หลายท่านอาจเคย ได้ยินคำว่า "ยูโทเปีย" อันหมายถึง นครอันสมบูรณ์แบบ ในหนังสือของโทมัส มอร์
แต่หลายท่านเคยสงสัยหรือไม่ครับว่า จริงๆแล้ว ตามหนังสือ ยูโทเปียมีหน้าตาที่เป็นเช่นไร
ยูโทเปีย
ยูโทเปีย แบ่งออกเป็นสองเล่มด้วยกัน
โดยเล่มแรกนั้นจะเล่าถึงมุมมองของ โทมัสเอง ที่เเพื่อนของเขา ปีเตอร์ ไจน์ ได้แนะนำให้เขารู้จักชายผู้เคยเดินทางร่วมกับอเมริโก้ เวสปุสซี่ นาม ราฟาเอล โดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะว่าด้วยการถกเถียงกันถึงสภาพสังคม และชีวิตในสมัยนั้น อย่างเช่น การลงโทษคนร้ายนั้นดีแล้วหรือไม่
น่าสนใจที่ว่าในเล่มแรกแทบมิได้มีการเอ่ยถึงนครยูโทเปียเลยแม่แต่น้อย หรือบางที อาจคช้ายโจทย์คณิตศาสตร์ เล่มแรก เป็นดั่งโจทย์ปัญหา และเล่มที่สอง ก็คือคำตอบก็เป็นได้
เล่มที่สอง คือเรื่องที่โทมัส มอร์จดมาจากคำพูดของ ราฟาเอลเกี่ยวกับ ยูโทเปียดินแดนอันแสนสมบูรณ์แบบ อันเขาเคยไปเยือน
โทมัส มอร์
และในเล่มที่สองนี้เอง ที่เป็นเนื้อหาหลักของบทความนี้
ยูโทเปียเดิมทีเป็นคาบสมุทรที่ชื่อว่า ซานส์คูล็อตเตีย ต่อมาชายชื่อ ยูโทโพสได้เข้ายึดดินแดนนั้น และได้เกณแรงงานทั้งคนท้องที่และทหารของตนตัดช่องแคบยาว 15 ไมล์ ตัดผ่านอิสมัส อันเป็นทีแห่งหนซึ่งเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ และใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็แยกออกจากแผ่นดินใหญ่ได้
เกาะยูโทเปียเป็นรูปทรงกลมเกือยบสมบูรณ์ วัดจากอีกด้านสู่อีกด้านได้ยาว 200 ไมล์ (321.8688 กิโลเมตร) มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 500 ไมล์(804.67200 กิโลเมตร) และค่อยๆตอบลงตรงปลาย มีเพียงปลายท้ายเกาะที่ปรากฏช่องแคบกว้างราว 11 ไมล์(17.702784 กิโลเมตร
) เช่นเดียวกันนั้น น้ำทะเลที่ไหลเข้ามา ทำให้ช่องแคบกลายเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่มหึมา จากการที่แผ่นดินโดยรอบ เป็นดั่งปราการลม และบริเวณดั่งกล่าวไร้คลื่นรุนแรง ทำให้เป็นท่าเรือในฝันเลยทีเดียว
แต่อย่างไรเสีย ปากทางเข้าท่านั้นกลับเต็มไปด้วยหินโสโขกใต้น้ำที่หากมิใช่ชาวยูโทเปียแล้วก็แทบเป็นไปไม้ได้ที่จะเข้าเทียบท่า ทำให้จุดนี้มีความสำคัญในการหลอกล่อเรือศัตรูให้จมลงอย่างง่ายดาย แม้นจะเป็นเช่นนั้น มีหินก้อนหนึ่งที่อยู่เหนือผิวน้ำ มันใหญ่พอที่จะสร้างหอคอยป้อมปราการได้เลยทีเดียว
และถึงแม้นจะมีท่าเรืออื่นอยู่รอบเกาะ แต่มันล้วนอันตรายที่จะเทียบท่ายิ่งกว่าตรงช่องแคบ ด้วยหราการทั้งจากธรมชาติก็ดีหรือจากคนก็ดีที่ทำให้เรือหน้าไหนก็แทบมิอาจจอดเทียบได้
แผนที่ ยูโทเปียจากด้านบน
บนเกาะยูโทเปียมีอยู่ทั้งหมดด้วยกัน 54 นคร แต่ละนครเหมือนกันดั่งเป็นเวอชั่น copy ของกันและกัน ทุกนครใช้ภาษา วัฒนธรรม ประเพณี กฏหมาย สถาบันต่างๆร่วมกัน
นครที่อยู่ใกล้กันที่สุดคือ 24 ไมล์ (38.624256 กิโลเมตร) และที่ห่างกันที่สุดใช้เวลาเดินทางไม่เกินหนึ่งวัน
ในทุกๆปีแต่ละนครจะส่งผู้อวุโสสามท่านและประชากรผู้มีประสบการณ์เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือกันในเรื่องต่างๆที่ แอร์คาสเซิลอันเป็นนครที่เปรียบได้กับนครหลวง เพราะมันตั้งอยู่ตรงกลางเกาะ อันง่ายต่อการเข้าถึง
การจัดการที่ดินนั้น อาณาเขตขอแต่ละนคร แผ่ขยายไปอย่างน้อยๆ 20 ไมล์ในทุกทิศทาง แต่ทุกเมืองล้วนไม่ต้องการขยายอาณาเขต ในเมื่อที่ดินมิใช่ทรัพย์แต่เป็นเพียงที่เพาะปลูกเท่านั้น
ในชนบทจะมีบ้านตั้งเรียงรายเป็นระยะ คนจะผลัดกันมาอยู่ที่นั่น มีเพียงทาสที่อยู่อย่างถาวร บ้านแต่ละหลังรับผู้ใหญ่ได้ 40 คน และ ทาส 2 คน โดยมีคนดำเนินการเป็นคู่สามีภรรยาชราที่น่าไว้ใจ โดยมีการควบคุมของผู้ตรวจการเขต แต่ละคน รับผิดชอบบ้าน 30 หลัง
แต่ละปี คน 20 คน จะกลับเข้านครหลังทำงานอยู่ที่นั่น 2 ปี และคนใหม่จะมาแทนที่ในจำวนเท่าเดิม นั่นทำให้ทุกคนทำเกษตรเป็น
นั่นทำให้ไม่มีใครต้องทนทุกยาวนาน เพียงสองปีดั่งชายถูกเกณทหาร แต่หากใครใคร่ในชีวิตเช่นนั้น ก็จะได้รับอนุญาติพิเศษให้ทำหน้าที่นานขึ้น
และสิ่งหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ เทคนิคการเลี้ยงสัตว์ของพวกเขา ผมไม่รู้ว่าในยุคนั้นเป็นเช่นไร แต่โทมัสมอร์ เขียนไว้ว่า ชาวยูโทเปียใช้ความร้อนเร่งให้ไก่ไข่เร็วขึ้น
ชาวยูโทเปีย ไม่ดื่มเบียร์(แต่ดื่มไวน์)
ผู้มีอไนาจคาดการการบริโภคในเขตของตนได้อย่างเที่ยงตรง แต่ก็มักจะทำเกษตรและปศุสัตว์เกินเสมอ นั่นเพื่อเพื่อจะได้แบ่งให้เพื่อนบ้านได้
ยูโทเปียมีวันหยุดแค่เดือนละครั้ง วันนี้ถ้าเราต้องการอะไร ก็ไปเมืองในเขตที่อยู่ และสามารถขออะไรก็ได้ที่อยากจากภาครัฐโดยไม่ต้องเสียเงินสักนิดเดียว
ในตอนต่อไปเราจะมาลงรายละเอียดถึงสภาพในนครอันสำคัญ แอแคสเซล ว่าด้วยชีวิต ศาสนา และบทลงทัณ
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
