15 ก.พ. 2021 เวลา 04:27 • ประวัติศาสตร์
“พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร (Edward VIII)” กษัตริย์ผู้ทิ้งบัลลังก์เพื่อ “ความรัก”
3
หากใครได้ติดตามข่าวของราชวงศ์อังกฤษในช่วงที่ผ่านมา น่าจะได้ยินข่าวของ “เจ้าชายแฮร์รี (Prince Harry, Duke of Sussex)” ที่เสกสมรสกับหญิงสามัญชน และเกิดเรื่องราววุ่นวายต่างๆ
1
หากย้อนอดีตกลับไป ก็ได้มีสมาชิกราชวงศ์อังกฤษอีกพระองค์หนึ่งที่ได้อภิเษกสมรสกับหญิงสามัญชน และดูจะหนักหนากว่าเจ้าชายแฮร์รีมาก
1
นั่นคือ “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร (Edward VIII)”
1
“พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร (Edward VIII)” เสด็จพระราชสมภพในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) โดยเป็นพระราชโอรสใน “พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร (George V)” และ “สมเด็จพระราชินีแมรี (Queen Mary)” โดยในขณะนั้น พระราชบิดาและพระราชมารดายังไม่ได้ขึ้นครองราชย์
1
พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ โดยพระองค์มีพระพี่น้องอีกห้าพระองค์ เป็นพระอนุชาสี่พระองค์ พระขนิษฐาหนึ่งพระองค์
1
พระเจ้าจอร์จที่ 5 และพระราชินีแมรี
ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด พระราชบิดาก็ทรงเข้มงวดกับพระองค์มาก ทุกครั้งที่มีรับสั่งให้พระองค์เสด็จไปเข้าเฝ้าที่ห้องสมุด นั่นก็มักจะหมายถึงว่าพระองค์จะถูกลงโทษด้วยเรื่องอะไรซักอย่าง
1
ในปีค.ศ.1907 (พ.ศ.2450) ขณะมีพระชนมายุ 12 พรรษา พระองค์ก็ได้เสด็จเข้าเรียนในโรงเรียนทหารเรือ และในปีค.ศ.1910 (พ.ศ.2453) “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร (Edward VII)” พระอัยกา (ปู่) ของพระองค์ ก็ได้เสด็จสวรรคต
1
เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 สวรรคต พระราชบิดาของพระองค์ก็ได้ขึ้นครองราชย์ และพระองค์ก็ได้เป็นรัชทายาท
2
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร (Edward VII)
ค.ศ.1911 (พ.ศ.2454) เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดได้กลายเป็น “เจ้าชายแห่งเวลส์ (Prince of Wales)” พระองค์ที่ 20
1
สิงหาคม ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) เมื่อยุโรปได้เริ่มเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ได้ทรงขอเข้าร่วมสงคราม ซึ่งพระองค์ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าประจำหน่วยทหาร หากแต่พระองค์ก็ไม่ได้ถูกส่งไปออกรบเลย
1
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงผิดหวังและได้พูดคุยกับรัฐบาล โดยพระองค์ตรัสว่าหากพระองค์สวรรคตในสนามรบ พระองค์ก็ยังมีพระอนุชาอีกสี่พระองค์ที่สามารถรับช่วงต่อบัลลังก์ได้ ซึ่งรัฐบาลก็ได้ทูลว่าที่ไม่ให้พระองค์เสด็จออกสนามรบ ไม่ใช่เกรงว่าพระองค์จะสวรรคตเพียงอย่างเดียว หากแต่เกรงว่าพระองค์จะถูกศัตรูจับเป็นองค์ประกัน
3
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงเป็นเจ้าชายที่มีพระสิริโฉมงดงาม พระเกษาสีบลอนด์ พระเนตรสีฟ้า พระพักตร์อ่อนเยาว์ หากแต่รสนิยมของพระองค์นั้นก็ไม่เหมือนใคร
1
พระองค์ทรงโปรดหญิงที่แต่งงานแล้ว
5
พระองค์ทรงมีสัมพันธ์กับหญิงที่แต่งงานแล้วหลายคน หนึ่งในนั้นคือ “วิสเคานเทส เทลมา เฟอร์เนสส์ (Viscountess Thelma Furness)”
3
วิสเคานเทส เทลมา เฟอร์เนสส์ (Viscountess Thelma Furness)
ในเดือนมกราคม ค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) เฟอร์เนสส์ได้จัดงานปาร์ตี้ในบ้านในชนบท และหนึ่งในแขกที่มาร่วมงานก็คือ “วอลลิส ซิมป์สัน (Wallis Simpson)” และ “เออร์เนสต์ ซิมป์สัน (Ernest Simpson)” ผู้เป็นสามี
1
ที่นี่เองที่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดได้ทรงพบกับวอลลิสเป็นครั้งแรก
1
วอลลิส ซิมป์สัน (Wallis Simpson)
ในทีแรก เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ไม่ได้รู้สึกหลงไหลอะไรในตัววอลลิสมากนัก หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป พระองค์จะทรงหลงในตัวหญิงผู้นี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
2
พระองค์ทรงพบกับวอลลิสในอีกสี่เดือนต่อมา และอีกเจ็ดเดือนก็ได้เสด็จไปเสวยพระกระยาหารค่ำที่บ้านของครอบครัวซิมป์สัน หากแต่ในเวลานั้น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ยังทรงคบหากับหญิงอื่นอีกด้วย
1
มกราคม ค.ศ.1934 (พ.ศ.2477) เฟอร์เนสส์ต้องเดินทางไปสหรัฐอเมริกา และได้ฝากให้วอลลิสช่วยดูแลเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด หากแต่เมื่อเฟอร์เนสส์กลับมา ก็พบว่าเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดไม่ได้สนพระทัยในตัวเธออีกแล้ว แม้เธอจะโทรศัพท์หาเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด แต่พระองค์ก็ไม่ทรงสนพระทัยจะรับสาย
3
ไม่เพียงแค่นั้น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดยังเลิกสนพระทัยในตัวหญิงคนอื่นๆ ทำให้วอลลิสเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่พระองค์ทรงมีสัมพันธ์ด้วย
3
สำหรับประวัติของวอลลิสนั้น เธอเกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ.1896 (พ.ศ.2439) ที่แมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา
1
วอลลิสนั้นเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างดี หากแต่ในสหราชอาณาจักร คนอเมริกันนั้นค่อนข้างถูกดูแคลน ไม่ได้รับการยอมรับมากนัก
1
พ่อของวอลลิสเสียชีวิตขณะที่เธอมีอายุเพียงห้าเดือน และไม่ได้ทิ้งเงินหรือทรัพย์สินอะไรไว้ให้เลย วอลลิสและแม่จึงมีชีวิตอย่างยากลำบาก
1
วอลลิสในวัยเด็ก
เมื่อโตเป็นสาว วอลลิสนั้นไม่ใช่คนสวย หากแต่เธอแต่งตัวดี มีสไตล์ รูปร่างดี ทำให้เธอดูโดดเด่นและมีเสน่ห์
1
ในปีค.ศ.1916 (พ.ศ.2459) วอลลิสได้แต่งงานกับ “เรืออากาศโทเอิร์ล วินฟิลด์ สเปนเซอร์ จูเนียร์ (Lieutenant Earl Winfield Spencer Jr.)” นักบินแห่งกองทัพอากาศอเมริกัน
1
ความสัมพันธ์ของวอลลิสกับสามีนั้น ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เป็นไปด้วยดี จนเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 สามีของเธอก็มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสังคม
4
เรืออากาศโทเอิร์ล วินฟิลด์ สเปนเซอร์ จูเนียร์ (Lieutenant Earl Winfield Spencer Jr.)
ภายหลังสงคราม สเปนเซอร์ จูเนียร์เริ่มติดสุราและเริ่มทำร้ายร่างกายวอลลิส ทำให้วอลลิสออกไปจากบ้าน หากแต่ภายหลังสเปนเซอร์ จูเนียร์ก็ได้มาตามง้อ และขอให้วอลลิสตามเขาไปอยู่ที่จีน เนื่องจากสเปนเซอร์ จูเนียร์ต้องไปประจำการที่จีนในปีค.ศ.1922 (พ.ศ.2465)
2
แต่สเปนเซอร์ จูเนียร์ก็ดีได้ไม่นาน เขาก็เริ่มกลับมาดื่มหนักอีกครั้ง และครั้งนี้ วอลลิสก็ได้ขอหย่า
2
ทั้งคู่หย่ากันในปลายปีค.ศ.1927 (พ.ศ.2470)
1
ค.ศ.1928 (พ.ศ.2471) หกเดือนหลังการหย่า วอลลิสก็ได้พบกับซิมป์สัน ผู้ซึ่งในเวลานั้นกำลังทำงานในธุรกิจชิปปิ้งของครอบครัว
1
ทั้งคู่แต่งงานกันและลงหลักปักฐานในลอนดอน ซึ่งขณะอยู่กับสามีคนที่สองนี้เอง ทั้งคู่ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงและพบกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
1
วอลลิสและซิมป์สัน
ในช่วงแรก วอลลิสก็ยินดีที่ได้เป็นหนึ่งในพระสหายใกล้ชิดของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และจากคำบอกเล่าของวอลลิส ทั้งคู่ได้เริ่มใกล้ชิดกันในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1934 (พ.ศ.2477)
1
ในเวลานั้น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดได้เสด็จทางเรือไปท่องเที่ยวร่วมกับพระสหาย และสองสามีภรรยาซิมป์สันก็ได้รับเชิญไปด้วย หากแต่ซิมป์สันนั้นติดงาน ต้องไปสหรัฐอเมริกา จึงมีเพียงวอลลิสที่ไปกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
1
ในทริปล่องเรือนี้เอง ที่วอลลิสและเจ้าชายทรงมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
2
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงรักวอลลิส หากแต่วอลลิสรักพระองค์จริงหรือไม่ หลายคนก็ไม่แน่ใจนัก
1
วอลลิสเป็นคนรอบคอบ คำนวนผลได้ผลเสีย หลายคนคิดว่าที่เธอมีความสัมพันธ์กับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ก็เนื่องจากต้องการจะเป็นว่าที่พระราชินี หากแต่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดนั้นทรงรักเธอจริงๆ
1
ก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.1936 (พ.ศ.2479) พระเจ้าจอร์จที่ 5 สวรรคต และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ได้ขึ้นเป็น “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร (Edward VIII)”
1
ผู้ที่โศกเศร้ามากที่สุดคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เนื่องจากในเมื่อพระราชบิดาสวรรคต พระองค์คือกษัตริย์พระองค์ใหม่ ความรับผิดชอบมหาศาลต้องถาโถมเข้าหาพระองค์
1
เพียงแค่เริ่มครองราชย์ พระองค์ก็ทรงสร้างความขุ่นใจให้ผู้คนหลายฝ่าย โดยสิ่งแรกที่พระองค์ทรงทำหลังจากขึ้นครองราชย์ นั่นคือทรงมีรับสั่งให้ปรับนาฬิกาทุกเรือนในตำหนักแซนด์ริงแฮม ซึ่งเดินเร็วไปครึ่งชั่วโมง ให้ปรับให้ตรงเวลา ซึ่งหลายฝ่ายมองว่านี่มันแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ได้สำคัญอะไรเลย พระองค์ควรให้ความสนพระทัยในราชการสำคัญ
1
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8
แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งรัฐบาล ทั้งประชาชนชาวอังกฤษต่างก็ตั้งความหวังกับพระองค์สูงมาก
1
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงผ่านโลกมามาก พระองค์เคยเข้าร่วมในสงคราม เสด็จไปแทบทุกแห่งในสหราชอาณาจักร และพระองค์ก็มีทีท่าว่าจะสนพระทัยในเรื่องราวของบ้านเมือง
1
แต่อะไรล่ะที่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย?
1
เรื่องแรก พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงมีพระราชประสงค์จะให้เปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆ เนื่องจากพระองค์ทรงอยากจะเป็นกษัตริย์สมัยใหม่ ทันยุค ทันสมัย หากแต่พระองค์ทรงเล็งเห็นว่าเหล่าที่ปรึกษาของพระองค์เป็นสัญลักษณ์ของระบอบเก่า และไร้ประโยชน์ พระองค์จึงทรงมีรับสั่งปลดเหล่าที่ปรึกษาจำนวนมาก
3
ไม่เพียงแค่นั้น พระองค์ยังทรงมีรับสั่งให้ปรับลดค่าแรงของเหล่าข้าราชสำนัก ทำให้เหล่าข้าราชสำนักต่างไม่พอใจ
3
ในเวลาไม่นาน พระองค์ทรงเริ่มจะเข้าประชุมหรือพระราชพิธีสำคัญต่างๆ สาย บางครั้งก็ทรงยกเลิกเอาดื้อๆ เอกสารสำคัญต่างๆ ที่ส่งถวายพระองค์ก็ไม่ได้รับการดูแล ใส่ใจนัก หลายคนก็กลัวว่าสายลับเยอรมันอาจจะมาเห็นเอาได้ง่ายๆ หากแต่พระองค์ก็ไม่ได้มีทีท่าจะใส่ใจเลย
2
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้พระองค์ทรงเหลวไหล ไม่ใส่พระทัยในราชการบ้านเมือง ก็มาจากวอลลิส
3
ในเวลานั้น พระองค์ทรงหลงวอลลิสหัวปักหัวปำจนไม่ทรงสนพระทัยในงานราชการ ทำให้หลายคนคิดว่าวอลลิสอาจจะเป็นสายลับเยอรมัน
3
ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับวอลลิสมาถึงทางตัน เมื่อ “อเล็กซานเดอร์ ฮาร์ดิง (Alexander Hardinge)” ราชเลขานุการส่วนพระองค์ ส่งจดหมายมาถวายพระองค์ โดยทูลเตือนว่าหากพระองค์ยังยุ่งเกี่ยวกับวอลลิส สื่อมวลชนคงไม่ยอมปล่อยข่าวนี้ อีกทั้งคณะรัฐบาลก็จะลาออกยกชุด
3
อเล็กซานเดอร์ ฮาร์ดิง (Alexander Hardinge)
ในเวลานี้ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงมีทางเลือกสามทาง
1
1.เลิกกับวอลลิส
1
2.ไม่เลิกกับวอลลิส แต่รัฐบาลจะลาออก
1
3.สละบัลลังก์
2
พระองค์ทรงเลือกข้อสาม
1
เวลา 10.00 น. ของวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.1936 (พ.ศ.2479) พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ล้อมรอบด้วยพระพี่น้อง ได้ลงพระนามาภิไธย สละราชสมบัติ
2
“ข้าพเจ้า พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และประเทศในเครือจักรภพ กษัตริย์ จักรพรรดิแห่งอินเดีย ขอประกาศด้วยความแน่วแน่ที่จะสละราชสมบัติให้แก่ผู้สืบทอดของข้าพเจ้า และขอให้การสละราชสมบัตินี้มีผลในทันที”
1
เมื่อสละราชสมบัติ “เจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุกแห่งยอร์ก (Prince Albert, Duke of York)” พระอนุชาของพระองค์ก็ได้ขึ้นเป็น “พระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร (George VI)”
4
พระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร (George VI)
เมื่อสละราชสมบัติ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็ดำรงพระอิสริยยศเป็น “ดยุกแห่งวินด์เซอร์ (Duke of Windsor)” ส่วนวอลลิสก็เป็น “ดัชเชสส์แห่งวินด์เซอร์ (Duchess of Windsor)”
5
วอลลิสได้ทำการฟ้องหย่าซิมป์สัน และเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ.1937 (พ.ศ.2480)
1
ในวันก่อนพิธีอภิเษกสมรส พระเจ้าจอร์จที่ 6 ซึ่งขุ่นเคืองพระทัยในการกระทำของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ได้ทรงส่งจดหมายมาถึงพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ตรัสว่า อันที่จริง พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 จะไม่สามารถใช้คำนำหน้าว่า “Royal Highness” ได้อีกต่อไป แต่พระองค์จะยังทรงเมตตา ยังทรงอนุญาตให้ใช้อยู่ หากแต่พระชายาหรือพระราชบุตรจะไม่สามารถใช้ได้ สร้างความเจ็บปวดพระทัยแก่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8
1
งานอภิเษกสมรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 กับวอลลิส
ภายหลังจากอภิเษกสมรส พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และวอลลิสก็ได้ออกไปจากสหราชอาณาจักร
1
เหล่าพระราชวงศ์ต่างรังเกียจพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และวอลลิส โดยเฉพาะพระเจ้าจอร์จที่ 6 ซึ่งมักจะเลี่ยงการรับสั่งถึงพระเชษฐา ราวกับไม่ต้องการจะพูดถึง
1
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และวอลลิสใช้เวลาส่วนใหญ่ในฝรั่งเศส และได้ใช้เวลาในบาฮามาสเป็นระยะเวลาสั้นๆ
1
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 สวรรคตในวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ.1972 (พ.ศ.2515) ก่อนวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 78 ไม่ถึงหนึ่งเดือน ส่วนวอลลิส เสียชีวิตในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1986 (พ.ศ.2529) ก่อนวันเกิดครบรอบ 90 ปีเพียงสองเดือน
3
และจนถึงทุกวันนี้ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็เป็นที่พูดถึงในฐานะของกษัตริย์ผู้บูชาความรัก ละทิ้งเกียรติยศทุกอย่างเพื่อความรัก
2
โฆษณา