Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
19 ก.พ. 2021 เวลา 01:27 • นิยาย เรื่องสั้น
2.2. ปราบพยัคฆ์ร้ายแดนใต้
ซุนเซ็ก พยัคฆ์น้อย - ซุนกวน พยัคฆ์หยกทักษิณ - ซุนแจ้ง ผู้นำตระกูลซุน
ฝ่ายซุนเซ็กแห่งเมืองห้อยเขที่เป็นดาวเด่นทางแดนใต้นั้น กำลังตกอยู่ในทางแพร่งของการขยายอำนาจเสียแล้ว เพราะอาณาเขตรอบด้านล้วนเป็นขุมกำลังที่รบด้วยยากเย็นทั้งสิ้น
ด้านเหนือ ติดเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว ด้านตะวันตก ติดเล่าเจี้ยงแห่งเสฉวน ล้วนแต่เป็นเจ้าเมืองที่ผู้คนนิยมรักใคร่ และเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น จึงไม่ควรตอแยด้วย ฝั่งตะวันออก ก็จรดทะเลมหาสมุทรแล้ว และทางใต้ลงไปก็เป็นเขตภูเขากันดารซับซ้อนที่มีชนเผ่าท้องถิ่นหนานเย่อาศัยอยู่
เปลือกนอก บ้านเมืองก็ดูสงบเรียบร้อยดีอยู่ แต่ ภายในแล้ว กลับมีการแย่งชิงอำนาจอิทธิพลกัน ระหว่างกลุ่มผู้อาวุโสกระหายสงคราม อย่าง เตียวเจียว อุยกาย กับกลุ่มคนรุ่นใหม่เน้นการกลยุทธ์ตั้งรับสงบนิ่งอย่าง จิวยี่ โลซก อยู่ประปราย
ทางด้านผู้อาวุโสนักรบนั้น มีซุนเซ็ก ผู้นำสูงสุดคอยสนับสนุนอยู่ ในขณะที่ด้านคนรุ่นใหม่ กลับมีเจ้าสัวเกียวชวน ผู้นำทางธุรกิจหนุนหลัง หากสังคมสุขสงบ ไม่ได้แผ่อำนาจไปที่ใด ฝ่ายเศรษฐกิจย่อมมีเสียงดังกว่า คนสายสงครามจึงไม่ต้องการให้อยู่นิ่งเฉยเนิ่นนานเกินไป
เตียวเจียว อุยกาย จึงพยายามประสานเสียงกันผลักดันให้ซุนเซ็ก ขยายพื้นที่การรบอยู่เนืองๆ จนเหลือแต่ต้องข้ามแม่น้ำไต้กัง บุกขึ้นไปทางเหนือหรือตะวันตกแล้วเท่านั้น เพราะทางใต้ก็เป็นเพียงดินแดนรกร้าง ชนเผ่าพื้นเมืองอยู่อย่างกระจัดกระจาย รบกินดินแดนไปก็ไม่เกิดประโยชน์มากนัก ดังนั้น สงครามครั้งต่อไปย่อมหนักหนาสาหัส และสิ้นเปลืองต่อทรัพยากรไม่น้อย
จังหวะชะงักงันด้านการรบนั้นเอง เสียงทางฝ่ายเศรษฐกิจของคนรุ่นใหม่อย่าง จิวยี่ โลซก จึงเข้มแข็งและมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าสัวเกียวถึงกับเสนอให้ย้ายเมืองหลักจากเมืองห้อยเขที่เป็นเมืองขนาดกลาง แต่มีเปรียบในด้านยุทธศาสตร์การรบ สลับไปอยู่ที่เมืองต๋องง่อ อดีตรังใหญ่ของจ้าวเสือขาวที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ติดทะเลซึ่งเหมาะจะเป็นเมืองท่าค้าขาย ความเจริญด้านเศรษฐกิจการค้าจะเพิ่มมูลค่าได้มากเป็นทวีคูณ รวมทั้งเปิดประตูสู่การค้าทางเรือไปยังดินแดนโพ้นทะเลได้อีกมากมาย แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการโจมตีจากพวกโจรสลัดทะเลหลวงก็ตาม
การถกเถียงอภิปรายยังไม่จบสิ้น ปัญหาค้างคาของเมืองต๋องง่อในช่วงหลังนี้ กลับมีผลต่อการตัดสินใจครั้งสำคัญด้วย เพราะมีกลุ่มอิทธิพลฝ่ายที่สามเริ่มก่อตัวขึ้นตามท้องถนน บ้านเรือน และแหล่งชุมชนสำคัญต่างๆ
จอมเวทย์อิเกียด อดีตสมุนคนสำคัญของจ้าวเสือขาว เงียมแปะฮอ ที่ช่วยให้ซุนเซ็กชนะศึกสองพยัคฆ์ในครั้งนั้น ยังคงมีบารมีเป็นที่นับหน้าถือตาของประชาชนท้องถิ่นจำนวนมากมาย จนทำให้พวกซุนเซ็กพยายามจะไม่แตะต้องหรือสร้างปัญหาต่อกันในช่วงแรก กลับกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลครองเมืองไปแล้ว
ลัทธิเซียนผู้วิเศษของอิเกียดที่รับรักษาโรคภัยต่างๆ และเรียกลมเรียกฝนได้ตามประสงค์ ราวกับเป็นผู้วิเศษเตียวก๊กกลับมาเกิดใหม่ ทำให้เกิดกลุ่มคนจำนวนมาก รวมทั้งนายทหารขุนนาง ตลอดจนชนเผ่าเย่ หรือโจรสลัดทะเล ต่างพากันนับถือศรัทธา ช่วยกันระดมทุนอุดหนุนกิจกรรมของลัทธิเซียน และเป็นกระแสแพร่หลายไปทั่วทั้งดินแดนกังตั๋ง ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง
คดีความยิบย่อยอันเกิดจากลัทธินอกรีต ขัดแย้งต่อนโยบายการปกครองของซุนเซ็กมากขึ้นเรื่อยๆ สร้างความปวดหัวให้กับซุนเปิน ลูกพี่ลูกน้อง ผู้เป็นเจ้าเมืองต๋องง่อโดยตำแหน่ง เพราะแม้แต่เจ้าสัวเกียว ผู้มีพระคุณแห่งแผ่นดิน ยังพลอยติดตามผู้นำอาวุโสตระกูลโล ตระกูลจู ไปสมัครเข้าเป็นลูกศิษย์ลัทธิ เพื่อหวังผลทางค้าไปแล้ว
แนวทางการชักนำผู้คนด้วยศรัทธาของเซียนอิเกียดคล้ายรุกล้ำท้าทายฝ่ายปกครอง ถึงกับเริ่มประดับธงผ้ายันต์ตามบ้านเรือน เรี่ยไรระดมเงินสร้างวิหารศักดิ์สิทธิ์ ประกาศตนเป็นสาวกอย่างออกนอกหน้าในเมืองต๋องง่อ และหลายหัวเมืองโดยรอบ จนซุนเซ็กหวั่นเกรงจะก่อให้เกิดภัยร้าย ต้องตัดสินใจดับกระแสสังคม ด้วยการจับตัวอิเกียดมาประหารชีวิตด้วยข้อหาหลอกลวงประชาชน และก่อการขบถแล้ว
การประหารชีวิตเซียนคนดังจัดขึ้นกลางเมือง ประชาชนแห่มาเป็นประจักษ์พยานอย่างล้นหลาม พยายามก่อเหตุหวังช่วยอาจารย์วิเศษ ซุนเปินจึงรีบโยนป้ายส่งสัญญาณให้เพชฌฆาตลงมือสังหาร แต่ผู้วิเศษอิเกียดที่ถูกมัดอยู่กับเสาหลักนั้นกลับล่องหนหายตัวไปต่อหน้าฝูงชนมากมาย พร้อมสายฟ้าผ่าทำลายเสามัดแตกสลาย เสียงหัวเราะส่งท้ายของอิเกียดช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก กลายเป็นคำร่ำลืออย่างเสียขวัญ เกรงว่า ท่านเซียนจะเคืองแค้นลงโทษต่อชนชาวกังตั๋งแล้ว
และก็เป็นจริงดั่งคาด สายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาหลายวัน ติดตามมาด้วยการเกิดโรคร้ายระบาด แมลงร้ายกัดกินพืชไร่อย่างต่อเนื่อง เหมือนเป็นบทลงโทษที่ซุนเซ็กบังอาจล่วงเกินต่อเซียนผู้วิเศษ จนราษฏรทั้งหลายแถบใต้ ซึ่งเชื่อมั่นเลื่อมใสในสิ่งศักดิ์สิทธิ์มานาน พากันโกรธแค้น และเสื่อมความนิยมในตัวผู้นำหนุ่มเลือดร้อนคนนี้ไปไม่น้อย
…
เรื่องราวของอิเกียด ย่อมเป็นฝีมือของสามปักษาสวรรค์ กระเรียนเป็นตัวแสดงหน้าโรง ให้นกฮูกจัดยาสารพัดโรคเป็นยันต์แช่น้ำเผาไฟ นัดแนะกับอีกาให้เรียกลมฝน ตามเนื้อหาในประวัติศาสตร์ เพราะอิเกียดตัวจริงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนแรก คนหน่วยปักษายังเข้าใจกันว่า เป็นการก่อกวนของพวกองค์กรป่วนอดีต แต่เมื่อค้นพบข้อมูลล่าสุด อิเกียดทำอาชีพเก็บสมุนไพร เดินทางหายสาบสูญไปพร้อมขบวนในหุบเขาเซียนปีศาจ เมื่อสิบห้าปีก่อน พลันนึกถึงเรื่องราวที่พวกตนโผล่จากประตูมิติมาพบกลุ่มหัวขโมย หรือว่า หนึ่งในนั้นจะมีอิเกียดรวมอยู่ด้วย
ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเรื่องที่เน้นการทำเรื่องใหญ่ ไม่คำนึงเรื่องปลีกย่อย จึงเริ่มสั่นคลอนภายในจิตใจ คนไร้ชื่อเสียงในยามนี้ อาจจะเป็นผู้ให้กำเนิด ครูอาจารย์ ผู้ช่วยชีวิต หรือ คนที่ส่งผลกระทบต่อคนสำคัญคนใดคนหนึ่งก็เป็นได้ แต่ผู้นำหน่วยคนปัจจุบัน เฒ่ากระเรียน ก็ยังยืนยันว่า ประวัติศาสตร์สามารถรักษาแก้ไขตัวมันเองได้อย่างพิสดาร ยังคงไม่จำเป็นต้องระวังจนเกินเหตุ
...
เมื่อปัญหาเศรษฐกิจและสังคมสะสมรุมเร้าเข้ามามากขึ้น จนกระแสความนิยมลดทอนลงไปมาก ทำให้แผนการย้ายเมืองหลักต้องชะลอไปก่อน ซุนเซ็กจึงปรึกษากันกับเตียวเจียว อุยกาย เพื่อหาเรื่องทำสงครามกับเล่าเปียว มาลดทอนแรงเสียดทานภายในดินแดนปกครองเหล่านี้ลงบ้าง แต่จิวยี่ โลซกกลับแสดงท่าทีคัดค้านการทำศึกอย่างรุนแรง ด้วยจังหวะและโอกาสยังไม่อำนวย ทำให้เกิดการโต้เถียงกันระหว่างสองกลุ่มการเมืองในที่ประชุมบ่อยครั้ง
แนวความคิดของกลุ่มลูกน้องขัดแย้งยังพอทำเนา หากแต่ครั้งนี้ ยังลามไปสร้างความขุ่นเคืองใจต่อเจ้าสัวเกียวชวน ผู้เป็นพ่อตา และผู้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจที่ร่วมประชุมอยู่ด้วย เจ้าสัวเกียวขุ่นเคืองใจเรื่องการจากไปของเซียนอิเกียดเป็นทุนเดิม เลยเผลอทำเสียงแข็งไม่ไว้หน้าบุตรเขย ทำให้ซุนเซ็กรู้สึกคับแค้นใจ และขึ้นม้าไปพักสงบสติอารมณ์บนเนินเขาสูงใกล้ๆเมืองตามลำพังด้วยความเคยชิน
บนเนินเขาแห่งนี้ ซุนเซ็กมักจะหลบมานั่งมองดูบ้านเมืองด้วยอารมณ์ที่สงบนิ่ง และทำให้ระลึกถึงท่านพ่อซุนเกี๋ยนผู้ล่วงลับ เมื่อครั้งที่มันเพิ่งอพยพติดตามท่านพ่อมาแดนใต้ใหม่ๆ ท่านพ่อมักจะนำมันพร้อมกับน้องๆขึ้นมาบนเนินเขานอกเมืองเช่นนี้บ่อยครั้ง เพื่ออธิบายสถานที่สำคัญ จุดยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีการรบให้แก่พวกมันไว้
บรรยากาศเนินเขานอกเมืองจึงคล้ายเป็นที่พักทางใจให้กับมันมาโดยตลอด หากแต่คราวนี้ มันกลับเดินเข้าไปสู่วงล้อมของศัตรูตัวฉกาจอย่างโจโฉ กุนซือ ตันกุ๋น องครักษ์เคาทูและขุนพลแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน สองในสี่เทวะเสียแล้ว สถานการณ์ห้ารุมหนึ่งจึงเกิดขึ้นบนเนินเขาแห่งนั้น
นี่คือแผนการลับสุดยอดที่กุนซือกุยแกวางแผนให้กับโจโฉ โดยให้ตันกุ๋น หรือตันก๋งเดิม หาทางล่อลวงซุนเซ็กมาติดกับดักวงล้อม เพื่อหาทางกำจัดเสีย
สำหรับโจโฉแล้ว ทางหนึ่ง ซุนเซ็กคือ ศัตรูทางการเมืองที่เอาชนะด้วยสงครามได้ยาก เพราะสมรภูมิรบเป็นสามเส้าที่มีขุมกำลังของเล่าเปียวจับจ้องอยู่ และโดนน่านน้ำใหญ่ขวางกั้น จนต้องทำการรบทางน้ำเป็นหลักเท่านั้น ซึ่งโจโฉยังไม่พร้อมจะเปิดศึกแบบนั้นในจังหวะเวลาเช่นนี้
อีกทางหนึ่ง ซุนเซ็กคือ ศัตรูทางความรักที่ได้ตัวไต้เกี้ยวไปเป็นคู่ครอง หากซุนเซ็กตายไปโดยไม่เกี่ยวข้องกับตัวมัน ย่อมเป็นไปได้ที่คนรักเก่าจะกลับมาสู่อ้อมอกของมันอีกครั้งหนึ่ง การลอบลงมือโดยกะทันหันในขณะที่ด้านบน กองทัพโจโฉกำลังเกิดศึกกับพวกอ้วนสุด เตียวสิ้วอยู่เช่นนี้ จึงเป็นผลดีต่อตัวมันอย่างแน่นอน
แม้ว่าจะเป็นลูกชายของสหายเก่าก็ตาม โจโฉก็ไม่ลังเลที่จะจัดการให้สิ้นซากอีกต่อไปแล้ว ขออภัยด้วยนะ ท่านซุนเกี๋ยน
…
ซุนเซ็กนึกย้อนถึงบทสนทนากับหมอเทพยดา ฮัวโต๋ ในเรื่องปัญหาสุขภาพของตัวมันเอง เมื่อหลายเดือนก่อน ฮัวโต๋จับมันนอนลงบนเตียง รับการฝังเข็มตามชีพจรไปทั่วร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางกล่าวโดยสรุป “จากการวินิจฉัยโดยละเอียดแล้ว ภายในศีรษะของท่านน่าจะมีก้อนเนื้อร้ายปะปนอยู่ ทำให้ท่านมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงกระทันหัน สายตาพร่ามัว มองเห็นภาพผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง ซึ่งโรคร้ายเช่นนี้ ยากจะรักษาได้ และอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ทุกเมื่อ การจุดไฟฝังเข็มอาจจะพอยื้อเวลาได้บ้าง แต่คงไม่อาจต่อชีวิตเนิ่นนานเกินหนึ่งปี ข้าเสียใจด้วยจริงๆ”
ซุนเซ็กเงียบงันไปชั่วขณะ ค่อยเม้มปากกล่าวคำสั่งเสียต่อหมอใหญ่ “เรื่องนี้จงปิดเป็นความลับ ไม่ต้องบอกกล่าวต่อผู้ใด ปล่อยให้ตัวข้าจัดการสะสางเรื่องราวเบื้องหลังด้วยตนเองตามลำพังเถิด เวลาของข้าคงเหลือน้อยเต็มทีแล้วจริงๆ”
หมอฮัวโต๋พยักหน้ารับคำพร้อมแววตาประหลาด ปล่อยให้ซุนเซ็กใช้ความคิดล่องลอยไปกับแผนการฉุกเฉินที่อยากจะกระทำก่อนตาย
…
ยามนี้ ซุนเซ็กมาถึงจุดสำคัญของแผนการลับนั้นแล้ว มันสู้อุตส่าห์หลอกล่อให้ศัตรูสำคัญมาอยู่ตรงหน้าได้ด้วยจำนวนคนไม่กี่คนเท่านั้น หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ฝ่ายมันสมควรจะมี จิวยี่ ไทสูจู้ กำเหลง เล่งโฉ ออกมาช่วยเหลือนานแล้ว แต่เหล่าคนสนิทเหล่านี้ หายหัวกันไปที่ใดกันหนอ จึงปล่อยให้มันรับมือกับพวกคู่อริตามลำพังเช่นนี้มาเนิ่นนานนัก
ยิ่งคิดยิ่งร้อนรุ่มใจ อาการทางสมองกลับยิ่งกำเริบขึ้น ซุนเซ็กรู้สึกปวดหัวเจ็บแปลบขึ้นมา ภาพตรงหน้ามืดดับลงอย่างกระทันหัน จนรู้สึกถึงอาวุธที่ทิ่มแทงมาจากด้านหลัง มองเห็นเป็นจิวยี่ คู่เขยคนสนิท กระชากกระบี่ออกไปพร้อมส่งเสียงหัวร่อเยาะเย้ยฮาฮา หรือว่า จิวยี่ทรยศหักหลังมันไปแล้วจริงๆ
มันสะบัดตัวขัดขืน จนปลายกระบี่หักฝังติดคาอยู่ที่หัวไหล่ ภาพเบื้องหน้าพลันเปลี่ยนแปลงไป จากใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของจิวยี่กลายเป็นใบหน้าหยาบกร้านหนวดเคราดกครึ้มของโจโฉแทน เห็นโจโฉดึงกระบี่สั้นล่าถอยออกไป เปิดทางให้สองพี่น้องสกุลแฮหัวพุ่งเข้ามารับหน้าแทน
เคาทูรอคอยจนได้จังหวะ พุ่งตัวคว้าร่างมันล้มกลิ้งไปกับพื้น เปิดโอกาสให้แฮหัวเอี๋ยนยิงเกาทัณฑ์สั้นเข้าใส่ปักชายโครงซ้ำ และตามมาด้วยอาวุธของโจโฉ แฮหัวตุ้น ตันก๋ง อีกหลายแผล ก่อนที่มันจะสะบัดหลุดออกจากวงล้อมมาได้
แต่การจัดการกับซุนเซ็กผู้เหี้ยมหาญนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ซุนเซ็กได้รับบาดเจ็บ จนเลือดท่วมกาย อาการสาหัสปางตาย แต่ยังสามารถหลบหนีลงมาทางเชิงเขาได้ในที่สุด และพบกับขุนพลอุยกายที่ขี่ม้าสวนทางขึ้นมาคนเดียวโดยบังเอิญ
“อุยกายคงจะมาตามหาข้าให้กลับไปร่วมประชุมต่อ ช่างประเสริฐยิ่งนักที่มีขุนพลที่รู้ใจกันเช่นนี้ น่าเสียดายที่ครั้งนี้ เราเลือกที่จะไม่ใช้มันในแผนการลับด้วยอีกคน” ซุนเซ็กรีบวิ่งเข้าไปหาขุนพลอาวุโส กอดคอสั่งความให้แค่พอได้ยิน
และแล้ว เห็นปลายทวนของอุยกายแทงทะลุอกของมันอย่างรวดเร็ว ปลิดชีพพยัคฆ์หนุ่มซุนเซ็กไปทันที
พวกโจโฉตามมาทันจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ตันกุ๋นจึงรีบนำอุยกายมาแนะนำกับโจโฉ “อุยกายเป็นสายลับของข้าที่แฝงตัวอยู่ในก๊กนี้มานานแล้ว การล่อลวงซุนเซ็กมาบนยอดเขาเป็นผลงานความคิดอ่านของมัน” ตันกุ๋นจงใจไม่พูดถึงเครือข่ายสุมา เพียงกล่าวถึงตนเองไว้ก่อน
“ผลงานยอดเยี่ยม จงปล่อยมันไว้ทำหน้าที่ต่อไป ไม่นานจากนี้ เราอาจต้องใช้มันอีกในสนามรบ” โจโฉจ้องมองซากศพของซุนเซ็กไม่ละสายตา พลางกล่าวอย่างเบิกบานใจที่กำจัดหอกข้างแคร่อีกคนได้สำเร็จ “ธงประจำทัพของข้ายังโบกสะบัดอยู่ที่เมืองอ้วนเซียโน่น ย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าเป็นฝีมือของข้าหรอก”
แต่พวกโจโฉกลับไม่มีเวลาชื่นชมต่อผลงานนานนัก เพราะกองทัพพยัคฆ์หยกนำโดยจิวยี่ และขุนพลมีชื่อ กำลังมุ่งหน้าขี้นมาจากระยะไกล โจโฉรีบส่งสัญญาณขึ้นม้าล่าถอย ให้ตันก๋งนำทางลงจากเนินเขาไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
จากนั้น อุยกายที่มีคราบน้ำตาเต็มใบหน้า จึงนำร่างไร้วิญญาณของซุนเซ็กเดินเท้าเข้าหาพวกจิวยี่ เพื่อถ่วงเวลา พลางอ้างว่า "ก่อนตาย นายน้อยบอกว่า เล่าเปียวส่งคนมาลอบสังหารท่าน เช่นเดียวกันกับที่เคยจัดการ ซุนเกี๋ยน ผู้เป็นบิดา"
แม้เป็นคำพูดลอยๆ แต่สถานการณ์นั้นเป็นใจ จึงไม่มีใครสงสัย ด้วยว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันอยู่ จิวยี่เศร้าเสียใจอย่างหนัก ถึงกับกระอักเลือดตกจากหลังม้าไปอีกคน
ท่ามกลางความเศร้าเสียใจที่แผ่ขยายไปทั่วแดนใต้ ยังมีเตียวเจียวที่ล่วงรู้แก่ใจว่า เล่าเปียวไม่ใช่ฆาตกรตัวจริงมาโดยตลอด “อุยกายคือตัวปัญหาแล้ว” มันคิดแต่ไม่อาจเอ่ยปากบอกผู้ใด ปล่อยให้เล่าเปียวกลายเป็นแพะรับบาปเพิ่มหนี้แค้นไปอีกครั้ง
...
เนื่องจากต้องมีผู้นำจากตระกูลซุน ซุนเซ็กมีเพียงแต่บุตรีเยาว์วัย ยังไม่มีทายาทฝ่ายชาย ขุนนางใหญ่ทั้งสี่แห่งแดนกังตั๋ง อันมี เตียวเจียว จิวยี่ อุยกาย โลซก และผู้นำทางธุรกิจเกียวชวน จึงตกลงพร้อมใจกันยกซุนกวน น้องชายคนถัดมาของซุนเซ็กในวัยสิบหกปี ขึ้นเป็นผู้นำแทน โดยจัดสรรให้จิวยี่ และอุยกายเป็นผู้ดูแลรักษาอำนาจการทหาร เตียวเจียว โลซก ดูแลเรื่องการปกครอง อันเป็นการถ่วงดุลอำนาจเก่า-ใหม่ไว้ก่อนทั้งสองด้าน และเกียวชวนเป็นผู้ดูแลด้านเศรษฐกิจเช่นเดิม
การที่ซุนกวนซึ่งเป็นลูกศิษย์สายตรงของเจ้าสัวเกียว ก้าวขึ้นสู่อำนาจสูงสุดในครั้งนี้จึงทำให้ฝั่งที่ชมชอบให้เศรษฐกิจนำการทหารอย่างเกียวชวน จิวยี่ ลูกเขย และโลซก ลูกศิษย์ผงาดขึ้นมีบทบาททางการเมืองมากขึ้นกว่าเดิม จนเตียวเจียว อุยกาย และฝ่ายกระหายสงครามต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวลงไปมากตามกระแสการเมืองที่แปรเปลี่ยนไป นโยบายสำคัญอันดับแรกของกลุ่มพลังหนุ่มก็คือ การย้ายเมืองหลักไปยังเมืองต๋องง่อตามที่เคยเสนอซุนเซ็กค้างไว้นั่นเอง
แต่ยังมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือ ทายาทสกุลซุนที่ยังอายุน้อย ตั้งแต่ซุนลอง ซุนของ ลงไป ล้วนถูกเตียวเจียวเสนอให้ไปซ่อนตัวอยู่กับซุนแจ้ง ผู้นำตระกูลซุนในรังลับใต้ดิน เพื่อประกันความปลอดภัยให้กับคนในตระกูลซุน มิให้ถูกลอบทำร้ายโดยง่าย เหมือนซุนเกี๋ยนซุนเซ็ก สองพ่อลูกได้อีกต่อไป
มีเพียงไต้เกี้ยวภรรยาม่ายในวัยสาวที่ขอนำบุตรีน้อย ทายาทซุนเซ็ก กลับไปพักอาศัยอยู่กับเกียวชวน ผู้เป็นบิดา แทนที่จะต้องถูกพรากตัวลูกสาวให้ต้องอยู่เดียวดายในพระราชวังต่อไปตามแผนการเก็บซ่อนทายาทนั้น ซึ่งเตียวเจียวเห็นว่า เด็กหญิงไม่มีความสำคัญทางการเมืองมากนัก จึงยอมปล่อยตามใจ เพื่อรักษาหน้าของอดีตนายหญิง และเจ้าสัวเกียวอีกทางหนึ่ง
นางไต้เกี้ยวลอบเก็บปลายกระบี่ที่หักคาไหล่ของสามีซุนเซ็ก ซึ่งเป็นเพียงเงื่อนงำเดียวที่มีไว้ในกล่องไม้ใบน้อย เพื่อรำลึกถึงความแค้นครั้งนี้ สักวันหนึ่ง ย่อมต้องมีหนทางพบเจอฆาตกร และล้างแค้นให้กับสามีผู้จากไป
…
ค่ำคืนเดือนกระจ่าง ขุนพลจิวยี่นั่งอยู่ในห้องหนังสือส่วนตัวหลังพักฟื้นอาการบาดเจ็บภายในวันก่อน ระบายอารมณ์ขุ่นเคืองไปกับพิณกู่เจิ้ง ภายในใจครุ่นคิดถึงการเสียสละชีวิตของผู้เป็นทั้งเจ้านาย สหายสนิท และคู่เขยของตนเอง การตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งนี้ ทำร้ายผู้คนทั่วแผ่นดินกังตั๋งไปตลอดทั้งชีวิตจริงๆ
ซุนเซ็กไว้วางใจให้มันนำพาไทสูจู้ กำเหลง เล่งโฉ และทหารมีฝีมือในกองทัพพยัคฆ์หยก เข้าร่วมแผนการสังหารโจโฉที่เนินเขานอกเมือง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตรงไปตามแผนการที่ซุนเซ็กวางไว้แล้ว หากแต่ตัวมันเองที่มีความคิดขัดแย้งในใจ ไม่อาจปล่อยให้พยัคฆ์หนุ่มหน้าหยกชิงลงมือต่ออุปราชจอมโฉดในเวลาที่ไม่สุกงอมเช่นนี้
หากโจโฉตายไปอย่างกระทันหันด้วยฝีมือของคนกังตั๋ง เห็นทีว่า มีแต่ผู้อื่นจะได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ โดยเฉพาะขุมกำลังอ้วนเสี้ยวทางเหนือ หรือพวกเล่าเปียวเล่าเจี้ยง สองเชื้อพระวงศ์อาวุโสที่เฝ้ารอจังหวะอยู่ ในขณะที่ดินแดนใต้ที่ยังไม่เป็นปึกแผ่นมั่นคง จะกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเสียเปล่าๆ
มันพยายามคัดค้านต่อซุนเซ็กแล้ว แต่นายน้อยไม่รับฟังความเห็นใดๆ อีกทั้งปกปิดเรื่องราวนี้ต่อคนอื่นทั้งปวง แม้แต่เสาหลักทั้งสามที่เหลือ เตียวเจียว อุยกาย โลซก ก็ไม่รับรู้เรื่องราว จึงมีเพียงมันคนเดียวที่เป็นห่วงโซ่สัมพันธ์ในแผนการครั้งนี้
ดังนั้น จิวยี่ จอมปัญญา จึงหมายสั่งสอนมอบบทเรียนให้ซุนเซ็กแต่พอประมาณ ปล่อยให้คนดื้่อดึง มุทะลุ ได้รับความพ่ายแพ้บาดเจ็บเสียบ้าง เพื่อลดทอนความห้าวหาญให้พอเข้าใจชีวิต หัดทบทวนตัวเองให้รับฟังผู้อื่น ย่อมจะเป็นผลดีต่อแผนการระยะยาวของขุมกำลังนี้ หากแต่มันประเมินเวลาผิดพลาด ไม่คาดว่า ซุนเซ็กผู้เกรียงไกรจะพลาดพลั้งต่อฝ่ายตรงข้ามที่มีไม่กี่คนได้รวดเร็วปานนั้น
ถูกต้องแล้ว ความเคลื่อนไหวของพวกโจโฉล้วนอยู่ในการข่าวของมันแล้วอย่างละเอียด ด้วยพลังฝีมือของซุนเซ็กสมควรรับมือได้ไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วยาม ไม่ทราบว่า การคำนวนของมันเกิดผิดพลาดไปได้อย่างไร ความตายของซุนเซ็ก จึงตกเป็นความรับผิดชอบของมันแต่เพียงผู้เดียว จิวยี่ เจ้าทำพลาดไปแล้วจริงๆ
ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่จริงแล้ว มันวางมือสังหารชั้นดีไว้ใกล้เรือโดยสาร เพื่อคอยจัดการตัดเขี้ยวเล็บของศัตรู หวังให้เหลือเพียงตัวหัวโจกโจโฉให้กลับไปแบบตัวเปล่า แต่ก็ไม่สำเร็จผล กลุ่มมือสังหารตกตายไปอย่างลี้ลับ คล้ายถูกอาวุธเชือดสังหารบ้าง คล้ายถูกฟ้าผ่าไหม้เกรียมบ้าง คงจะมีขุมกำลังลับใดแทรกแซงซ้ำซ้อนขึ้นมา
ความคิดฟุ้งซ่านหยุดชะงักลง เมื่อมีมือเรียวงามวางลงบนมือของจิวยี่อย่างแผ่วเบา เป็นเสียวเกี้ยว ภรรยาที่เพิ่งตั้งครรภ์แรก ปลอบโยนมันอีกครั้ง “สงบจิตใจลงบ้างเถิด ท่านพี่ยังต้องเป็นเสาหลักให้กับขุมกำลังกังตั๋ง ค้ำจุนน้องซุนกวนต่อไป มิอาจทำให้คนสกุลซุนที่ล่วงลับต้องผิดหวัง"
จิวยี่ละสายตาจากพิณคู่มือ จ้องมองที่ท้องนูนโตของสาวคนรัก พลางถอนหายใจใหญ่ ความลับความผิดพลาดเรื่องนี้ มิอาจบอกต่อผู้ใดในโลกเสียแล้ว มันได้แต่ต้องทำคุณความดีไถ่โทษให้กับความผิดของตนเองต่อไป
…
ณ หุบเขาละทิ้งอดีต คนเล่นพิณรับฟังข่าวการตายของซุนเซ็กจากสายข่าวด้วยสีหน้าท่าทีเดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ จน ซุนแจ้ง ผู้นำตระกูลซุน ที่นั่งเคียงข้างกันได้แต่ลุกขึ้นสารภาพผิด “เรื่องนี้ ข้าน้อยรับทราบมาก่อนแล้ว ซุนเซ็กมีปัญหาสุขภาพ ไม่อาจอยู่รอดเกินปีหน้า และกำชับให้ข้าปกปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะขนาดหมอฮัวโต๋ยังจนปัญญา มันจึงสิ้นหวัง มิคิดหาทางรั้งชีวิตไว้อีกต่อไป และคิดอุบายสุ่มเสี่ยง หวังให้ท่านได้ชื่นชมยินดีกับมันก่อนรับรู้ถึงความตายก่อนวัยอันควร”
หนุ่มใหญ่ผิวดำกร้านสบสายตากับคนเล่นพิณพร้อมพยักหน้าช้าๆ “ถูกแล้ว ข้าเองก็ค้นพบจากบันทึกคำทำนายเช่นกัน เพียงแต่ไม่คาดคิดว่า เรื่องราวจะเกิดขึ้นได้ก่อนกำหนดตั้งหลายปี ข้าเกรงว่า นี่จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดความผิดเพี้ยนไปจากเดิม เนื้อหาจึงเริ่มจะไม่สอดคล้องต้องกันเหมือนแต่ก่อน”
คนเล่นพิณคล้ายสงบใจได้แล้วตามประสาคนมากประสบการณ์ ที่จริง ตัวมันก็พอรับรู้ถึงโรคภัยที่เกิดขึ้น เพียงแต่คาดไม่ถึงว่า จะทำให้ซุนเซ็กตายเร็วเช่นนี้ แล้วแผนการมากมายที่วางไว้ก็คงต้องปรับเปลี่ยนไปอีกแล้วกระมัง
หากแต่ส่ิงที่พวกคนเหล่านี้กล่าวพาดพิงถึงนั้น มีคำว่า “บันทึกคำทำนาย” หรือว่า บุคคลเหล่านี้ครอบครองบันทึกอันใด คำทำนายชุดใด จนคล้ายเคยล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ราวกับตาเห็น แต่แล้ว กลับเริ่มผิดเพี้ยน ไม่ถูกต้อง ฟังแล้วช่างคุ้นหูนัก
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 2 - ปักษีครองอุดร
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย