath: รู้ใจ รู้กาย อยู่กับลมหายใจแห่งโยคะ
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย