17 ก.พ. 2021 เวลา 12:20 • นิยาย เรื่องสั้น
ใต้ร่มเงารัก ตอนที่ 7 สิ้นสีรวีวัน 🌅
"ผมต้องรีบขับ เราต้องลงดอยก่อนพระอาทิตย์ตกดิน" เขาเร่งเครื่องแรง สายลมพัดหวีดหวิวอย่างหวาดเสียว เมื่อทางเปิดใช้การได้ เฌอสรัลบอกกับเขาว่าต้องการกลับเข้าเมือง เขาไม่ห้ามสักคำแต่ยืนยันหนักแน่นว่าจะไปส่งเธอถึงบ้าน
ระยะทางที่ทั้งคู่เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ช่วงสายช่างเหน็ดเหนื่อยยาวนาน แต่เขาซึ่งเป็นคนขับไม่ยอมหยุดพัก ระยะทางแสนไกลไม่เป็นอุปสรรคแต่เขาจะไม่ยอมให้เขาและคนรักต้องแสงอาถรรพ์ก่อนพระอาทิตย์ตก เขาบอกเธอถึงคำสาปว่าคู่รักใดที่ลงดอยไม่ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดินจะต้องจากกัน ไม่จากตายก็จากเป็น
เธอเพียงเพลิดเพลินกับแสงสีส้มที่งามระยับจากชายขอบป่าไม้ และเมื่อเขาขอตัวลงไปทำธุระที่ชายป่า เธอทนเสียงเรียกร้องต่อภาพงามไม่ไหว จึงหยิบกล้องมาตั้งถ่ายรอพระอาทิตย์ตกดิน
เขาเดินกลับมาและเห็นเธอตั้งกล้องรอถ่ายพระอาทิตย์ตกดินจึงทำได้เพียงทำท่าทดท้อและทรุดตัวนั่งรอลงข้างเธอเท่านั้น เธอยื่นน้ำเปล่าให้เขาจิบ เขาเพียงส่ายหัว ทั้งเหนื่อยกายและระอาใจ
"คุณไม่ฟังผมเลยหรอ เรื่องคำสาปนั่น”
เธอส่ายหน้าเบาๆและรีบอธิบาย "ไม่ใช่ไม่เชื่อคุณ แต่ไม่คิดว่าคุณจะถือสาเป็นจริงจัง"
เขาถอนใจ มองฟ้าแสงสีส้ม มันงามจนปวดใจ เขาแทบไล่น้ำตาที่ข่มไว้ไม่อยู่ แค่คิดว่าจะต้องพรากจากกัน หัวใจเขาเหมือนถูกหั่นออกเป็นส่วนๆ มืออุ่นของเธอมาสัมผัสเขาอย่างรู้งาน ปลอบโยนเขาไว้และคล้องแขน ซบลงไหล่ ประกายตาที่เธอมองฟ้าสีสลัวอย่างชื่นชมนั้นจับใจเขาเสียไม่อาจเอ่ยคำ เขาลอบมองเธอด้วยหลายความรู้สึกที่ปะปนกันทั้งสมรักและสิ้นหวัง
"ฉันอดใจไม่ไหว ภาพตรงหน้ามันงามอย่างนี้"
เขามองออกไปยังจุดที่เธอจับสายตาอยู่ พระอาทิตย์กลมโตสีส้มอุ่น สาดแสงไล้ครั้งสุดท้ายโลมเล้าทั่วผืนป่า แมกไม้เขียวครึ้มที่เคยมองว่าสุดจะดิ่ง บัดนี้พบแสงไฟรายเรียงอยู่เบื้องล่าง เมืองใกล้เข้ามาทุกที ที่หมายของเธอไม่ใช่เขา
"ขอนั่งอยู่ตรงนี้สักพักนะคะ" เธอว่าและซุกกายเข้าหา ออดอ้อนเขาอย่างที่เคย เขาทำได้เพียงโอนหัวเข้าหาเธอและพิงไว้หนักๆ อย่างน้อยเตือนให้เธอรับรู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่ตรงนี้
🌿🌿🌿
ทั้งคู่มาถึงที่พักของเธอกลางดึก เฌอสรัลพักอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยเป็นอาคารพักพนักงาน เธอชวนเขาอย่างไม่สบตา
"คืนนี้ค้างด้วยกันนะคะ คุณพฤกษ์อุตส่าห์มาส่ง กลับวันนี้คงเหนื่อยแย่" เขาเดินตามเธออย่างว่าง่าย เธอเปิดประตูห้องน้อยๆนั่นและเปิดไฟสีนวล แสงส้มอุ่นๆของไฟฟ้า พาร่างเธองามอย่างประหลาดอย่างที่เขาไม่เคยมองเห็น
"อาบน้ำอุ่นด้วยกันไหมคะ" เธอเอ่ยปากอีกครั้ง เขาพยักหน้าอย่างใจลอย ถึงขั้นนี้ปฏิเสธก็คงโง่เต็มที่
ไอน้ำระอุพาให้มองเห็นภาพเธอไม่ชัด หญิงสาวสาดน้ำจากฝักบัวโลมไล้ตัว เขาแนบเธอเข้าไปอีกในห้องน้ำเล็กๆนั้น เขาและเธอต้องใกล้ชิดเนื้อตัวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ กลิ่นสบู่กรุ่นหอมเธอละเลงลูบไล้ตัวเขาเบาๆอย่างเอาใจ เขาสูดปากเมื่อมือบางของเธอขัดถูให้เขาแม้ในส่วนสงวน
"อาบน้ำอุ่นๆแบบนี้ชอบไหมคะ" เธอถามเสียงแผ่ว เขามองเห็นหน้าเธอแดงเป็นจ้ำๆ อาจเพราะน้ำร้อนหรือกระดากอายเพราะคราวนี้เธอทั้งเป็นฝ่ายเชิญชวนและรุกเร้า เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร เขาเชยคางเธอขึ้นมาจูบหนักๆ
"ไม่ชอบเท่าได้อาบกับคุณหรอก"
หน้าเธอแดงเข้าอีกละยิ่งถูตัวเขาแรงขึ้นอีก เขาสวมกอดแนบเนื้อเธอทั้งที่เธอยังตัวลื่นเพราะสบู่ เขารีบรูดครีมสบู่จากเรียวขาและนำพามันล่วงล้ำเข้าไปภายในตัวของเธอ
"พฤกษ์หยุดก่อน" เธอรีบพูด "อาบน้ำให้เสร็จแล้วไปรอที่เตียง" เธอไม่พูดเปล่าพลางสาดน้ำล้างตัวให้เขาอย่างแรง
🌿🌿🌿
เขานั่งลงบนเตียงมองไปรอบห้องของเฌอสรัล สิ่งของที่วางไว้ของเธอทุกอย่างล้วนสะท้อนตัวตนของเธอ หนังสือเล่มโตๆหนาๆวางอย่างแน่นขนัดอยู่ในชั้นหนังสือใบใหญ่ กระดาษสุมอยู่บนโต๊ะทั้งกองเครื่องเขียนหลากสี แผ่นกระดาษโน้ตที่แปะบนฝาหนัง ภาพถ่ายมากมายเรียงราย ผู้คนหลากหลายชนเชื้อชาติ ต่างภาษาวัฒนธรรมที่เธอได้เคยค้นคว้าศึกษา มุมหนึ่งน้อยๆริมระเบียงห้อง ต้นไม้แห้งเหี่ยวเฉารอคอยเจ้าของที่ร้างเรือนไปแรมเดือน
เธอออกมาจากห้องน้ำแล้วพร้อมผมที่เป่าหมาดๆแต่ยังคงมีไออุ่น
"คุณอยากดูหนัง ฟังเพลง หรือดื่มอะไรไหม" เธอเลือกนั่งลงบนโซฟาหนานุ่มแทนที่จะตรงมาที่เตียง เขาจึงเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งลงข้างเธอ เหมือนปฏิกิริยาอัตโนมัติ เธอรีบคู้เข่าขึ้นชันบนเก้าอี้และซบไหล่กว้างเขาทันที
"เหนื่อยไหมคะ" เธอกระซิบเข้าข้างหูของเขา มือเธอกอดเอวเขาไว้หลวมๆ เขาอยากจูบเธอเหลือเกิน แต่เขายังคงเคอะเขินกับสถานที่ เธอจับหน้าเขาหันมาเจอกับเธอตรงๆ "ถ้าเหนื่อยแล้วอยากพักผ่อน พฤกษ์เข้านอนเลยก็ได้นะคะ เฌอคงต้องทำงานอะไรอีกหน่อย" เธอแตะหน้าผากเขาเบาๆแล้วทำท่าจะผละลุกไป
"สา" เขาเรียกเธอเสียงแหบแห้ง รู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวเอง "ผมขอกอดหน่อย" เธอยิ้มอย่างว่าง่ายและซุกตัวเข้าหาเขา เขากดร่างเธอไว้แนบอก ก่อนจะระดมจูบซัดเข้าปากให้เธอไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวรู้ทีว่าจะต้องเป็นแบบนี้แต่ก็สนองเขาเต็มที่ เธอไล้มือน้อยๆไปรอบชายขอบกางเกงของเขา และดึงรั้งมันลงต่ำ เธอลูบไล้ต้นขาแข็งแรงของชายหนุ่ม ขย้ำจิกด้วยปลายเล็บ เขาถึงกับส่งเสียงเล็ดลอดด้วยความเสียวซ่าน เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไร จึงค่อยๆดุนลิ้นเข้าลามเลียหน้าอกของเขาอย่างช้าๆ เขาขย้ำเนื้อเธออย่างแรงตามอารมณ์ที่คุกรุ่น
ชุดนอนซาตินของหญิงสาวไล้ลู่ตามเรือนร่าง พฤกษ์จับเนื้อนูนผ่านผิวผ้าอย่างเผลอไผล ผ้าบางนี้ช่างเหมาะเจาะรับรูปร่างของเธอจนเขาเผลอขยี้ด้วยแรงมือ เธอกัดปากด้วยความเสียวซ่าน เขากดตัวเธอลงต่ำแต่เธอรีบยันเขาและพลิกตัวหลบ เขาตะปบเธอได้จากด้านหลังและมือยังขย้ำช่วงหน้าอกของเธออย่างเข้าฝ่ามือ เขารู้ได้ว่านี่คือแผนการยั่วยวนของเธอที่ต้องการเรียกร้องให้เขาลงมือกระทำในท่านี้
เขากดร่างทับเพื่อทดสอบให้อวัยวะเข้ากับที่ หญิงสาวดูพึงใจพลางห่อปากด้วยความชื่นชอบ เขาไล้นิ้วจากด้านหลัง เนินตุ่มที่บวมเป่งนั้นเขามองได้ไม่รู้อิ่ม เขาแหวกออกและแลบเลียด้วยลิ้นอย่างผะแผ่ว เธอจิกเกร็งเล็บขยุ้มเข้ากับเบาะโซฟา เขาไล้ต่ออย่างไม่เบามือและได้ยินเสียงเธอครางเล็ดลอดออกมา
"ไปที่เตียง" เขาพูดเสียงห้วนละยกเธอปลิวด้วยแรงเฮือกสุดท้าย ดีที่ว่าเตียงถูกตั้งอยู่ติดกับโซฟานั่น เขาไม่ถนัดกับเครื่องเรือนใดๆ
หญิงสาวเมื่อถูกยกปลิวมาก็รีบหันกลับท่าเดิม เขารู้ด้วยท่าทีจึงโลมเล้าเธอต่อจากด้านหลัง เธอล้วงเข้าด้านหน้าตัวเองและใช้นิ้วละเลงเป็นจังหวะ เสียงน้ำกระทบความฉ่ำชื้นพาใจเขาเตลิด เธอยังคงรัวนิ้วไม่หยุดเสมือนบอกถึงความปรารถนา
เธอพลิกตัวหงาย ยกขาออกกว้าง "จ่อเส่ กิน.." เธอพูดไม่ทันจบประโยคเขาก็เร่งเข้าไปสนอง แลบลิ้นโลมเลียทุกซอกเร้น เธอบิดเร่าอย่างไม่อายแต่ปราศจากเสียงร้องโดยสิ้นเชิง เขาเร่งแรงขึ้นอีกเธอเผลอหลุดครางออกมาแต่ยันเขาออกโดยเร็ว เธอจรดปากกับของๆเขาและรับมันเข้าอย่างเต็มกลืน เขาสูดปากจะกรีดร้องแต่เธอไวกว่าละนำพาปากมาดูดกลืนเสียงนั้น มือเธอยังชักไช้เขาหยุด จนเขาจนเจียนจะถึงที่หมาย เธอรีบเปิดลิ้นชักหัวนอน นำเครื่องป้องกันมาครอบไว้
"กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ จะได้สนุกเต็มที่" สัมผัสของมันแปลกและรื่นรมย์กว่าที่คิด เธอรูดมันลงอย่างเบามือและจูบปลายผะแผ่ว เธอแอ่นโค้งหลังหาเขา เขาจับบั้นเอวเธอไว้และกระหน่ำเข้าจนหญิงสาวหน้านิ่วด้วยความรุนแรง เธอยันเขาออกก่อนดันบั้นท้ายตัวเองตามจังหวะที่เธอชื่นชอบมากกว่า เธอเน้นร่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นทุกจังหวะเพิ่มการบีบรัดให้เขาเป็นพิเศษ เขารู้ว่าเธอกำลังมุ่งมั่นที่จะมอบสัมผัสให้เขาทั้งทางดิ่งและทางขนาบ แรงจังหวะของเธอหน่วงหนับเข้ากับเครื่องป้องกันเขาอดใจไม่ไหวที่จะต้องบดหนักๆเขาให้ชนจุดหมายในโถงลึกที่เขาเคยใช้เนื้อสัมผัส เมื่อถึงจุดกระจายแสงเขาเค้นน้ำออกมาแล้วหมายในใจว่าพรุ่งนี้เช้าก่อนเธอจะรู้ตัว เขาจะคืนสัมผัสเนื้อแนบเนื้อกับเธอให้สาสม
🌿🌿🌿
แผนเอาคืนของเขาพังไม่เป็นท่า เพราะว่าเธอตื่นเช้าเกินไป และเขาเพลียกับการเดินทางจนหลับลึกและตื่นเมื่อตะวันเริ่มฉายแสงจ้า
เฌอสรัลเร่งรุดไปมหาวิทยาลัยและทิ้งโน้ตไว้ให้เขา ข้อความเขียนว่า “ฉันอยู่ที่ตึกคณะ ตื่นแล้วมาหาฉันนะคะ พวกนักศึกษารอฟังเรื่องคุณเยอะเลย”
เขาโอดครวญ พวกวัยรุ่นอีกแล้วทั้งยังเป็นวัยรุ่นที่เลือกเรียนในสิ่งที่แม้แต่เขาเองยังสงสัยว่าเรียนไปเพื่ออะไร มิพักต้องพูดถึงความกระตือรือร้น ช่างซักช่างถามที่คงได้บ่มเพาะจากอาจารย์อย่างเฌอสรัล รวมทั้งความคิดวิเคราะห์ประหลาดๆที่พยายามใช้เลนส์ทางวิชาการมองกลุ่มชาติพันธุ์ของเขาอีก แต่เขาก็พยายามอารมณ์ดี เพราะอย่างน้อยก็ได้เจอเธอ ว่าแล้วก็อาบน้ำแต่งตัวให้เนี้ยบเรียบร้อยกว่าปกติ
🌿🌿🌿
พฤกษ์จำไม่ได้ว่าตอนที่เจอเฌอสรัลครั้งแรก เขาเคยนึกวาดภาพเธอเป็นเช่นนี้หรือไม่
หญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆกับกางเกงเขียวเข้มที่โอบเอวบางนั้น เธอไม่ได้แต่งตัวพิเศษกว่าเมื่ออยู่ดอย แต่บุคลิกภาพและความมั่นใจระหว่างเอื้อยเอ่ย ถกเถียง และแถลงการณ์อยู่หน้าชั้นเรียนนั้น ทำให้เขาหายใจขัด นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนตั้งใจฟังเธอและร่วมแลกเปลี่ยนพูดคุยกับประเด็นที่เธอยกขึ้นมาอย่างคึกคัก (แม้เขาจะลอบมองเห็นว่ายังมีบางคนวุ่นกับมือถือ และมีบ้างที่ใจลอย) แต่โดยภาพรวมเธอดูพึงพอใจกับชั้นเรียนมาก แววตาที่เปล่งประกายจ้าของเธอนี้ฉายแววชัดอย่างซ่อนไม่มิด เธอยังพูดอยู่แต่ขณะที่เธอหันมาเห็นเขา เธอยิ้มด้วยเล่ห์ประหลาด
ในสายตาของเฌอสรัลพฤกษ์ดูหล่อเหลาอยู่เสมอ ยิ่งยามเขาเดินในป่า ลำแขนแข็งแรงที่เธอไม่อาจมองข้าม ร่างสูงตระหง่านเย้ยแดดท้าลมนั้นพาใจเธอวูบไหว แต่เธอไม่คิดว่าเมื่อเขามาอยู่ในเมืองกลิ่นป่าจะยังลอยอบอวลพร้อมเสน่ห์เกินต้านทาน เธอลอบเห็นนักศึกษาสาวบางคนมองเขาตาปรอย
เธอกระแอมเล็กน้อยก่อนผายมือแนะนำตัวเขา “นี่คุณพฤกษ์ หรือโจเซฟ เขาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ตอนไปเก็บข้อมูลที่หมู่บ้านดอยผาหม่อน” หลังสิ้นเสียงเธอ พฤกษ์ถึงกับตาลาย หูอื้อไปด้วยการยกมือและคำถามของนักศึกษาที่รุมเร้า บางคำถามเขาแทบไม่เข้าใจด้วยซ้ำ
“คุณพูดภาษาไทยได้คล่องไหมครับ นอกจากภาษาไทยมาตรฐานและภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์แล้ว คนที่หมู่บ้านใช้ภาษาอะไรอื่นอีกหรือเปล่า”
“ที่นั่นมีไฟฟ้าใช้ไหมคะ และสาธารณูปโภคพื้นฐานเข้าถึงพร้อมหรือไม่”
“อาจารย์บอกว่าบนดอยสวยมาก แทบจะไม่เหมือนอยู่ประเทศไทยเลย ทำไมชุมชนจึงไม่คิดเอาการท่องเที่ยววิถีชุมชนไปปรับใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ชุมชน”
“นอกจากประเพณีต้นไม้ชีวิตและวิถีหมอชาวบ้านแล้ว คุณมองว่าประเพณี หรือธรรมเนียมใดอีกเป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์” ฯลฯ พฤกษ์พยายามตอบทุกคำถามอย่างใจเย็น เมื่อได้เห็นท่าทางสนใจใคร่รู้ของนักศึกษาเมื่อได้ฟังคำตอบของเขา ทั้งยังจดบันทึกสิ่งที่เขาพูดแทบจะคำต่อคำ ทำให้เขาทั้งกึ่งภูมิใจ มันออกจะท่วมท้นและกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ตอนออกภาคสนามกับอาจารย์เป็นอย่างไรครับ กับพวกผมอาจารย์เข้มงวดมาก”
สิ้นคำถามนั้น นักศึกษาทั้งห้องก็ฮาครืน
“พอแล้ว” เฌอสรัลขึ้นเสียงเล็กน้อย “พวกคุณที่มีคำถามอะไรอีก หลังจากได้อ่านบันทึกภาคสนามของอาจารย์ ให้เขียนส่งมาทางอีเมล งานที่สั่งไว้ให้ค้นคว้าเพิ่มเติมเรื่องการศึกษาวิถีชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ราบสูง กำหนดส่งวันนี้นะคะ”
“อาจารย์คะ ขอให้พวกเราถ่ายรูปคุณพฤกษ์ได้ไหมคะ ร่วมกันทั้งห้องเลย” เฌอสรัลไม่ตอบคำถามแทนเขา แต่เธอหันหน้ามองเขาและพยักหน้าไวๆ
“เอาสิครับ” หลังเขาตอบรับ เขาถูกนำยืนกลางหมู่มวลนักศึกษาเคียงข้างกับเธอ
แสงแฟลชวูบเพราะนักศึกษาลืมปิดหมวดอัตโนมัติไว้ พฤกษ์ไหวไหล่เล็กน้อยแอบกุมมือเฌอสรัลอย่างที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แต่แท้จริงภาพบันทึกไว้ได้ทั้งหมด
-หมายเหตุ ชื่อบุคคล สถานที่และข้อมูลเป็นเรื่องแต่ง เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน-

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา