เนื่องจากใกล้วันวาเลนไทน์ เราก็ต้องมีการอวยคนซะหน่อย 5555
.
วันนี้ได้คุยเรื่องวิ่งกับพี่เบลเหมือนทุกๆวัน พี่เบลมักจะพูดว่า"วิ่งได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว" หรือ "พี่ไม่ขออะไรมาก พี่ขอวิ่งจบแบบไม่เจ็บ จะคอยซัพพอร์ตเพื่อนเต้กับน้องพิมก็พอแล้ว จะได้จบพร้อมๆกัน ความเร็วหรืออันดับพี่ไม่สนใจหรอก"
.
ก็เลยสงสัยว่าทำไม พี่เบลก็เลยเล่าให้ฟัง
.
ย้อนไปสมัยก่อนที่พี่เบลยังเป็นนักกีฬารักบี้ของมหา'ลัย พี่เบลเล่าว่า "ตอนปี 1 พี่มีอีโก้สูงมาก พี่คิดว่าพี่เก่งมาก เล่นคนเดียวไม่ค่อยจ่ายบอลให้เพื่อน โค้ชบอกแผนการเล่นของทีมแบบนี้ แต่พี่เล่นอีกอย่าง เพราะพี่คิดว่าเล่นแบบพี่จะชนะแน่นอน ไม่ได้สนใจใคร ก่อนแข่งพี่ก็แอบไปกินเหล้าจนเมามาก จนสุดท้ายพี่โดนแบน"
.
"ในรั้วมหา'ลัยนี้พี่เก่งมาก แต่มีครั้งนึงตอนไปแข่งกับมหา'ลัยอื่น โดยเฉพาะในกรุงเทพ พี่เหมือนเจอโลกอีกใบ ทั้งฝีมือและลีลาการเล่น เหนือกว่าเรามากๆ แพ้เกือบทุกแมช พี่ก็เลยคิดว่า พี่ทำแบบเดิมคิดแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว"
.
"ครั้งนั้นมันทำให้พี่เปิดโลกมากขึ้น พี่สำนึกได้ว่ารักบี้ต้องเล่นเป็นทีม ในทีมมีทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งน้อง ทุกคนต้องช่วยซัพพอร์ตกัน พี่คิดว่าทีมสำคัญที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายได้ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ตาม"
.
ฟังจบแล้วก็ โอ้โห จริงว่ะ ถึงแม้ว่าการวิ่งจะเป็นกีฬาที่เล่นคนเดียวก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่ได้อยู่คนเดียวจริงๆ
.
เราวิ่งด้วยกัน เราคอยซัพพอร์ตกัน
เราเจอเพื่อนใหม่ระหว่างทาง เราช่วยเหลือกัน
เราได้ผ่านอะไรต่างๆมาด้วยกัน เราเห็นใจกัน
เรามีเป้าหมายเดียวกันคือ เราพากันไปยังเส้นชัยเดียวกัน
.
บางครั้งอันดับหรือความเร็วในการวิ่ง ก็ไม่สำคัญเท่ากับมิตรภาพระหว่างทางวิ่ง 🧡❤💙