พฤกษ์นั่งไม่ติด เขาจึงมายืนรอเฌอสรัลอยู่หน้าโรงพยาบาลแสงจันทร์นวลชวนฝันสีเหลืองอ่อนละออ
หญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเขา
"คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง” เธอว่าพลางยื่นมือมาจับเขาแน่น แต่สำหรับเขาไม่พอแค่นั้น เขาดึงร่างเธอเข้ามากอดทั้งร่าง รวบไว้ในอ้อมแขน
"ขอบคุณสวรรค์” เขาพูดออกมาไม่ตรงคำถาม
แต่เธอก็กอดตอบเขา
พฤกษ์พาเฌอสรัลเข้าไปภายในโรงพยาบาล ห้องผู้ป่วยของคุณพ่อเงียบสงัด
มันเป็นเวลากลางดึก เฌอสรัลเข้าห้องแล้วจึงนั่งลงที่โซฟาเงียบๆ
ทั้งสองพูดคุยกันเบาๆ เพราะไม่อยากให้ชายชราตื่น
“หมอบอกว่าต้องรักษาตัวอีกนานไหม” เธอถามไถ่ สายตาทอดไปยังชายชราอย่างห่วงใย
พฤกษ์ส่ายหัว “คุณพ่อแก่มากแล้ว ผมเกรงว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย”
"ครอบครัวของท่านล่ะ” เธอถามต่อ
"ท่านจากบ้านเกิดมาหลายสิบปี บ้านของท่านคือที่นี่”
เฌอสรัลทำหน้าทุกข์ร้อน เธอบิดมือไปมาก่อนโพล่งในที่สุด "รู้ไหม ฉันไม่ห่วงคุณพ่อเท่าห่วงคุณ”
เขาอึ้งกับคำพูดห่วงใยตรงๆของเธอ เสียงหนักแน่นพาถ่วงใจเขาหนักด้วยความอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
"คุณพ่อท่านแก่แล้วและท่านก็เยือกเย็นพอที่จะยอมรับชะตาอย่างสุขุม แต่วันนี้ที่ฉันได้ยินเสียงคุณ จ่อเส่ บอกตรงๆฉันว่าคุณกำลังหลงทาง”
พฤกษ์แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไม่เคยมีใครคิดถึงเขาแบบที่เธอคิดเลย
“ใช่ นอกจากคุณพ่อ ผมก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเหลือแล้ว หากท่านจากไป ผมก็อยู่ลำพังบนโลกนี้”
เขายอมรับอย่างง่ายๆ
ดวงตาทอดมองไปทางเตียงที่คุณพ่อนานอยู่ ท่านหายใจรวยริน
"คุณมีฉัน” เธอว่าแล้วจับมือเขาไว้แน่น
เมื่อเห็นเขาเงียบไป เธอจึงเอ่ยย้ำอีกครั้ง “คุณมีฉัน”
ท้ายเสียงนั้นห้วนเข้า เขาคิดเองว่าเธออาจเคืองเมื่อเห็นไม่ได้การจึงจูบเธอเร็วๆหนักๆเข้าที่ปากบางนั้น
"นี่คุณทำบ้าอะไร”
เฌอสรัลเสียงเขียวและบิดแขนเขาหนึ่งที
"อยากยืนยันตัวตนว่าคุณอยู่ตรงนี้จริงๆ”
เขาโอบเอวแล้วซบไหล่เธอดึงหัวเธอรุนมาซุกอกเขาไว้