16 ก.พ. 2021 เวลา 00:45 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ความเสี่ยง the series: เมื่อคณิตศาสตร์ท้าทายความเชื่อเรื่องพระเจ้า
1
ต่อจากตอนก่อนหน้านี้ https://www.blockdit.com/posts/60220d24d5d84615e2018805
อย่างที่เกริ่นไปในตอนที่แล้วว่า เรื่องของการเสี่ยงโชคเป็นตัวจุดประเด็นให้นักคณิตศาสตร์สนใจในเรื่องของทฤษฎีความน่าจะเป็น วันนี้เรามาต่อกันว่า สิ่งนี้จะพาเราไปไหนต่อ ตอนนี้จะยาวหน่อยนะครับ
ขอย้อนกลับไปในอดีตที่มนุษย์มักจะเผชิญเรื่องราวร้ายๆ ต่างไป เช่น โรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุ และคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับตน จึงเริ่มที่จะพยายามหาเหตุผลมาเพื่อให้ตัวเองพอใจ บ้างก็เชื่อว่าเป็นเรื่องของผีสางนางไม้ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงทั้งพระเจ้า
มนุษย์จึงเริ่มที่จะหาวิธีป้องกันสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ด้วยการกราบไหว้บูชา บูชายัญ การปัดเป่าโรคภัย และการไล่ผี เป็นต้น
1
ในขณะที่คนอีกส่วนหนึ่งคิดว่าดวง โชคลาง หรือกรรมเป็นเหตุ จึงคิดมีความคิดเรื่องของการหลีกเลี่ยงการทำการบางอย่างในบางเวลา หรือมีการแก้ดวง แก้กรรมเป็นต้น
แต่เมื่อมนุษย์มีความรู้มากขึ้น ความเชื่อเรื่องภูติผีปีศาจก็ลดลง ความเชื่อทางศาสนาก็เริ่มที่จะมีอิทธิพลในชีวิตมากขึ้น และคงจะไม่พูดถึงคริสตศาสนาคงไม่ได้ เพราะความก้าวหน้าทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในยุคใหม่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในยุโรป หลังจากคริสตศาสนาได้ฝังรากลึกในยุโรปแล้ว
เดิมทีคริสตจักรเป็นองค์กรที่ใหญ่ และเข้มแข็ง และมีเงินทุน และบุคลากรมากมาย จึงเป็นองค์กรที่ส่งเสริม และให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้ให้การสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก แต่การระบาดของโรคกาฬโรคในปลายยุคกลาง จนผู้คนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ทำให้คริสตจักรนิกายคาทอลิกเริ่มเสื่อมโทรมลง
แต่อำนาจของศาสนจักรโรมยังมีอำนาจมากขึ้น โดยเฉพาะหลังการตั้ง The Roman Inquisition ปี ค.ศ. 1542 ขึ้นมาเพื่อต่อต้านศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในเวลานั้น ภายหลังอำนาจของหน่วยงานนี้ได้ถูกขยายไปเพื่อกำจัดแนวคิดนอกรีต รวมทั้งแนวคิดใหม่ๆ ที่เกิดจากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ขัดกับความเชื่อของโรมันคาทอลิกในยุคนั้น รวมทั้งเรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และโลกแบน
2
อำนาจของหน่วยงานนี้มีมากถึงกับตัดสินประหารชีวิต Giordano Bruno ผู้ที่เชื่อว่ามีดาวฤกษ์นับไม่ถ้วน และมีดาวเคราะห์หมุนรอบดาวฤกษ์เหล่านั้น ในปี ค.ศ. 1600
ส่วน Nicolaus Copernicus ผู้ที่เชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และมีโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ก็เกือบโดนคณะนี้ตัดสินเช่นกัน โชคดีที่ผลงานของเขาไม่ได้เตะตาคณะนี้ จนเกือบๆ 50-60 ปีหลังจากตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้
แต่ Galileo Galilei บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ เดิมทีได้รับการสนับสนุนจากพระสันตะปาปา Urban VIII เพื่อนเก่าของเขา ตั้งแต่เขากลับมาจากเมือง Florence ในปี ค.ศ.1610 จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1633
แต่ในภายหลัง เขาได้ประดิษฐ์กล้องส่องทางไกลที่มีกำลังสูง รวมถึงศึกษาคณิตศาสตร์เกี่ยวกับวงโคจรของดาวเคราะห์ และดาราศาสตร์ เขาค้นพบว่าดวงจันทร์ของดาวพฤหัสโคจรรอบดาวพฤหัส และค้นพบว่าดาวศุกร์ก็มีข้างขึ้นข้างแรมเหมือนกัน จึงเป็นหลักฐานและบทพิสูจน์ความคิดที่ดูเหมือนจะเพ้อฝ้นในยุคนั้น
2
Galileo ผู้ซึ่งเชื่อว่าโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลตาม Copernicus กลับไม่ได้โชคดีเช่นเดียวกัน หนังสือที่เขาแต่งมีการเสียดสีพระสันตะปาปา Urban VIII จนกระทั่งพระสันตะปาปาโกรธ จนเขาถูก The Roman Inquisitions สอบสวน และถูกตัดสินให้กักขังตัวเองอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งเขาเสียชีวิต และแทนที่จะได้ถูกฝังที่ Basilica of Santa Croce เหมือนพ่อแม่เขา กลับถูกพระสันตะปาปาขัดขวาง จนต้องถูกฝังในหลุมฝังศพเล็กๆ แทน จนกระทั่งอีกหลายปีกว่าจะได้กลับมาถูกฝังที่ Basilica ตามที่ควรตั้งแต่แรก
1
Galileo Galilei
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ถึงแม้โลกยุคเรเนซองส์จะมีความก้าวหน้าในศิลปวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอย่างมาก แต่ได้ถูกอำนาจของศาสนจักรครอบงำอย่างหนัก ทำให้นักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ไม่กล้าคิดออกนอกรีต
แต่การศึกษาด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นยังคงดำเนินไป หากแต่ผ่านเส้นทางอีกเส้นหนึ่ง นั่นคืออธิบายความสวยงามของคณิตศาสตร์ และหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ ว่ามันเป็นสิ่งที่พระเจ้าตั้งใจสร้างและทำให้เกิดขึ้น
ดังนั้น จากเดิมที่เคยเชื่อกันว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก และมีอำนาจเต็มที่จะทำอะไรได้ทุกๆ อย่าง เริ่มที่จะเปลี่ยนมาเป็นแนวทางว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง รวมไปถึงกฎทางธรรมชาติทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา
จนถึงจุดที่ดูเหมือนว่า หากมองในมุมมองอย่างนั้น พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกให้เหมือนกับเป็นการทดลอง โดยสร้างจุดเริ่มต้นขึ้นมาจุดหนึ่ง และตั้งกติกา และกฎทั้งหลายในโลกนี้ และคอยเฝ้าดูเพียงห่างๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้บ้าง จนกระทั่งบางคนเปรียบว่าโลกนี้เหมือนสนามเด็กเล่นที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นให้กับมนุษย์ลูกหลานของท่านได้มาเล่น ค้นพบ และเรียนรู้มัน ซึ่งนักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย เป็นเพียงผู้ที่ค้นพบสิ่งที่พระเจ้าได้กำหนดขึ้นเท่านั้นเอง
1
เรื่องใดก็ตามที่ไม่ได้ขัดแย้งกับความเชื่อของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก โดยตรงก็จะถูกอธิบายออกมาในแนวทางนี้เสียเป็นส่วนใหญ่
Blaise Pascal นักคณิตศาสตร์ชื่อดังในยุคนั้นก็เช่นกัน เขามีศรัทธาในศาสนาคริสต์เริ่มจากการที่พ่อของเขากระดูกสะโพกหัก และได้พี่น้องตระกูล Deschamps ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกาย Jansenism รักษาให้ ทำให้เขาได้เริ่มหันมาสนใจศาสนามากขึ้น
จนภายหลังเขาเริ่มที่จะเขียนผลงานออกมาในเชิงศศาสนามากขึ้น รวมถึงผลงาน Pascal's wager ที่ผสานเอาแนวคิดและทฤษฎีความน่าจะเป็นที่เขาสั่งสมมา มาอธิบายความเชื่อในพระเจ้า
1
เรื่องราวของผลงานนี้คือว่า หากมนุษย์ต้องพนันด้วยชีวิตตัวเองว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ มนุษย์ควรที่จะเลือกพนันว่าพระเจ้ามีจริง เพราะหากพระเจ้ามีจริง คนที่เชื่อจะได้ขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับพระเจ้า และไม่ต้องลงนรก ซึ่งเหมือนชนะพนันที่มีผลตอบแทนอันประเมินค่าไม่ได้ แต่หากพระเจ้าไม่มีจริง เราก็แค่สูญเสียความสุขบางอย่างที่ได้จากการทำอะไรตามใจตัวเองเท่านั้น
1
แนวคิดนี้ถึงแม้จะดูแปลกไปบ้าง แต่นี่ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่นอกจากจะส่งเสริมความเชื่อในศาสนาแล้ว ยังทำให้มนุษย์มีความเข้าใจในกระบวนการตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งหัวข้อนี้จะปูทางไปยังบทความถัดไปของผมครับ
Blaise Pascal
ส่วนแนวความคิดที่ขัดแย้งกับศาสนาคริสต์ก็จะต้องทำอย่างไม่โจ่งแจ้งนัก ใครที่ออกจะโจ่งแจ้งมากไป ก็มักจะโดน The Roman Inquisitions สอบสวน และลงโทษ ถึงแม้จะเป็นความคิดที่ถูกต้องก็ตาม
เหตุการณ์ลักษณะนี้ยังเป็นไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง Charles Darwin ศึกษาวิวัฒนาการของสัตว์ที่เกาะ Galapagos ในคริสตศตวรรษที่ 19 และได้ตั้งทฤษฎีวิวัฒนาการ (Darwinian theory) ซึ่งขัดแย้งอย่างชัดเจนกับคัมภีร์ไบเบิ้ลภาคพันธสัญญาเดิม (Old Testament Bible) หนังสือปฐมกาล (Book of Genesis) แต่มีหลักฐานข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจนผ่านฟอสซิล และความคล้ายคลึงทางลักษณะ ทำให้ความเชื่อในศาสนาคริสต์อย่างไม่ลืมหูลืมตาเริ่มถูกบั่นทอนลง และเริ่มเปิดโอกาสให้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีได้เบ่งบานอย่างอิสระอีกครั้ง
หากใครอยากเห็นตัวอย่างเพิ่มเติมของความคิดที่นอกรีต แต่กลายมาเป็นความเห็นที่ถูกต้อง ดูที่แผนภูมิข้างล่างได้เลยครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา