Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
18 ก.พ. 2021 เวลา 02:12 • นิยาย เรื่องสั้น
2.1. กำจัดหอกข้างแคร่
อ้วนสุด ราชันย์ขบถ - ฮกอ้วน สมุหนายก - ฮกฮองเฮา หมากเชื่อมประสานฟ้า
ฝ่ายโจโฉมองเห็นช่องว่างทางการเมือง เพราะตำแหน่งสำคัญว่างลงพร้อมกันถึงสองตำแหน่ง นั่นคือ เอียวปิด สมุหกลาโหม และเอียวปิว สมุหนายก ทำให้ต้องใช้เวลาพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ
ตัวเลือกด้านบู๊นั้นมีไม่มาก แฮหัวตุ้น พี่ใหญ่แห่งสี่เทวะย่อมเป็นอันดับหนึ่งที่เพียบพร้อมทั้งฝีมือและสติปัญญา ห่างชั้นกว่าขุนพลเมืองหลวงคนอื่นๆในสังกัด หากแต่ตัวเลือกด้านบุ๋นนั้น โจโฉอาจจะต้องเลือกว่าจะยกประเคนให้กับกุนซือหลัก กุยแก ซุนฮก ตันกุ๋น คนใดคนหนึ่งหรือไม่ และอาจจะส่งผลกระทบทำให้คนที่พลาดตำแหน่ง เกิดน้อยอกน้อยใจขึ้นมาได้
ดังนั้น โจโฉอาจจะเลือกพิจารณาตำแหน่งนี้ในเชิงการเมือง มองหาตัวเลือกที่มาจากกลุ่มอิทธิพลเก่าแก่ เพื่อประสานผลประโยชน์ต่างตอบแทน และคนสายบุ๋นที่เข้าข่ายเช่นนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย อาทิ ฮกอ้วน ขงหยง หรือนักปราชญ์นอกทำเนียบอื่นๆ
คาดไม่ถึง พอทิ้งเวลาเนิ่นช้า เสียงเรียกร้องของพวกบัณฑิตกลับดังกระหึ่ม บัณฑิตสายขงจื้อเชิดชูอาจารย์อาวุโสขงหยงอย่างออกนอกหน้า ในขณะที่พวกขุนนางกลับยกย่องท่านผู้เฒ่าฮกอ้วนคนดังในราชสำนัก
สุดท้าย โจโฉถึงกับอาศัยแรงกระเพื่อมครั้งนี้ ชิงกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มอิทธิพลขุนนางเก่าด้วยการส่งชื่อ ฮกอ้วน ขุนนางอาวุโส ให้เป็นสมุหนายก พร้อมทั้งจัดการให้ลูกสาวฮกอ้วนเข้าวังไปเป็นฮองเฮาด้วย นับเป็นการรุกคืบเข้าควบคุมถึงราชสำนักฝ่ายในเป็นครั้งแรก เพื่อตกลงแลกเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองต่อกัน
ฮกอ้วนผู้นี้ นับเป็นคนสนิทคุ้นเคยกับสกุลเอียวด้วยความที่เป็นเชื้อสายขุนนางเก่าเฉกเช่นกัน และฮกอ้วนทำงานเป็นขุนนางในราชสำนักมานาน ผ่านยุคสมัยเลนเต้จนถึงเหี้ยนเต้ได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งนับถือหลักการขงจื้อ จนมีชื่อเสียงเทียบเท่าระดับขงหยง อองเอี๋ยน จึงเป็นคนสายบุ๋นที่เก่าแก่ ผู้คนล้วนยอมรับนับถือ และประวัติการทำงานก็นับว่า มีความคุ้นเคยกับวงการการเมืองเป็นอย่างดี
การที่โจโฉหยิบยื่นตำแหน่งสำคัญให้กับฮกอ้วน จึงเป็นการส่งสัญญาณไปยังกลุ่มก้อนอิทธิพลสายต่่างๆที่หลงเหลืออยู่ รวมทั้งกุนซือหลักของตนเองนั้น ให้ลดทอนแรงต่อต้าน ละวางความขัดแย้ง หันกลับมาทำคุณต่อแผ่นดินฮั่นร่วมกัน
และในเมื่อละเว้นตำแหน่งบุ๋นสูงสุดให้แล้ว โจโฉจึงต้องการตำแหน่งบู๊สูงสุดเอาไว้ในมือ จึงเสนอชื่อ แฮหัวตุ้น เทพคุ้มครอง ให้ขึ้นเป็นสมุหกลาโหม ทำให้กองทัพแผ่นดินฮั่นตกอยู่ในกำมือของโจโฉได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว
…
เล่าปี่ติดตามรับฟังกระแสการเมือง เห็นหมากตานี้ของโจโฉสำแดงผล ขุนนางนายทหารเก่าแก่เริ่มรามือ ไม่มีความคิดต่อต้านขัดขืนผู้สำเร็จราชการคนใหม่ ขุมกำลังสกุลโจสามารถเข้าถึงกลุ่มคนการเมือง ยึดครองจิตใจของกลุ่มอิทธิพลเมืองหลวงไปได้แล้ว เห็นที ช่วงสั้นๆยากจะตอแยกวนน้ำให้ขุ่นได้อีก
เล่าปี่จึงไม่กล้าต่อต้านอำนาจบารมีของโจโฉอีกต่อไป และพยายามบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงการเข้าพบกษัตริย์น้อยเป็นการส่วนตัว เพื่อไม่ให้โจโฉสงสัยความภักดีของตนเองจนเกินไป อีกทั้ง เตียวหุยยังคอยกระตุ้นเตือนให้หาทางหลบหนีออกจากเมืองหลวง ออกไปตั้งหลักที่เมืองชีจิ๋วแทนจะปลอดภัยกว่า
ดังนั้น แทนที่เล่าปี่จะมุ่งมั่นทำราชการงานบริหาร หรือคบค้าสมาคมกับขุนนางนายทหาร เพื่อแสวงหาพรรคพวกเพื่อนฝูง กลับทำตัวสมถะ ทำสวนผักเลี้ยงสัตว์สวยงาม ราวกับพึงพอใจเพียงแค่ความเป็นอยู่ที่สุขสบายแต่พอตัวเท่านั้น
แต่พอยิ่งเล่าปี่มีความห่างเหินออกไป ทางกษัตริย์เหี้ยนเต้กลับคล้ายงมงาย ไม่เข้าใจในสัญญาณ ยิ่งส่งคนมาตามตัวพระเจ้าอาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งรังแต่สร้างความหวาดระแวงให้กับฝ่ายโจโฉไม่เสื่อมคลาย จนน้องสามเตียวหุยต้องปรับเปลี่ยนท่าทีให้เล่าปี่เปลี่ยนเป็นคนฝักใฝ่ในรสพระธรรม พึงพอใจการเข้าวัดม้าขาว วัดป่าน้อยที่เป็นพระอารามหลวง พูดคุยสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสเภาเจ๋ง และเหล่าหลวงจีนชราอยู่เนืองๆ จนคุ้นเคยกลายเป็นอาคันตุกะขาประจำ
นานวันเข้า กระแสเชื้อพระวงศ์คนใหม่ยิ่งแพร่สะพัด โจโฉยิ่งมุ่งมั่นทดลองใจเล่าปี่อยู่อีกหลายครั้งหลายรอบ แต่เล่าปี่เสแสร้งทำตัวอ่อนด้อยได้อย่างแนบเนียน จนเมื่อเห็นว่า โจโฉคลายความระแวงในตัวมันแล้ว เล่าปี่จึงอาศัยจังหวะที่ปลอดคน แสร้งต้องการยุติปัญหาคาใจ ขันอาสาจัดการกับขบถอ้วนสุดที่่เพิ่งอ้างตนเป็นกษัตริย์ ซึ่งถือว่า เป็นขุมกำลังที่เหิมเกริมอุกอาจต่อรัฐบาลมากที่สุด ด้วยข้ออ้างที่ว่า ต้องการแทนคุณให้แผ่นดิน และตนเองคุ้นเคยต่อแนวทางการทำศึกกับอ้วนสุดมาก่อนแล้ว
โจโฉเห็นชอบด้วยตามเหตุผลชักจูง จึงอนุญาตให้นำกองทหารประจำเมืองชีจิ๋วกลับคืนถิ่นเก่า พร้อมกับให้ขุนพลอิกิ๋ม งักจิ้นกำกับทัพไปด้วย แต่พอเหล่ากุนซือ อันมี ซุนฮก กุยแก ตันกุ๋น ทราบเรื่อง ต่างรีบทะยอยเข้าพบพร้อมกับคำทัดทานชุดใหญ่ แต่โจโฉไม่อยากแสดงความโลเลให้เสียประวัติ จึงยอมเสี่ยงดูท่าทีสักครั้ง
สุดท้าย พวกเล่าปี่ก็เป็นดั่งเช่นเหล่ากุนซือคาดคิด โดยเตียวหุยใช้อุบายหลอกล่อให้สองขุนพลรองย้อนกลับเมืองหลวงไปตัวเปล่า ปล่อยให้พวกเล่าปี่นำทัพร่วมหมื่นนายกลับไปถึงเมืองชีจิ๋วได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนับว่า ยังยั้งมือไว้ไมตรี ไม่ฆ่าสองขุนพลเป็นการตัดกำลังของสกุลโจ
เมื่ออิกิ๋ม งักจิ้นกลับไปรายงานตัวต่อโจโฉ ย่อมทำให้โจโฉเดาได้ว่า ตนเองเสียรู้ให้กับพวกเล่าปี่เสียแล้วจริงๆ แต่จำต้องเลยตามเลย เสี่ยงซื้อใจกำชับให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองดูแลเมืองชีจิ๋วให้ดี และเร่งจัดการกับอ้วนสุดให้ได้โดยเร็วตามที่ตกลงกันไว้
…
นับจากที่อ้วนสุดแห่งฉิวฉุน ถูกโจโฉใส่ร้ายเรื่องการแอบอ้างตั้งตนเป็นกษัตริย์ จนพ่ายทัพไปในครั้งก่อน อ้วนสุดก็คล้ายค้างคาใจไม่หายที่ถูกหักหลังจากพวกพ้องรอบข้างจนชื่อเสียงมัวหมอง จึงคิดทะนงตน ตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์ต๋องซือไปเสียจริงๆ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ซุนเซ็กยอมกลับมาเป็นขุนพลในสังกัดอย่างจริงจังอีกครั้ง
ตั้งแต่ซุนเซ็กเอาชนะเงียมแปะฮอ ยึดครองเมืองต๋องง่อได้สำเร็จแล้ว ซุนเซ็กจึงเลือกเอาเมืองห้อยเขเป็นเมืองหลักแทนเมืองชีสอง เพราะมีชัยภูมิเหมาะสมกว่าในการควบคุมพื้นที่ที่ขยับขยายจากเดิม และยังคงสะดวกต่อการประสานกำลังพลกับฐานทัพเรือเมืองชีสอง ทำให้สามารถแผ่ขยายอำนาจปกครองครอบคลุมไปทั่วทั้งแดนใต้ของแม่น้ำไต้กัง ทะยานขึ้นเป็นเจ้าพ่ออาณาจักรทักษิณอย่างแท้จริง จนชายแดนโดยรอบกระหนาบโดยอ้วนสุดแห่งฉิวฉุน ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนมาแต่เดิม เล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว และเล่าเจี้ยงแห่งเสฉวน สองเชื้อพระวงศ์ ซึ่งซุนเซ็กยังไม่พร้อมที่จะต่อแยด้วยทั้งสิ้น
คราก่อน อ้วนสุดเคยสั่งการนัดหมายให้ซุนเซ็กลอบบุกยึดเมืองชีจิ๋วจากทางน้ำ แต่ซุนเซ็กไม่เห็นดีด้วย จึงบ่ายเบี่ยงด้วยการแสร้งป่วยไข้กระทันหัน จนอ้วนสุดพลาดท่าเสียทีไปในการรบมาแล้วครั้งหนึ่ง ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจึงอยู่ในระดับที่มึนตึงเย็นชาพอสมควร แต่ไม่ถึงกับตัดสิ้นเยื่อใยต่อกันอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น การติดต่อครั้งนี้ จึงคล้ายเหมือนอ้วนสุดยอมอ่อนข้อ งอนง้อต่อขุนพลชั้นเอก แต่ดูเหมือนซุนเซ็กจะเมินเฉยต่อกษัตริย์อ้วนสุดเสียแล้ว เพราะแทนที่จะอ่อนน้อมต่อฮ่องเต้ใหม่ ซุนเซ็กยังแจ้งข่าวให้ญาติพี่น้องและขุนนางนายทหารในสังกัดอ้วนสุดที่ชอบพออยู่กับตนเองตั้งแต่สมัยที่เคยอยู่ใต้ร่มธงกองทัพเดียวกัน ให้ละทิ้งสังกัดเดิม หันมาเข้าพวกกับฝ่ายกังตั๋งไปอีกเป็นจำนวนมาก คล้ายคลึงกับกลยุทธ์เก่าที่ซุนเซ็กเคยใช้กับเล่าอิ้ว และเงียมแปะฮอในอดีต
นอกจากนั้นแล้ว ซุนเซ็กยังส่งอองเอี๋ยน อดีตเจ้าเมืองห้อยเข ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือ ถือเครื่องบรรณาการล่องเรือเลียบทะเลขึ้นไปเมืองหลวง เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อกษัตริย์เหี้ยนเต้ ทำให้พยัคฆ์หนุ่มหน้าหยกได้รับการแต่งตั้งจากโจโฉให้เป็นเจ้าเมืองห้อยเขอย่างเป็นทางการ พร้อมกับญาติพี่น้องคนสนิท เช่น ซุนเปิน ซุนฟู สองลูกชายของซุนเฉียง ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดของซุนเกี๋ยน ที่เริ่มมาช่วยงานกองทัพกังตั๋งในภายหลัง ก็พลอยได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองต๋องง่อกับชีสองตามลำดับ
เพียงแต่อองเอี๋ยนกลับถูกฮกอ้วน สมุหนายกคนใหม่ ขอตัวไว้ใช้งานด้านการศึกษาในราชสำนัก และภายหลังได้ยินว่า อองเอี๋ยนได้เปลี่ยนชื่อเป็นอองลองไปแล้ว
ในความเป็นจริงนั้น ซุนเซ็กยังคงทรงอิทธิพลเหนือดินแดนกังตั๋งทั้งปวง โดยที่รัฐบาลไม่อาจเข้ามาตอแยอยู่เช่นเดิม แต่เมื่อขุมกำลังตระกูลซุนต้องรอคอยการเพาะบ่มกองทัพเพิ่มเติมสักระยะหนึ่ง ไม่พร้อมทำศึกยืดเยื้ออันใด เหล่ากุนซือจึงต้องช่วยเสริมสร้างบารมีจากหนทางอื่นแทน
เตียวเจียว โลซก สองเสาหลักฝ่ายบุ๋นทบทวนดูแล้ว จึงช่วยกันเป็นพ่อสื่อให้ซุนเซ็ก จิวยี่ ได้เป็นเขยขวัญของเจ้าพ่อการค้า เกียวชวน สร้างตำนานขุนศึกคู่สาวงาม เสริมสร้างชื่อเสียงให้กับซุนเซ็กอีกทางหนึ่ง
ซุนเซ็ก-ไต้เกี้ยว จิวยี่-เสียวเกี้ยว สองคู่ชายหญิงที่เคยโด่งดังสะท้านเมืองหลวงลกเอี๋ยง จึงมาลงเอยกันที่แดนกังตั๋งนี่เอง สมดั่งคำว่า กิ่งทอง-ใบหยก ทำให้สถานะทางการเมืองของตระกูลซุนแข็งแกร่งขึ้นถึงขีดสุดแล้ว ข่าวคราวทั้งหมด ย่อมสร้างความแค้นเคืองใจให้กับโจโฉยิ่งนัก โดยเฉพาะเรื่องความรักทั้งสองคู่นี้
สงครามชิงดินแดนยังพอทอดเวลานานได้บ้าง หากแต่สงครามชิงความรักกลับไม่อาจเนิ่นช้า จนเลยผ่านวัยหนุ่มสาว ดังนั้น โจโฉ ผู้งมงายในความรัก จึงแอบรู้สึกขุ่นเคืองใจต่อซุนเซ็กยิ่งนัก และนำไปสู่แผนการอันแยบยลในเวลาต่อมา
…
นับจากที่เล่าปี่ได้รับทราบความลับอันดับรัชทายาทมาจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ในครั้งนั้น ทำให้มันต้องคิดประเมินสถานการณ์การเมืองรอบตัวเสียใหม่ เพราะมันเริ่มมีส่วนได้เสียในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เป้าหมายสููงสุดไม่ใช่เพียงชื่อเสียงโด่งดัง หรือแค่ฐานะมั่นคงเท่านั้นแล้ว หากแต่เป็นราชบัลลังก์ที่ทุกคนล้วนปรารถนา
ความจริง ตัวมันเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกหญิงเสียสติเก็บมาเลี้ยงแทนลูกที่ตายไป มันคือเหี้ยนเต๊ก คนตายคือเล่าปี่ มันเรียกหญิงบ้าว่าท่านอา หญิงบ้าเรียกมันว่าลูกเรา มันจึงเติบโตขึ้นมาด้วยชื่อจริง เล่าปี่ ชื่อรอง เหี้ยนเต๊ก อาศัยหญิงบ้าเป็นจุดขาย สร้างความสงสารเห็นใจเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ
เด็กน้อยเล่าปี่กับหญิงวิปลาสต้องย้ายถิ่นที่อยู่หลายครั้ง เพื่อเสาะหาเหยื่อจิตใจดีกลุ่มใหม่ๆ และไม่มีใครสนใจมาล่วงรู้ความเป็นมาดั้งเดิมแล้ว แม้แต่กันหยง สหายเก่าวัยเด็กก็มิทราบความนัยเรื่องนี้ จึงกลายเป็นคนที่ช่วยยืนยันความเป็นคนแซ่เล่าให้กับมันได้ทุกเมื่อที่จำเป็น และเป็นเหตุให้เล่าปี่ต้องยอมอ่อนข้อให้บัณฑิตที่มีมารยาทต่ำทรามหยาบช้ามาเป็นที่ปรึกษาข้างกายที่เมืองชีจิ๋วแบบจำยอม
จากเหตุการณ์ที่นอกเมืองอ้วนเซียครั้งนั้น มันตั้งใจเพียงแค่ย้อนกลับเก็บข้าวของ ร่ำลาแยกทางกับอาหญิงที่ยังมีอาการประสาทอยู่เนืองๆ แต่เมื่อมีชายลึกลับในชุดพ่อค้าเร่ร่อนช่วยจัดการปิดปากหญิงบ้าไปแล้ว มันจึงได้แต่หวังว่า คนลึกลับนั้นจะหวังดี และเก็บงำความลับให้กับมันไปตลอดกาล
ยามนี้ มันจึงเกิดความทะเยอทะยาน และมีมานะในการทำงานใหญ่ให้สำเร็จ เด็กกำพร้ายากไร้อาจจะได้เป็นราชันย์ครองแผ่นดิน มันจึงนำความไปปรึกษากับกวนอู เตียวหุย ผู้เป็นน้องร่วมสาบาน เพื่อช่วยขบคิดหาหนทางชิงอาณาจักรฮั่นกลับคืนสู่คนแซ่เล่าให้ได้ นับจากนี้ บทบาทของมันคือ เล่าปี่ เชื้่อพระวงศ์ผู้ตกยาก เท่านั้น
นางแอ่น-เตียวหุยยังคงเป็นมันสมองหลักของกลุ่มที่รู้กันแค่สามคน มาถึงจุดนี้ จึงวิเคราะห์สถานการณ์ ดังนี้
"จุดศูนย์กลางแผ่นดิน คือ โจโฉ – เตียวสิ้ว ที่ยังไม่สิ้นสุด แต่ก็ไม่น่าจะนานนัก โจโฉคงบดขยี้เมืองอ้วนเซียได้ไม่ยาก เพราะจำนวนขุนพลและกำลังทหารต่างกันมากนัก จะว่าไปก็เพียงรอเวลาอันเหมาะสมต่อการลงมือ ขุมกำลังโจโฉซึ่งมีกษัตริย์ฮั่นเป็นตัวประกันจึงจะเป็นกลุ่มที่มีสถานะได้เปรียบที่สุด
ภาคเหนือ คงเป็นสงครามสามเส้า ช่วงชิงกันระหว่างอ้วนเสี้ยว – ม้าเท้ง - กองซุนจ้าน แต่สุดท้าย อ้วนเสี้ยวน่าจะได้ไปด้วยความพร้อมหลายๆด้าน และอาจรวบรวมกองกำลังชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือไปได้อีกด้วย ขุมกำลังอ้วนเสี้ยวจึงเป็นกลุ่มที่มีกองทัพแข็งแกร่งมากที่สุดในไม่ช้า
ทางภาคใต้ ซุนเซ็กแสดงอำนาจ ยึดครองไปก่อนหลายขั้นตอนแล้ว ยากที่คนอื่นจะช่วงชิง อีกทั้งชัยภูมิน่านน้ำกว้างใหญ่ขวางกั้นไว้ ตั้งรับง่าย แต่โจมตีขึ้นมายากเช่นกัน อีกทั้งยังมีการก่อกวนจากโจรสลัดบ้าง ชนเผ่าเย่ทางใต้บ้าง คงต้องใช้เวลาในการจัดการอีกนาน ขุมกำลังนี้จึงยังห่างไกลต่อการมีส่วนร่วมชิงแผ่นดินใหญ่
ฝั่งตะวันตก มี เล่าเจี้ยง – เตียวล่อ สูสีกัน แต่หนทางก็ห่างไกลและกันดารเกินไป น่าจะพอใจในการสร้างกองกำลังไปเรื่อยๆ เพื่อการตั้งรับ คงไม่มีผลกระทบอะไร ในตอนนี้ ทั้งสองขุมกำลังจึงไม่ใช่คู่แข่งสำคัญเช่นกัน
และ ภาคตะวันออก คือ พวกเรา – อ้วนสุด – เล่าเปียว ที่ยังดูไม่ออก หากเรา ผนวกกับ ทัพเสริมจากโจโฉ กำจัดอ้วนสุดออกไปก่อน แล้วผูกใจเป็นพันธมิตรกับเล่าเปียวให้ได้ ฝั่งตะวันออกนี้จะเป็นที่มั่นของพวกเราได้ในไม่ช้า
ดังนั้น สถานการณ์ตอนนี้ ฝั่งตะวันออกคือแผ่นดินที่พวกเราจะต้องช่วงชิงมาให้ได้ และช่วงเวลานี้ อ้วนสุดไร้มิตรสหาย กำลังเสื่อมโทรมเป็นที่สุด รอวันพ่ายแพ้อยู่แล้ว"
เล่าปี่รับฟังด้วยความยินดี และตัดสินใจรีบบุกโจมตีอ้วนสุดโดยเร็ว การกำจัดอ้วนสุดไปก่อน ย่อมทำให้เขามีเวลาสร้างรากฐานให้กับตัวเองได้มากขึ้น แทนที่ต้องมาคอยระวังการโจมตีจากคนที่เป็นคู่ปรับเก่า และไม่อาจไว้วางใจได้อยู่เนืองๆ
แต่งานนี้ นับเป็นงานใหญ่ เล่าปี่จึงขอความช่วยเหลือไปยังโจโฉและเล่าเปียวด้วยอีกสองทาง เพราะมันยังถือว่าอยู่ในสังกัดของราชสำนัก ซึ่งผู้นำทางทหารคือ โจโฉ และเป็นการผูกสัมพันธ์โดยตรงครั้งที่สองกับเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว ผู้เป็นรัชทายาทอันดับหนึ่งตามเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นตามที่ได้รับข้อมูลมาจากยุวกษัตริย์
แม้ว่าโจโฉจะไม่ได้นำทัพมาเอง แต่ก็ส่งโจหยิน โจหอง สองในสี่เทวะเป็นแม่ทัพใหญ่-รอง ซุนฮก กุนซือ และขุนศึกอื่นๆชูธงโจโฉเข้าร่วมศึกแทน ด้านเล่าเปียวก็ส่งขุนพลชัวมอนำทัพมากดดันจากอีกเส้นทางหนึ่ง กองทัพทั้งสามสายจึงเดินทางมายังชายแดน เพื่อเตรียมพร้อมการรบครั้งสำคัญกับกองกำลังฉิวฉุนในรูปแบบกองทัพสามประสานอีกครั้งหนึ่ง
…
ฝ่ายกษัตริย์อ้วนสุดที่พลาดหวังในการเมินเฉยของซุนเซ็ก พอรับรู้ข่าวการศึกแล้ว ยังคงมีความหวังที่จะขอความช่วยเหลือจากอ้วนเสี้ยว พี่ชายต่างมารดา ซึ่งหากแม้นสองพี่น้องจับมือกันได้ ก็ยังคงเป็นกองทัพที่มหาศาล สามารถกดดันทัพประสานของฝ่ายตรงข้ามได้ไม่ยากเย็นนัก และแก้ไขสถานการณ์คับขันครั้งนี้ได้ อ้วนสุดจึงได้แต่หลอกลวงพี่ชายต่างมารดา แสร้งยินยอมมอบตราหยกที่ซ่อนไว้ให้
แต่อ้วนเสี้ยวกลับรู้เท่าทันความคิด และยกเอาเหตุขัดแย้งกันที่เมืองหลวงแต่ครั้งก่อน รวมทั้งการเอื้อมอาจตั้งตนเป็นกษัตริย์ในครั้งนี้ ตอบปฏิเสธกลับมาอย่างสิ้นเยื่อใย พร้อมตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง ขับไล่ออกจากสกุลอ้วนไปด้วย
สุดท้าย กษัตริย์อ้วนสุด จึงคล้ายถูกโดดเดี่ยว ไร้พวกพ้องคบหาจริงๆ แต่แทนที่จะหาทางปลุกปลอบขวัญกำลังใจผู้คน อ้วนสุดกลับหมดอาลัยต่อชีวิต เลือกที่จะเสพสุขรื่นเริงเป็นการส่งท้ายในยามอับจนแทน ขุนนางนายทหาร รวมทั้งประชาชนที่รู้ทันการเมืองยิ่งหลีกลี้หนีหายกันไปหมดสิ้น จนเมืองฉิวฉุนดูเงียบเหงารกร้างยิ่งนัก
ด้วยการโจมตีสามทางอย่างพร้อมเพรียงกันก็เพียงพอที่จะทำให้อ้วนสุดหมดหนทางสู้ และจำต้องพาครอบครัวหลบหนีไปจากเมืองที่มั่นเดิม ปล่อยให้ฝ่ายรัฐบาลเข้ายึดครองได้หมดสิ้น
ต่อมา มีข่าวว่า อ้วนสุดคิดมากจนล้มป่วย ไล่ฆ่าฟันคนในครอบครัว จนเครือญาติใกล้ชิดที่เหลือต้องกระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง สุดท้าย อ้วนสุดก็ตรอมใจตายระหว่างทาง สิ้นลายของจักรพรรดิ์อายุสั้นไปอย่างหมดรูป
หากอ้วนสุดยังอดทน มีชีวิตอยู่ต่อได้อีกเพียงสองสามวัน คงจะได้พบกับกองทัพลับของอ้วนฮี ลูกชายอ้วนเสี้ยว ที่กำลังเดินทางมารับตัวญาติร่วมสกุลตามคำสั่งของบิดาอยู่แล้ว เปลือกนอก อ้วนเสี้ยวคงแสร้งตำหนิขับไล่ แต่ที่จริง ยังมีใจคิดช่วยเหลือ แต่เมื่อบทสรุปเป็นเช่นนี้ คุณชายอ้วนฮีจึงได้แต่กลับไปรายงานผลแบบมือเปล่า อ้วนเสี้ยวจึงไม่อาจกอบกู้ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างกันได้เสียแล้ว
…
ศึกปราบอ้วนสุดแห่งฉิวฉุนจบสิ้นลงไปแล้ว แต่แทนที่ภารกิจสงครามเสร็จสิ้นแล้วแยกย้ายกันไป ซุนฮกกลับยกอาญาสิทธิ์ลับจากโจโฉ สั่งการให้กลุ่มเล่าปี่ ชัวมอ ปรับกระบวนทัพร่วมกับพวกโจหยิน โจหอง ใช้ยุทธวิธีเคลื่อนที่เร็ว อ้อมผ่านเมืองฮูโต๋ บุกเข้าโจมตีเตียวสิ้วที่เมืองอ้วนเซียแบบไม่ให้ทันตั้งตัว
การเคลื่อนทัพที่รวดเร็วเหนือความคาดหมาย ถูกนำมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพเป็นครั้งแรก พร้อมปล่อยข่าวลวงว่าเป็นการถอนทัพกลับสู่เมืองหลวงตามปกติ แต่พอใกล้ถึงจุดหมาย จึงค่อยเปลี่ยนทิศทางเบี่ยงไปทางทิศตะวันตก ตรงเข้าสู่เมืองอ้วนเซียที่มีกำลังทหารไม่มากอยู่แล้ว ราวกับฝูงหมาป่าพุ่งเข้าขย้ำเหยื่อที่อ่อนแอ ไร้หนทางต่อสู้
เตียวสิ้ว ดาวองครักษ์ นำกองทัพกล้าตาย พยายามหลบหนีออกจากเมืองฝั่งตะวันตก หวังไปพึ่งพิงเตียวล่อ ดาวปกครอง พรรคพวกเดียวกันทางเมืองฮันต๋ง หากแต่กลับพบพานกับกองทัพฝ่ายกวนอูที่อ้อมมาสกัดไว้ จึงชักอาวุธพร้อมรบกับศัตรูในทันที
ขุนพลกวนอูในวันนี้ พรั่งพร้อมด้วยพละกำลัง กระบวนท่ารบ ง้าวมังกรเขียวที่ทรงพลัง และม้าเซ็กเทาอันยอดเยี่ยม จึงออกหน้าส่งสัญญาณท้าดวลต่อเตียวสิ้วอย่างไม่เกรงใจ และบังคับม้าเข้าใส่ในทันที
เตียวสิ้วแม้ว่าเตรียมใจอยู่ก่อนแล้ว และเชื่อมั่นในฝีมือของตนเองมาโดยตลอด แต่ประเมินความสามารถตนเองผิดพลาด ทั้งยังสูญเสียความเชื่อมั่น จึงพลาดท่าโดนกวนอูใช้ง้าวมังกรเขียวฟันคอขาดในกระบวนท่าเดียว ไม่ทันได้แสดงฝีมือที่เคยงำประกายอยู่เนิ่นนาน
ที่จริง ฝีมือของเตียวสิ้วนั้นสมควรอยู่ในระดับทัดเทียมกับงันเหลียง บุนทิว ขุนพลเอกของอ้วนเสี้ยว และเคยดวลเดี่ยวกับโลติด จูฮี ฮองฮูสง สามขุนพลใหญ่แห่งราชวงศ์ฮั่นในอดีตได้อย่างสูสีมาแล้วในอดีต แต่กาลเวลา สถานการณ์และสภาพจิตใจกลับทำร้ายผู้คนให้อ่อนแอลง ทำให้เตียวสิ้ว ดาวองครักษ์ต้องมาพลาดท่าตายให้กับกวนอูอย่างกระทันหันเช่นนี้
เตียวสิ้วจึงนับเป็นดาวดวงแรกของกลุ่มสัตตดาราที่ถูกฆ่าตาย แต่ก็มีผลกระทบอย่างมากต่อขุมกำลังแห่งนี้ เพราะเตียวสิ้ว เป็นชนชั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งของพรรคฟ้าเหลือง และเป็นเสมือนอาจารย์ผู้ฝึกสอนวิชาการต่อสู้ให้กับพวกสัตตดารารุ่นเยาว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นจูล่ง เตียวเลี้ยว เตียวหุย(ตัวจริง) หรือเตียวคับ ด้วยซ้ำ
การตายกลางสนามรบของคนระดับผู้นำอีกครั้งหนึ่ง หลังจากการตายของเตียวก๊กสามพี่น้องเมื่อหลายปีก่อน ส่งผลกระทบต่อจิตใจของพวกสัตตดาราอย่างมาก และสร้างความแค้นเคืองต่อกลุ่มเล่าปี่สามพี่น้องร่วมสาบานมากยิ่งขึ้น เพียงนับรองมาจากโจโฉ คู่ปรับเก่าตลอดกาล
ส่วนกาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ กลับเดินหมากพิสดาร เปิดประตูเมืองยอมสวามิภักดิ์อย่างสงบต่อฝั่งที่เตียวหุยนำทัพเข้ามาอีกด้าน จึงถูกนำตัวส่งให้กับฝ่ายโจโฉไปอีกทอดหนึ่ง ซึ่งโจโฉย่อมต้องยินดีที่ได้กาเซี่ยง กุนซือผู้มีพระคุณ เข้ามาเป็นพรรคพวกด้วย รีบจัดการตำแหน่งกุนซือหลักให้ในทันที
ผู้คนรับฟังเรื่องราวของกาเซี่ยงจึงพากันร่ำลือว่า กาเซี่ยงอาจจะเป็นตัวการหักหลักเตียวสิ้วเสียเอง เหมือนดั่งที่เคยทำกับพวกลิฉุยกุยกีในอดีต ซึ่งกาเซี่ยงก็นิ่งเฉย ไม่ตอบรับ แต่ไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่สร้างความมัวหมองเช่นนี้แต่อย่างใด กลับให้ความสนใจว่า ใครหนอเป็นผู้ที่ชอบเล่นกับข่าวลือในเมืองหลวงครั้งแล้วครั้งเล่า
ในที่สุด เมืองอ้วนเซีย ที่เคยสร้างความเจ็บช้ำในการสูญเสียลูกโจงั่ง หลานโจอันบิ๋น และองครักษ์ชั้นดีเตียนอุย ก็ได้เข้ามาผนวกอยู่ในอาณาจักรฮั่น พร้อมกันกับการประกันความมั่นคงแข็งแรงของจุดยุทธศาสตร์เมืองฮูโต๋ที่ตั้งอยู่ใจกลางแผ่นดินแล้ว ซึ่งโจโฉถึงกับมีคำสั่งให้โจหยิน โจหอง สองในสี่เทวะ ออกไปตั้งกองทัพใหญ่ประจำการรบ เมืองอ้วนเซียจึงกลายเป็นเมืองปราการด่านสำคัญในการป้องกันชายแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้ไปอีกนาน
ตัวละครสำคัญที่เป็นหอกข้างแคร่อย่าง อ้วนสุด และเตียวสิ้ว ล้วนตกตายไปสิ้นแล้วในการศึกคราวเดียว หากแต่ตัวโจโฉ ผู้ได้รับประโยชน์หายไปที่ใดหนอ?
…
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 2 - ปักษีครองอุดร
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย