16 ก.พ. 2021 เวลา 07:26 • ประวัติศาสตร์
*** Last Days of ISIS ***
เร็วๆ นี้เราได้เห็นภาพเด็กและผู้หญิงจำนวนมาก อพยพลี้ภัยออกมาจากเมืองในซีเรียตะวันออก พวกเขาอยู่ในสภาพเจ็บป่วย แตกสลาย น่าสลดสังเวชยิ่งนัก หาก "โลกภายนอก" กลับปฏิเสธที่จะช่วยเหลือพวกเขา
2
เหตุใดโลกภายนอกจึงแล้งนำใจถึงเพียงนี้เล่า? ...สาเหตุอาจจะมาจากเด็กและผู้หญิงเหล่านี้เป็นประชากรกลุ่มสุดท้ายของ "อดีตรัฐ ISIS (ไอซิส)" อันถูกตราว่าชั่วช้าสามานย์ที่สุดนั่นเอง
"ขอน้ำ" คำๆ นี้ถูกเอ่ยขึ้นจากผู้หญิงสวมชุดคลุมดำทั้งตัว ที่กำลังเดินจูงมือเด็กที่เจ็บป่วยจากการขาดสารอาหาร ...นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันในซีเรียตะวันออก ณ ปัจุบันสมัย (กุมภาพันธ์ 2019)
พวกเขาต้องหลบเลี่ยงสไนเปอร์ และกับระเบิดจำนวนมากกว่าจะมาถึงจุดที่มีคนให้ขอความช่วยเหลือได้ อากาศเวลานั้นหนาวนัก พวกเด็กๆ ต่างร้องไห้ด้วยความหนาว ความหิว
คนจำนวนมากในขบวนอพยพนี้ถือกำเนิดเป็นประชากรของประเทศที่เจริญ เช่นอังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย แต่กลับต้องมาตกระกำลำบากในตะวันออกกลาง
พวกเขาถูกกวาดต้อนขึ้นรถบรรทุกหลายคัน เพื่อเดินทางกว่าหกชั่วโมงไปยังจุดหมายใหม่ ความขาดแคลนทั้งยาและอาหารทำให้หลายคนป่วยตายในรถ
นี่คือค่ายอัลโฮลซึ่งผู้ลี้ภัยมาปักหลักก่อนจะมีการขอให้ส่งตัวกลับมาตุภูมิของแต่ละคน แต่น่าแปลกที่ "มาตุภูมิ" ทั้งหลายกลับรังเกียจที่จะช่วยเหลือผู้น่าสงสารเหล่านี้
ทำไมประเทศผู้เจริญแล้วถึงแล้งน้ำใจเพียงนั้น? ...สาเหตุทั้งหมดอาจมาจากที่ผู้อพยพทั้งหมดที่ว่ามาเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงชื่อ "ISIS"
อุดมการณ์อันสุดโต่งรุนแรงนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เรื่องนี้กลับมีที่มาอันยาวนาน...
ตัดฉากไปต้นศตวรรษที่ 20 มีการค้นพบทรัพยากร "น้ำมัน" อันล้ำค่าในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่ชาวตะวันออกกลางกลับอ่อนแอจากการล่มสลายจากจักรวรรดิออตโตมัน (ภาพแนบ: การเดินขบวนในยุคที่ออตโตมันกำลังจะล่มสลาย)
มหาอำนาจตะวันตกฉวยโอกาสดังกล่าวตัดแบ่งภูมิภาคตะวันออกกลางออกเป็นหลายประเทศ และผลัดกันเข้าครอบงำประเทศเหล่านั้นเพื่อช่วงชิงเอาผลประโยชน์ (ภาพแนบ: สัญญาไซเกส ปิโกต์ซึ่งอังกฤษฝรั่งเศสแบ่งภูมิภาคตะวันออกกลางกันเอง โดยประชาชนแถบนั้นไม่มีสิทธิเรียกร้องใดๆ)
ดังนี้ภูมิภาคตะวันออกกลางที่ร่ำรวยจึงได้อ่อนแออยู่เสมอ เพราะตกอยู่ใต้การช่วงชิงอำนาจอันมีมหาอำนาจตะวันตกสนับสนุน สงครามอิรักอิหร่านก็ใช่... สงครามอ่าวเปอร์เซียก็ใช่... สงครามกลางเมืองของหลายประเทศที่เกิดหลังยุคอาหรับสปริงก็ใช่... เรื่องนี้ทำให้ชาวตะวันออกกลางคับแค้นใจเป็นอย่างมาก
ชาวตะวันออกกลางส่วนใหญ่นับถืออิสลาม พวกเขาหลายคนระลึกถึงยุคแรกๆ ที่ชาวมุสลิมทั้งหมดเคยรวมกันอยู่ใต้ประเทศเดียว มีผู้ปกครองคนเดียวเรียกว่ากาหลิบ
ในยุคกาหลิบโบราณนั้นประเทศผู้นับถืออิสลามเคยยิ่งใหญ่ขนาดแผ่อำนาจไปทั่วโลก เอาชนะทุกคนรวมถึงเผ่าฝรั่งนับถือคริสต์ ชาวตะวันออกกลางหลายคนคิดว่าที่ตอนนี้พวกเขาอ่อนแอ มีสาเหตุหลักจากการแตกเป็นหลายฝักฝ่ายแล้วถูกฝรั่งชักใย
ถ้าหากมุสลิมทุกคนกลับรวมกันเป็นประเทศเดียวแล้วไซร้ ก็คงจะแข็งแกร่งขึ้น ไม่ถูกรังแกอีก ด้วยเหตุนี้อุดมการณ์ของ ISIS จึงค่อยๆ ถูกสร้างขึ้น... (ภาพแนบ: แผนที่รัฐอิสลามในยุคแรกๆ ที่มีอำนาจขึ้นมา จะเห็นว่าแผ่ไปถึงสเปน)
2
แปดปีก่อน ประชาชนซีเรียเกิดความขัดแย้งกันเอง ทำให้แผ่นดินเป็นทุรยศ อเมริกาฉวยโอกาสนี้เข้าแทรกแซงสนับสนุนฝ่ายกบฏเพื่อชิงแผ่นดินกับรัสเซีย พวก ISIS สบโอกาสก็ปลุกระดมคน สร้างอำนาจขึ้นมาท่ามกลางความขัดแย้งดังกล่าว
การนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก พวก ISIS สามารถชิงเมืองโมซูลเมืองใหญ่อันดับสองของอิรักมาอย่างรวดเร็ว พวกเขายังยึดดินแดนกว้างขวางของอิรักตะวันตก ซีเรียเหนือ ตั้งเป็นประเทศของตนอีกประเทศหนึ่ง
ปี 2014 อบูบักร์ อัล บัฆดาดี ผู้นำ ISIS ประกาศตั้งตัวเป็นกาหลิบขึ้นที่โมซูล เรียกร้องให้ชาวมุสลิมทั่วโลกมาสวามิภักดิ์ตน
ในยุคพีค พวกเขาเคยยึดดินแดนที่ใหญ่เท่าประเทศอังกฤษ และมีประชากรกว่าสิบล้านคน เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดกองหนึ่งในอิรักซีเรีย
พวก ISIS ปกครองอย่างโหดร้าย กดขี่ประชาชนที่ไม่ได้นับถืออิสลาม พวกเขาปล้นฆ่าข่มขืนชาวยาซิดีที่นับถือศาสนาโบราณ จับผู้หญิงและเด็กยาซิดีไปขายเป็นทาสนอกจากนั้นพวก ISIS ยังชอบจับคนมาฆ่าด้วยวิธีพิสดาร เช่นเผาทั้งเป็น จับขังกรงทิ้งน้ำ ตัดหัวแล้วเอามาเตะเป็นฟุตบอล นี่ทำให้คนในนานาอารยประเทศรังเกียจพวกเขามาก
1
ภาพแนบ: เด็กยาซิดี
แต่เรื่องดังกล่าวบวกกับความสำเร็จในการตั้งรัฐกาหลิบกลับทำให้มุสลิมหัวรุนแรงจากทั่วโลกต่างชื่นชม หลายคนจึงพากันอพยพเข้ามาเป็นประชากรของประเทศ ISIS ในนี้มีทั้งที่มาจากอเมริกา อังกฤษ และประเทศที่เจริญแล้วอื่นๆ
พวกชาวต่างชาติเหล่านั้นพากันเผาพาสปอร์ตเดิมทิ้ง ประกาศตนเป็นประชากรของรัฐกาหลิบ ต่างใช้วิชาความรู้ของตนมาสนับสนุน ISIS ในทางต่างๆ
พวกเขาเรียกร้องให้ประชาชนในแดนมาตุภูมิของตนออกก่อการร้ายเพื่อทำลายประเทศตนเอง ISIS ฝรั่งเศสเรียกร้องให้มุสลิมฝรั่งเศสก่อการร้าย ISIS อเมริกันเรียกร้องให้มุสลิมอเมริกันเข่นฆ่าเพื่อนร่วมชาติ
พวก ISIS รบชนะต่อเนื่องมาเรื่อยๆ แต่กลับต้องหยุคชะงัก เมื่อบุกเข้าตีเมืองโคบานี ซึ่งมีชาวเคิร์ดอาศัยอยู่
1
พวกเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยในอิรัก อิหร่าน ซีเรีย ตุรกี ที่ผ่านมาพวกเขาถูกผู้ปกครองแต่ละประเทศกดขี่ข่มเหง จนพัฒนาตนเองกลายเป็นพวกดุร้าย ต่อสู้กับการกดขี่มาตลอด
1
ทัพ ISIS นั้นแม้ชนะทัพรัฐบาลอิรักซีเรียซึ่งกำลังเสียขวัญจากการขัดแย้งกันเองในประเทศ แต่พอเจอพวกเคิร์ดที่มีกำลังน้อย แต่รบเก่งไม่กลัวตาย ก็ต้องแตกพ่าย และกลายเป็นจุดเปลี่ยนของสงคราม (ภาพแนบ: ทหารเคิร์ดยืนมองซากเมืองโคบานีที่ถูกทำลายจากสงคราม)
2
ผลงานดังกล่าวทำให้อเมริกาเข้าสนับสนุนเคิร์ด (จากที่เมื่อก่อนสนับสนุนแต่กบฏซีเรีย) ให้ทรัพยากรจนเคิร์ดแข็งแกร่งขึ้น บุกตี ISIS แตกพ่ายย่อยยับ ภาพแนบคือทัพเคิร์ดฉลองชัยที่ยึดเมืองรักกา หรือเมืองหลวงของ ISIS ได้
ชาวเคิร์ดไม่เคร่งศาสนา สู้ได้ทั้งชายและหญิง ประกอบกับมีความแค้นต่อ ISIS เพราะพวกยาซิดีที่ถูกข่มเหงนั้นก็นับเป็นเคิร์ดกลุ่มหนึ่ง พวกเขาร่วมกับรัฐบาลอิรักซีเรียบุกตีจน ISIS ไปจนมุมอยู่ที่ซีเรียตะวันออก
1
ปัจจุบัน ISIS ซึ่งเคยมีประชากรกว่าสิบล้านคน กลับเหลือเพียงราวสองพัน อาศัยอยู่ใน "เมืองเต็นท์" ในพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งตารางกิโลเมตรในภาพ
1
พวกเคิร์ดล้อมหมู่เต็นท์แห่งนี้ไว้มิได้บุกต่อ แต่ก็มีคนข้างในทนความหิวโหยไม่ไหว แตกหนีออกมายอมแพ้เรื่อยๆ
1
ประชาชนของ ISIS ที่ยอมแพ้ตั้งแต่ต้นปีมามีหลายหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นลูกเมียของ ISIS กลุ่มที่ฮาร์ดคอร์ที่สุด พวกนี้เคยมีความเชื่อในอุดมการณ์อย่างสุดโต่ง แต่ถึงจุดนี้ต่างกลัวตาย จึงทนอัปยศออกมาสวามิภักดิ์
ทัพเคิร์ดเห็นคนพวกดังกล่าวเป็นเด็กและผู้หญิง ออกมายอมแพ้แล้วก็ไม่อยากฆ่า แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเลี้ยงเพราะสิ้นเปลือง และกลัวแม่ปลูกฝังความคิดสุดโต่งแก่ลูก โตขึ้นมาก็จะเป็นอันตราย
1
พวกเขาพยายามส่งคนพวกนี้กลับประเทศแม่ของตน และบ่นว่าจัดการยากมาก เพราะพวกนี้ทำลายพาสปอร์ตตนเองไปหมดแล้ว
1
ชายคนนี้ชื่อแจ็ค เล็ตต์ เดินทางมาสวามิภักดิ์ ISIS เมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันอยู่ในคุกเคิร์ด เขายอมรับว่าตอนที่ได้ยินเรื่องการก่อการร้ายสังหารคนบริสุทธิ์ 130 คนที่ปารีสในปี 2015 นั้น ตนรู้สึกชื่นชมยินดี เพราะเห็นเป็นการตอบแทนที่กองทัพฝ่ายต่างๆ มาฆ่าคนบริสุทธิ์ในฝั่ง ISIS เหมือนกัน
เล็ตต์แจ้งว่าตนเองอยากกลับอังกฤษ ไม่อยากแห้งตายอยู่ในแดนเคิร์ด แต่ก็พูดอย่างน้อยใจว่าคงยาก "เพราะพวกรัฐบาลน่ะไม่แคร์ที่จะช่วยผมหรอก"
1
ผู้หญิงคนนี้ชื่อ ชามิมา บีกัม เป็นชาวอังกฤษเช่นกัน ...ไม่กี่วันก่อนเธอพึ่งคลอดลูกอ่อนในค่ายลี้ภัยเคิร์ด เธอเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมที่จะกลับอังกฤษ แต่รัฐบาลอังกฤษกลับถอดสัญชาติเธออย่างโหดร้าย
1
กฎหมายอังกฤษบอกว่ารัฐบาล "ไม่สามารถถอดสัญชาติประชาชนได้ หากการถอดนั้นทำให้เขาหรือเธอกลายเป็นบุคคลไร้สัญชาติ" แต่รัฐบาลอังกฤษบอกว่าบีกัมมีแม่เป็นบังกลาเทศ ดังนั้นเธอจึงควรเป็นชาวบังกลาเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลบังกลาเทศก็รีบออกมาบอกว่าจะไม่ยอมรับเธอเป็นพลเมืองเด็ดขาด นี่ทำให้บีกัมใกล้ๆ จะเป็นบุคคลไร้รัฐ หาทางออกมิได้
2
อีกเคส หญิงอเมริกันชื่อฮูดา โมทานาอยู่ ISIS มาห้าปี เปลี่ยนสามีมาแล้วสามคน เคยทวิตเตอร์บอกให้ชาวมุสลิมอเมริกันไล่ฆ่าชาวอเมริกันอื่นๆ ให้หมด
1
มาตอนนี้เมื่อ ISIS แพ้ เธอจึงพึ่งประจักษ์แจ้งว่า ISIS เลว และเกิดรักในอุดมการณ์เสรีภาพของอเมริกา อยากให้อเมริการับเธอกลับ
2
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทรัมป์ได้ออกมาตอบโต้ว่า "ไม่รับโว้ย!"
1
ประเทศๆ หนึ่งเหมือนร่มไม้ใหญ่ ย่อมมีนกกามากมายมาอาศัย เมื่อประเทศล่มสลายนกกาเหล่านั้นย่อมแตกหนีเอาตัวรอด แต่ความที่ไม้นั้นเป็นไม้ชั่ว ทำให้นกกาจากร่มไม้อื่น ไม่ต้อนรับนกกาที่แตกหนีมา
1
...นั่นทำให้เกิดปัญหาทางตัน เพราะผู้ลี้ภัยเหล่านี้ก็เป็นมนุษย์ ซึ่งตามหลักมนุษยธรรมไม่ควรถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย ...การมองดูความทุกข์ทรมานของพวกเขาในโมงยามสุดท้ายของ ISIS ทำให้ได้แต่ทอดถอนใจ
...หากท่านเป็นผู้มีอำนาจในเรื่องนี้ จะตัดสินใจจัดการประชากรกลุ่มสุดท้ายของรัฐกาหลิบอย่างไรดี?
หมายเหตุ : ลงครั้งแรก 24 กุมภาพันธ์ 2019 ใน facebook
::: ::: :::
สนใจอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา